วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 เวลา 10.00 น. มูลนิธิรณณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม โดยทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิฯ ได้นำ นางสาวภัครดา หรือ “นางเอก MV” เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พลตำรวจโทสยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ณ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อเรียกร้องให้มีการตั้ง “ชุดสืบสวนสอบสวนเฉพาะกิจ” มาคลี่คลายคดีที่เธอถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง ซึ่งเข้าข่ายพยายามฆ่า โดยมีความกังวลถึงการแทรกแซงคดีจากอิทธิพลของอดีตนายตำรวจใหญ่ ข้อเรียกร้องสำคัญ คือตั้งชุดเฉพาะกิจคลี่คลายคดีอุกฉกรรจ์
เนื้อหาในหนังสือที่ยื่นต่อ ผบช.น.ระบุถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดตั้งชุดสืบสวนสอบสวนเฉพาะกิจ เพื่อคลี่คลายคดีพยายามฆ่าที่นางสาวภัครดา ตกเป็นเหยื่อ คดีนี้ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญ แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ แม้ผู้เสียหายจะยืนยันว่าไม่เคยมีข้อขัดแย้งกับใคร และไม่ทราบตัวผู้ก่อเหตุ
หลักฐานจากใบรับรองแพทย์และภาพบาดแผลยืนยันว่า นางสาวภัครดาได้รับบาดเจ็บสาหัส มีแผลฉีกขาดลึกที่หนังศีรษะ ซึ่งแพทย์ระบุว่าหากมาถึงมือแพทย์ล่าช้ากว่านี้ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต หวั่นคดีไม่คืบหน้า พบพิรุธและเกรงอิทธิพลแทรกแซง
คดีนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ สน.พระโขนง ผู้เสียหายยังให้ข้อมูลว่า พฤติการณ์ของคนร้ายอาจเชื่อมโยงกับอีกเหตุการณ์หนึ่งในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันคือการหน่วงเหนี่ยวกักขังและใช้ความรุนแรงซ้ำซ้อน แม้เหตุการณ์ที่ สน.ห้วยขวางจะยังไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์ก็ตาม
ที่สำคัญ นางสาวภัครดา มีความกังวลอย่างยิ่งว่า ผู้ก่อเหตุอาจใช้อิทธิพลของบิดาซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เข้ามาแทรกแซงกระบวนการสอบสวน หรือกดดันพยานหลักฐาน จนทำให้คดีไม่คืบหน้าและไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเป็นเหตุผลที่ต้องร้องขอความเป็นธรรมต่อ ผบช.น. โดยตรง
ด้านนางสาวภัครดา ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เธอเริ่มคบหากับคู่กรณีมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 โดยแรกเริ่มฝ่ายชายดูแลดีและเป็นคนพูดน้อย กระทั่งช่วงต้นปีที่ผ่านมา ภรรยาของฝ่ายคู่กรณีได้โทรศัพท์มาแสดงตนว่ารับรู้เรื่องความสัมพันธ์ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการถูกทำร้ายร่างกายอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงที่เป็นข่าวนี้
เธอเล่าว่าทุกครั้งที่ถูกทำร้ายจะมีการท้าทายว่า “ตะโกนไปก็ไม่มีใครช่วยได้” นางสาวภัครดา ยืนยันว่าจะไม่มีการหวนกลับไปคืนดีกับคู่กรณีอย่างแน่นอน เพราะทนกับพฤติกรรมเช่นนี้ไม่ไหวอีกต่อไป และท้ายที่สุด เธอเพียงอยากเห็นฝ่ายคู่กรณีมีความสำนึกผิดอย่างจริงใจสักครั้ง
ขณะที่คุณปุ๊กกี้ เผยว่า ฝ่ายชายติดต่อตนมา บอกว่าไม่ได้เป็นคนทำร้ายร่างกาย อยากให้ฟังจากฝั่นตนบ้าง แต่เมื่อปุ๊กกี้ให้ส่งหลักฐานหรือข้อมูลมายืนยัน ฝ่ายชายก็ไม่ได้ส่งมาแต่อย่างใด
ส่วนบาดแผลตามร่างกายรวมถึงใบหน้าของผู้เสียหาย ทางโรงพยาบาลเลอลักษณ์จะดูแลทั้งหมด
Advertisement