จากกรณีที่น.ส.วราภรณ์ ได้เดินทางมาจากจังหวัดร้อยเอ็ด เข้าร้องเรียนกับมูลนิธิทนายรณรงค์ ว่านางเพ็ง งอกศรี อายุ 78 ปี แม่ของเธอได้หายตัวไปออกจากบ้านหลังขายที่ดินไปในจำนวนเงิน 5 แสนบาท ทำให้เธอไม่รู้ว่าแม่ของเธอนั้นเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้างนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 17:30 น. ที่ผ่านมาทีมข่าวได้ลงพื้นที่มาพูดคุยกับ น.ส.วราภรณ์ ลูกสาว ได้เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า แม่เธอหายตัวไปจากบ้านในวันที่ 11 มีนาคม ซึ่งผู้ใหญ่บ้าน ในหมู่บ้านของเธอเป็นคนรับออกไป ตอนนั้นเข้าใจว่าแม่ไปบ้านญาติ เธอก็อยู่บ้านทำงานไปตามปกติ หลังจากนั้นแม่ก็หายตัวไปแล้วก็มีผู้ชายโทรศัพท์มาบอกกับเธอว่า ให้เธอมาเอาเงิน เพราะแม่ขายที่ดินบ้านไปแล้ว เธอจึงบอกไปว่ามันไม่มีสิทธิ์ขายที่ดินตรงนี้นะ เพราะว่ามันเป็นสมบัติพ่อของเธอ แม่ไม่มีสิทธิ์ขาย แต่ทางนั้นก็อ้างว่าแม่ได้ขายที่ดินไปในนามของแม่ ซึ่งเธอไม่รู้เลยว่า แม่ไปขายที่ตอนไหนแล้วคนซื้อที่ดินไปเป็นใคร หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดคุยกันอีก กระทั่งวันที่ 27 เมษายน 2568 มีหนังสือขับไล่ให้เธอออกไปจากที่ดิน เธอจึงมั่นใจว่าแม่ของเธอนั้นขายที่ดินไปแล้ว โดยที่เธอที่เป็นผู้อาศัยนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย ได้แต่รู้เรื่องจากปากคนอื่นที่บอกว่าแม่ขายที่ดินบ้านไปแล้ว เมื่อรู้เรื่องจึงเอาหนังสือขับไล่ไปแจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าแม่ของเธอหายตัวไป และเอาที่ดินไปขายได้เงิน 5 แสนจากนั้นก็หายสาบสูญไป ตอนนั้นก็เป็นห่วงว่าแม่เธออายุ 78 ปีขายที่ได้500,000 แล้วหายตัวไปไหน ก็คิดว่าแม่ถูกปาดคอตายไปหรือเปล่า ซึ่งเรื่องที่ซื้อขายที่ดินเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย เธอจึงตัดสินใจเข้ามาร้องเรียนกับมูลนิธิ ทนายรณรงค์ กระทั่งวันนี้ได้พูดคุยกับแม่ ถึงรู้ว่าเรื่องที่แม่ขายที่ดินไปนั้นเป็นความจริง และที่แม่อ้างว่าเธอนั้นทำร้ายร่างกายแม่จนแม่ต้องตัดสินใจขายที่ดินหนีไป เธอยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริงเธอไม่เคยทำร้ายแม่ของเธอมาก่อน
ส่วนที่แม่บอกว่าจะเอาเงินที่ขายที่ดินบ้านให้เธอจำนวน 100,000 บาทนั้นเธอขอไม่รับเงินจำนวนนี้เพราะเงิน แสนเดียวเอาไปซื้อบ้านใหม่ไม่ได้ เพราะบ้านไม่ใช่จักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ที่ราคาแค่แสนเดียว เธออยากขอความเป็นธรรมเพราะเธออยู่บ้านหลังนี้มาตั้งนานปีแล้ว แล้วพ่อเธอเป็นคนสร้างบ้านหลังนี้เอาไว้ สุดท้ายแม่เอาที่ดินไปขายทำให้เธอต้องกลายไปเป็นคนพเนจรแล้วต้องได้เงินกลับมาแค่เพียงแสนเดียว มันไม่ยุติธรรมกับเธอ ถามว่าเงินแสนนึงมันทำอะไรได้บ้างบ้านหลังนึงที่อยู่มา 50 ปี กับพื้นที่ 66ตารางวา ซึ่งที่ดินตรงนี้เป็นของพ่อเธอเป็นที่ดินมรดก เป็นสินสมรสเพราะพ่อจดทะเบียนกับแม่ แต่พ่อของเธอนั้นเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 63 ที่ดินก็ตกเป็นของแม่และของเธอผู้เป็นลูก แม่ไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาไปขายเพียงลำพัง การเอาที่ดินไปขายเพียงลำพังแบบนี้มันกลายเป็นการฉ้อโกง วันนี้จึงต้องออกมาร้องขอความเป็นธรรมให้กับตัวเอง
นอกจากนี้ น.ส.วราภรณ์ ได้นำหลักฐานทะเบียนสมรสระหว่างนายสมบูรณ์ แซ่ตั้ง และนางบุญเพ็ญ งอกศรี พ่อและแม่ของเธอที่จดทะเบียน สมรสกันเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2521 ที่อำเภอเมืองจังหวัดร้อยเอ็ด
นอกจากนี้เธอยังได้นำเอาสำเนาโฉนดที่ดินที่แม่เธอเป็นเจ้าของเนื่องจากเป็นสินสมรสเพราะพ่อเธอได้เสียชีวิตแล้วให้กับผู้สื่อข่าวดูด้วย ซึ่งเป็นที่ดิน 60 ตารางวาที่แม่ของเธอนั้นขายไปในราคา 500,000 บาท
Advertisement