กรณีการหายตัวไปของ “เจ๊แก้ว” หรือนางสาวสุจิตรา กุลจันทร์ อายุ 44 ปี หลังเสร็จงานที่ตลาดโพธิ์หวาย เจ๊แก้วได้เดินทางออกไปจากร้านทุเรียน ไปตั้งแต่ 19:36 น. ของวันที่ 17 พฤษภาคม โดยใช้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น พีซีเอ็กซ์ สีน้ำเงิน ขี่ออกไป
ซึ่งหลังทีมข่าวอัมรินทร์ทีวีติดตามเส้นทางการเดินทางไปของเจ๊แก้ว พบว่าเจ๊แก้ว ได้ใช้เส้นทางเลี่ยงเมือง กลับรถ และเข้าซอยถนนบางใหญ่ โซนหน้าโรงเรียนบ้านบางใหญ่นั้น
ล่าสุดวันนี้ บ่าวแอน หรือ นายพงษ์พัน แซ่ตั้น อายุ 44 ปี สามี “เจ๊แก้ว” ยังคงจำเป็นต้องเปิดร้านขายทุเรียนตามปกติ สืบเนื่องจากได้มีการสั่งทุเรียนลงสต๊อกขายไว้ ไม่ต่ำกว่า 7 ตัน และต้องเร่งระบายทุเรียนออก มิเช่นนั้นจะขาดทุน วันนี้สีหน้าบ่าวแอน ยังไม่คายกังวล แม้จะเครียดแต่ก็ต้องมานั่งขายทุเรียนที่แผง
โดยบ่าวแอนบอกกับทีมข่าวว่า เส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางที่เคยภรรยาไปกินข้าวร้านประจำ แต่ยืนยันโซนนั้นไม่มีญาติพี่น้องอาศัยอยู่ ถ้าการไปในเส้นทางนั้นอาจเป็นไปได้ว่าไปหาลูกค้า เพราะตนเองยังมีความหวังว่าภรรยาอาจจะแง่งอน แอบไปพักใจตามที่คิดกันไว้ตั้งแต่ต้น ซึ่งก็ขอให้เป็นเช่นนั้น แต่สิ่งเดียวที่แอบกังวล คือหวั่นถูกคนล่อลวง เพราะอย่างที่ทราบภรรยามีทรัพย์สินติดตัวไปเยอะมาก
ขณะเดียวกัน บ่าวแอน ขอแก้ไขเรื่องกล้องวง โดยยืนยันว่าตอนติดตั้งกล้องไม่ได้แอบติดตั้งกล้องวงจรปิด แต่ต่อหน้าภรรยาซึ่งนั่งขายของอยู่ในขณะนั้น ซึ่งในตอนนั้นภรรยาไม่ได้แสดงท่าทีน้อยใจใดใด แต่เมื่อกลับไปที่ลงทุเรียนจังหวัดจันทบุรี-ระยอง ระหว่างติดต่อโทรพูดคุยกับภรรยา ในช่วงเช้าของวันที่ 17 พฤษภาคม ภรรยาก็ได้ถามว่าเอากล้องวงจรปิดมาติดอะไรนักหนา ตนเองจึงพูดแทงใจดำภรรยาไปเล็กน้อย ว่าถ้าไม่พอใจก็ถอดออก ซึ่งตลอดทั้งวันนั้นกล้องวงจรปิดก็ใช้การไม่ได้เลย จึงสันนิษฐานว่าจุดนี้อาจจะทำให้ภรรยาน้อยใจ แต่ก็มีเรื่องน้อยใจกันเป็นประจำวันอยู่แล้วเพราะทำมาค้าขายมีหลายเรื่องให้ต้องคิด แต่ยืนยันตนเองไม่ได้พูดอะไรให้ภรรยาถึงขั้นน้อยใจต้องหนีออกไปแบบนี้แน่นอน
สำหรับตนอยากบอกภรรยาว่า ถ้าหนีไปพักใจหรืออยู่ที่ไหน ขออย่างเดียวให้ติดต่อลูกสาว เพราะลูกสาวเป็นห่วง เมื่อเช้าไปส่งโรงเรียนลูกยังถามอยู่เลยว่า ได้ตามหาแม่บ้างไหม คนในบ้านตอนนี้ทุกคนเป็นห่วงมาก ถ้าไม่ติดต่อตนเองก็ขอให้ติดต่อลูกและน้องสาวบ้าง
Advertisement