เปิดใจญาติพาแม่วัย73แจ้งความ ไอ้ติ่งลูกทรพีขืนใจ ยกมือไหว้นับสิบครั้งขอชีวิต รับกลัวนอนไม่หลับ อยากให้ติดคุกไปตลอดชีวิต
จากกรณี เมื่อวันที่ 15พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ สภ.เกาะคา อ.เกาะคา จ.ลำปาง นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 73 ปี เข้าแจ้งความต่อพ.ต.ต.ชยณัฐ เตชะผาติกุลสว.(สอบสวน) สภ.เกาะคา อ.เกาะคา จ.ลำปาง หลังหญิงสูงวัยรายดังกล่าวถูกนายติ่งลูกชายแท้ๆ อายุ 49 ปีชาวจังหวัดลำปางข่มขืนป่าข้างทางถนนพหลโยธินสายลำปาง-เกิน ต.นาแส่ง อ.เกาะคา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากป้อมตำรวจทางหลวงเกาะคาเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 14 พ.ค.68 ที่ผ่านมา
ล่าสุด วันนี้ (16 พ.ค.68) ทีมข่าวได้เดินทางลงพื้นที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ตำบลนาแส่ง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง โดยเป็นบ้านของนางเอ (นามสมมติ) อายุ 73 ปี ที่อยู่กับนายติ่ง ลูกชาย อายุ 49 ปี (คนก่อเหตุ) โดยทีมข่าวได้พูดคุยกับนางวงเวียน อายุ 69 ปี ญาติผู้เสียหาย เผยว่า ก่อนหน้านี้นายติ่งอยู่กทม. เเละมีลูกมีเมียที่นั่น ก่อนเขาจะติดคุกคดีค้ายาเสพติดนาน 12 ปี ที่กทม. ตอนนั้นลูกชายเขาเพิ่งจะ5ขวบเท่านั้น เเละนายติ่งเพิ่งพ้นโทษกลับมาอยู่บ้านกับเเม่ได้ 2 ปีเท่านั้น เขาไม่ได้ทำงานอะไร เเต่ช่วยเเม่ขายส้มโอ ตนเคยบอกให้เขาไปทำงานเขาก็ไม่ไปทำที่อื่น
ซึ่งตัวของนางเอ ก็รู้สึกรำคาญลูกชายเหมือนกันเพราะมันไม่ยอมทำงานทำการ ต้องหาข้าวหาเงินให้ลูกอีก เขาไม่ดูแลเเม่เลย เวลามีเงินกินข้าวก็ซื้อกินเอง เวลาตังหมดจะขอเงินเเม่ เเม่ไม่ให้ก็ขู่เอาที่โกยขยะจะตีเเม่ เเละด่าเเม่ด้วย นิสัยเขาไม่ค่อยดี ก่อนหน้านี้เเม่เคยมาบอกเเล้วลูกจะทำร้ายเเต่ก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะกับคนอื่นๆ เขาไม่ได้ไปยุ่ง
ส่วนวันที่เกิดเหตุ วันที่ 14 พ.ค.68 ในตอนนั้นนางเอ ได้ไปเยี่ยมพี่สาวของสามีที่อ.เกาะคา ห่างจากบ้านประมาณ 15 กม. มาด้วยรถรับจ้าง เเต่นายติ่งได้ขี่รถจยย.ไปรับเเม่เขาเอง โดยที่นางเอไม่ได้ร้องขอให้ลูกไปรับ จากนั้นก็พาเเม่ไปก่อเหตุ โดยอ้างว่ารถจยย.น้ำมันหมด เเละลงมือ ก่อนจะโทรหาญาติอีกคนให้ขับรถยนต์ไปรับ
พอญาติขับรถมาส่งถึงหน้าบ้าน ประมาณ 4-5 ทุ่ม นางเอก็ได้วิ่งหนีเข้ามาหลบในบ้านตนเเละบอกว่าถูกลูกชายข่มขืน ตอนเเรกตนก็ช็อกและเเทบไม่อยากจะเชื่อ เเต่ก็ต้องเชื่อเพราะเสื้อผ้าด้านหลังของนางเอ เลอะดินโคลนไปหมด ตนจึงออกมาสอบถามนายติ่งว่า มึงทำอะไรเเม่ เขาก็ตอบด้วยท่าทีนิ่งเฉยบอกว่า "ล้อเล่นไม่ได้เหรอ เเค่เเหย่เเม่เล่น เเม่คิดมากไปเอง"
ตนจึงได้โกหกบอกเขาว่าเเม่ไม่สบายจะพาเเม่ไปรพ. ตอนเเรกเขาก็จะไม่ยอมจะพาเฝ้าเเม่ให้ได้ จนสุดท้ายเขาก็ยอมให้พาแม่ไปรพ.
