8 เดือนคดีไม่คืบ! แม่ร่ำไห้ รถตร.ตัดหน้า ชนจยย. ลูกชายดับพร้อมเพื่อน
8 เดือนคดีไม่คืบ! แม่ร่ำไห้ ขอความเป็นธรรม ลูกชายเรียนดี-นักกีฬาโรงเรียน โดนรถตำรวจตัดหน้าข้ามเกาะกลาง จนจยย.พุ่งชน ลูกชายเสียชีวิตพร้อมเพื่อน
(2 มิ.ย.68) เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานสายไหมต้องรอด นางอรุณรุ่ง (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี แม่ผู้สูญเสีย หอบรูปหน้าศพลูกชาย เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย ซึ่งขี่รถจักรยานยนต์ไปกับเพื่อนเพื่อที่จะไปโรงเรียน จู่ๆ ถูกตำรวจขับรถฟอร์จูนเนอร์ออกมาจากซอยกะทันหัน จนเฉี่ยวชนกัน ทำให้ลูกชายและเพื่อนเสียชีวิต แต่ผ่านมา 8 เดือนคดีไม่คืบหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โดยจากคลิปจะเห็นว่ารถจักรยานยนต์ขี่มาทางตรงซึ่งเป็นทางเอก และมีรถฟอร์จูนเนอร์ขับออกมาจากซอยเพื่อที่จะเลี้ยวตัดหน้าไปที่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งจุดนั้นเป็นจุดห้ามเลี้ยวหรือห้ามผ่านเนื่องจากมีเส้นจราจรชัดเจน ทำให้จักรยานยนต์ที่ขี่มาทางเอก ชนเข้ากับรถฟอร์จูนเนอร์ อย่างจัง และเสียชีวิตทั้ง 2 ราย
นางอรุณรุ่ง เปิดเผยว่า เหตุเกิดวันที่ 21 กันยายน 2567 เวลา 7.20 น ลูกชายของตนชื่อ น้องไดร์ อายุ 15 ปี และน้องมอส อายุ 14 ปี ปกติแล้ว น้องมอส เพื่อนของลูกชายจะขี่จักรยานยนต์เดินทางมารับน้องไดร์ไปโรงเรียนทุกวัน ระหว่างทางที่ขี่ไปถึงบริเวณแยกบ้านเพชร แสวงหา อ.แสวงหา จ.อ่างทอง ซึ่งห่างจากโรงเรียนเพียง 500 เมตร รถของลูกชายประสบอุบัติเหตุ เฉี่ยวชนกับรถยนต์ โตโยต้า ฟอจูนเนอร์
ที่น่าเศร้าคือกว่าแม่จะรู้ว่า เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับลูกชาย ก็เป็นตอนที่มีลูกค้าขับรถเข้ามาเติมน้ำมันในปั๊มที่แม่ทำงานอยู่ แล้วพูดถึงเหตุรถชนที่ผ่านมา ตนเองจึงถามว่าเหตุเกิดที่ไหน ลูกค้าบอกว่าเหตุเกิดขึ้นก่อนถึงโรงเรียน มีรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถยนต์ ซึ่งคนขี่รถจักรยานยนต์เป็นนักเรียน ผู้ชายบาดเจ็บสาหัส 2 ราย จากนั้นลูกค้าได้นำโทรศัพท์มือถือและให้ตนเองดูรูป จึงทำให้รู้ว่าลูกชายของตนเองประสบอุบัติเหตุ
จากนั้นตนเองจึงรีบเดินทางไปที่จุดเกิดเหตุ พบว่าลูกชายและเพื่อนนอนแน่นิ่งอยู่กลางถนน ซึ่งเพื่อนของลูกชายที่ชื่อมอสอายุ 14 ปี เสียชีวิตคาที่เนื่องจากเป็นคนขี่ และลูกชายของตนชื่อไดร์ เป็นคนซ้อน อาการสาหัสต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล จากนั้นได้สอบถามทางคู่กรณี คู่กรณีบอกว่ามองไม่เห็นว่ารถมอเตอร์ไซค์ตรงมา