ทั้งนี้ยอมรับว่าตั้งเเต่ทราบเรื่องตนเองก็รับไม่ได้ เเละกังวลใจกลัวนายติ่งจะตามมาฆ่า เพราะเหมือนตนเป็นคนพาเเม่เขาไปเเจ้งความจับเขา ซึ่งตนนอนไม่หลับต้องเปิดไฟนอนตลอด เเม้ที่ผ่านมานายติ่งจะไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้มาก่อนเเละนี่ถือเป็นครั้งเเรก เเต่ชาวบ้านก็ไม่มีใครไว้ใจให้เขา ไม่อยากให้อยู่ที่หมู่บ้านนี้อีกแล้ว อยากให้เขาติดคุกไปตลอดชีวิตเลย
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนายบุญสม ธรรมจักร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 และได้พามาดูพื้นที่เกิดเหตุ ต.นาแส่ง ป่าข้างทางถนนพหลโยธินสายลำปาง-เถิน ต.นาแส่ง อ.เกาะคา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากป้อมตำรวจทางหลวงเกาะคา
โดยนายบุญสม เผยว่า ในวันนั้นนางเอ ได้เดินทางไปเยี่ยมบ้านพี่สาวของสามีที่เสียชีวิตไปแล้ว จากนั้นนายติ่งได้ขี่รถจยย.ไปรับเเม่ ซึ่งเชื่อว่านายติ่งได้มีการวางแผนมาเเล้วล่วงหน้า พอขับมาถึงช่วงโค้งซึ่งก่อนถึงจุดเกิดเหตุ 100 เมตร ได้อ้างกับเเม่ว่ารถจยย.น้ำมันหมด เเละจูงรถก่อนจะพาเเม่เดินมาที่ทางเข้าสวนของชาวบ้าน ระหว่างทางก็มีการพูดขอร่วมหลับนอนกับเเม่ของตัวเอง ด้วยความกลัวตายนางเอ จึงพยายามใจเย็นเเละบอกว่าให้พากลับบ้านก่อน
เเต่นายติ่งกลับพาเเม่เดินเข้าไปข้างทาง ก่อนจะผลักจนเเม่ล้มหัวกระเเทกพื้นเเละบีบคอ ก่อนจะลงมือก่อเหตุ ทั้งๆที่เเม่ของตัวเองก้มกราบเท้าเเละขอร้องว่าอย่าทำ จากนั้นก็ได้พาเเม่เดินข้ามถนน เเละเดินลัดเลาะไปเเถวป้อมตำรวจก่อนจะโทรหาญาติให้เอารถยนต์มารับ ก่อนจะไปนั่งข้างหลังกับเเม่ของตัวเอง ซึ่งญาติคนนี้ก็แปลกใจเหมือนกันเพราะปกติ นายติ่งจะมานั่งหน้าด้วย เเต่สาเหตุที่เขาไปนั่งหลังกับเเม่เพราะจะบังคับไม่ให้เเม่พูดอะไรออกมา
เมื่อมาถึงบ้านก็เป็นไปตามที่นางวงเวียนเล่า โดยในช่วงที่ตำรวจจับกุมตัวไปนั้น ตนเองก็ยังไม่ได้เจอนายติ่งอีกเลย ซึ่งตนรับกับการกระทำแบบนี้ไม่ได้ ทราบมาว่าก่อนก่อเหตุช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา นายติ่งมีการดื่มเหล้าเมาทุกวัน ส่วนประเด็นที่นางเอ เคยไปบอกชาวบ้านเเละตนว่าจะถูกลูกชายทำร้ายนั้น ตอนเเรกไม่มีใครเชื่อ เพราะนายติ่งเขาดูเป็นคนเงียบๆ ปกติดี ไม่มีพฤติกรรมอะไรที่จะส่อไปในทางนั้นได้เลยจนมาเกิดเหตุขึ้น
นายบุญสมได้บอกกับทีมข่าวภายหลังการสัมภาษณ์อีกว่า นายติ่งสารภาพว่าเป็นคนมือทำจริง โดยอ้าวว่าอยากจะอยู่กับเเม่ในเชิงชู้สาว เป็นสามีภรรยากัน ส่วนสภาพจิตใจของนางเอตอนนี้ก็ย่ำเเย่เเละอยากฆ่าตัวตาย
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางมาที่บ้านของนางศศิธร อายุ 80 ปี ป้าของผู้ก่อเหตุ เเละเป็นบ้านที่นางเอ เดินทางมาก่อนจะเกิดเหตุ โดยนางศศิธร เผยว่า ก่อนหน้านี้ตอนนายติ่งเล็กๆ ตนเองเป็นคนช่วยเลี้ยงนายติ่งมาเอง ตอนนัันจำได้ว่าเวลาเขาดื้อตนก็ตีสั่งสอน เขาก็จะฟัง พอเริ่มโตเขาก็ไปอยู่ที่กทม.เเละมีภรรยากับลูกที่นั่น เเละทราบอีกครั้งคือเขาติดคุกคดีค้ายาเสพติดอยู่นาน
พอช่วงที่เขาออกมาอยู่บ้าน นายติ่งก็จะมาช่วยทำงานเล็กๆ น้อยๆ ที่บ้านตน เพราะตนอยู่คนเดียว ทำความสะอาดหรือยกตู้ไม่ไหวนายติ่งก็จะมาช่วย ตนก็จะให้เงินเขาด้วยไว้ไปซื้อเบียร์กิน เท่าที่ดูช่วงที่เขากลับมานี้ก็ดูนิ่งๆ ปกติ ไม่ได้ดูเมา หรือเสพยา
ส่วนวันที่เกิดเหตุ นางเอนั่งรถรับจ้างมาหาตนที่บ้านจริง จากนั้นนายติ่งได้โทรติดต่อมาบอกว่า จะมารับเเม่เขา เเต่ตอนนั้นฝนตกเเละดึกแล้ว ตนก็กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุจึงพยายามบอกให้ทั้ง 2 คนพักค้างที่บ้านเเทนที่จะกลับ ตอนที่นายติ่งมาถึง เเม่เขาเหมือนไม่อยากกลับด้วย นายติ่งได้มีการเดินไปที่ร้านค้าเเละซื้อเบียร์กลับมากินที่บ้าน 1 ขวดด้วย
ก่อนจะขึ่รถจยย.พาเเม่ซ้อนท้ายออกไปจากบ้านตนตอน 20.00 น. กว่าๆ ก่อนที่ตนจะมาทราบข่าวอีกครั้งในช่วง 03.00 น. ว่าเกิดเหตุขึ้น
ซึ่งยอมรับว่าตกใจมาก รับไม่ได้เเละไม่อยากจะเชื่อ นายติ่งไม่น่าทำอะไรแบบนี้ เขาคิดอะไรโง่ๆ ไม่สมควร ตอนนี้ตนสงสารทั้งนางเอ เเละนายติ่ง ซึ่งหลังจากนี้ตนก็คงจะไม่กล้าให้หลานชายเข้ามาในบ้านอีกเเล้ว เพราะก่อนหน้านี่ลูกของตนก็ไม่อยากให้นายติ่งเข้ามาในบ้าน เพราะกลัวที่เขาเคยติดคุกคดียามาเเละตนเองก็อยู่บ้านคนเดียวด้วย
ต่อมาทีมข่าวได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านค้าแห่งหนึ่งใกล้กับบ้านของนางศศิธร ป้าของผู้ก่อเหตุ พบว่า ในวันที่ 14 พ.ค.68 ช่วงเวลา 20.04 น.
จะเห็นนายติ่ง เดินมาซื้อของที่ร้านค้า โดยซื้อเบียร์ช้าง 1 ขวด หลังซื้อเสร็จได้เดินสูบบุหรี่เเบะเดินถือขวดเบียร์กลับไปทางบ้านนางศศิธร
จากนั้นเวลา 20.12 น. นายติ่งได้ขี่รถออกจากบ้านป้าศศิธร โดยมีนางเอ เเม่ของตัวเองศ้อนท้ายมาด้วย ก่อนจะเห็นนายติ่งกลับรถตรงยูเทิร์นบนถนน เกาะคา-ลำปาง ก่อนจะขี่รถไปตามเส้นทางมุ่งหน้าจุดเกิดเหตุถนนพหลโยธินสายลำปาง-เถินต่อมาเวลา 01.49 น. ของวันที่ 15 พ.ค.68 รถตำรวจเดินทางมาที่บ้านของนางเอ ผูัเสียหาย
Advertisement