หลังจากนั้นรถพยาบาลได้พาตัวน้องส่งโรงพยาบาล พอไปถึงโรงพยาบาล ได้รู้ว่าคู่กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสุพรรณบุรี ยศดาบตำรวจ จนตอนแรกทางคู่กรณีบอกว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แถมบอกว่ามีอะไรให้บอก
จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ลูกชายของตนเอง นอนรักษาตัวมา 6 วัน ก่อนจะเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ผลวินิจฉัยของแพทย์ลงว่าสมองบวม ทำให้ตนเองเสียใจเป็นอย่างมากเนื่องจากลูกชายเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลของโรงเรียน และลูกชายมีความฝันอยากเป็นหมอฟัน และยังเป็นเด็กเรียนดีได้เกรดเฉลี่ย 3.78 และมีเกียรติบัตรเรียนดีมาตลอด
หลังเกิดเหตุตนเองได้เรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีจำนวน 2 ล้านบาท แต่ทางคู่กรณีจะชดใช้ให้เพียง 300,000 บาท โดยจ่ายเงินสดเพียง 100,000 บาท ส่วนเงินอีก 200,000 บาท ทางคู่กรณีแจ้งว่าจะขอผ่อนให้เดือนละ 2,500 บาท จนครบยอดเงิน 200,000 บาท แต่ตนไม่รับ สุดท้ายได้เงินมาเพียง 22,000 บาท เป็นเงินที่ให้ตอนรักษาตัว 10,000 บาท และอีก 12,000 บาทช่วยเหลือเรื่องพิธีฌาปนกิจ
แม่ระบุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่กันยายน 2567 แต่ปัจจุบันคดีความยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ แล้วอยากให้คู่กรณีได้รับผิดชอบและรับโทษตามกฎหมาย พร้อมบอกทั้งน้ำตาว่า "ไม่อยากได้เงินคู่กรณี ไม่คุ้มกับที่เลี้ยงลูกชายมา" ตนยังรู้มาว่าทางคู่กรณี ได้เดินทางไปร้องขอความเป็นธรรมกับท่านอัยการ ทำให้ท่านอัยการเลื่อนนัดในการไกล่เกลี่ย
ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า ขอแสดงความเสียใจกับคุณแม่ ซึ่งเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัว จากที่ได้ดูหลักฐานที่คุณแม่นำมาให้ก็จะเห็นได้ว่า ลักษณะเส้นสีเหลืองกลางถนน ซึ่งไม่สามารถกลับรถหรือข้ามมิได้ เป็นเขตชุมชน ซึ่งห่างจากโรงเรียนเพียง 500 เมตร ซึ่งคลิปวีดีโอหลักฐานชัดเจนว่าคู่กรณีเป็นฝ่ายผิด
ส่วนของน้องซึ่งอายุ 14-15 ปี พี่ขับขี่รถจักรยานยนต์แล้วไปประสบอุบัติเหตุ ทางด้านกฎหมายจะแบ่งเป็นกรณีไป ทางผู้ขับขี่อายุ 14 ปี ที่ขี่รถจักรยานยนต์ มีความผิดตามกฎหมายจราจร ก็จะถูกปรับทางด้านกฎหมายจราจร ส่วนทางด้านอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น คนผิดก็ว่าไปตามผิด พี่ก็ต้องถูกดำเนินตามกฎหมายเช่นกัน ถือว่าต่างกรรมต่างวาระ
หลังจากนั้นตนเองจะช่วยประสานงานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แสวงหา ต.แสวงหา อ.แสวงหา จ.อ่างทอง และทางท่านอัยการจังหวัดอ่างทอง พร้อมทั้งจะประสานทางอัยการคุ้มครองสิทธิเพื่อตรวจสอบว่า เหตุใด 8 เดือนแล้วทำไมคดีถึงล่าช้า เพราะความยุติธรรมที่ล่าช้า ก็คือความไม่ยุติธรรมรูปแบบหนึ่ง
Advertisement
