พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ หรือ ผบช.สอท. กล่าวถึง กรณี ดร.นิด ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหาร่วมกันเอาไปเสีย ซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ซึ่งเป็นข้อสอบของคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อวานนี้ ( 30 เม.ย. 2568) ให้ดำเนินคดีอาญากับพนักงานสอบสวนของ สอท.1 โดยอ้างว่าถูกบังคับให้รับสารภาพ และซัดทอดบิ๊กตำรวจ ว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา หากเห็นว่าพนักงานสอบสวนทำไม่ถูกต้องก็สามารถดำเนินการทางกฎหมายได้ แต่จากการทำงาน ตั้งแต่วันแรกที่มีการจับกุม จะเห็นภาพตามที่ปรากฎตามสื่อว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายถูกต้องครบถ้วนแล้ว โดยมีการให้สิทธิ์ผู้ต้องหาพบทนายความ และบุคคลที่ผู้ต้องหาไว้วางใจเข้าร่วมสังเกตุการทุกขั้นตอน ในการสอบสวน
ซึ่งเมื่อวานนี้ตนได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 ว่า พนักงานสอบสวน ได้ออกหมายเรียก ผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติม แต่ในระหว่างที่กำลังสอบปากคำผู้ต้องหาอยู่นั้น มีพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง โทรศัพท์ มายังพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ให้เตรียมข้อมูลเพื่อเข้ามาชี้แจงต่อพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เนื่องจากผู้เสียหาย ได้มอบอำนาจให้ทนายความเข้ามาแจ้งความดำเนินคดี อาญากับพนักงานสอบสวน สอท .1 กรณีสอบสวนไม่เป็นธรรม
ซึ่งขณะนั้นผู้ต้องหาและทนายความก็นั่งอยู่กับพนักงานสอบสวน สอท.1 ด้วย เพราะอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ทางพนักงานสอบสวน สอท.1 จึงสอบถามทางผู้เสียหายว่าเหตุใด จึงไปพบพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ก่อนเข้าให้ปากคำ กับ พนักงานสอบสวน สอท.1 ผู้เสียหาย ก็ตอบว่า เพราะเข้าใจว่า พนักงานสอบสวนของ สอท.1 กระทำการไม่ถูกต้องเพราะไม่มีอำนาจหน้าที่ ในการสอบปากคำ ผู้ต้องหา และมีการบังคับข่มขู่ ชักจูงใจ ใช้กำลัง
พนักงานสอบสวนในขณะนั้นจึงอธิบายให้ผู้ต้องหาและทนายทราบว่า ได้กระทำการไปตามอำนาจหน้าที่ ไม่ได้บังคับขู่เข็ญหรือชักจูงใจแต่อย่างใด ประกอบกับในวันนั้นมีทนายความ และผู้ที่ผู้ต้องหาไว้ใจอยู่ด้วย ซึ่งทนายความที่อยู่ในวันจับกุมกับทนายความที่มาเมื่อวานไม่ใช่คนๆ เดียวกัน และทนายความที่ไป แจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อวานก็เป็นอีกคนกับที่มา
จากนั้นได้มีการพูคุยกับผู้ต้องหาและทนายความจนเข้าใจและสมัครใจที่จะเดินทางไปที่ สน.ทุ่งสองห้อง พร้อม ทนายความและคนที่ตนเองไว้ใจ โดยเดินทางไปพร้อมกับพนักงานสอบสวนของ สอท.1 เพื่อที่จะไปถอนแจ้งความดังกล่าวออกไป เพราะตนเองเข้าใจผิด แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึง สน.ทุ่งสองห้อง ปรากฏบุคคลชายอย่างน้อย 1 คน เข้ามาพยายามคุยกับผู้ต้องหา และพยายามยื่นโทรศัพท์ ให้ผู้ต้องหาคุยด้วย โดยบุคคลที่อยู่ในสายนั้นเป็นชาย และเป็นคนที่มีขื่อเสียงคนหนึ่ง แต่ผู้ต้องหาเดินหนีไม่คุยด้วย จนสุดท้ายผู้เสียหายก็ไม่ได้ลงบันทึกถอนแจ้งความ แต่ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งแล้วว่าการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จให้กลับไปสอบสวนต่อที่ สอท.1 แต่ผู้ต้องหากลับขึ้นรถไปกับชายคนดังกล่าว ซึ่งทนายความเองก็ติดต่อผู้เสียหายไม่ได้ จึงเดินทางมารอที่ห้องสอบสวน สอท.1 แต่สุดท้ายก็ไม่กลับมา
อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนของสอท.1 ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากว่ายังสอบปากคำไม่แล้วเสร็จ ในวันพรุ่งนี้ 2 พ.ค. 2568
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยังกล่าวอีกว่า ตนเองในฐานะเป็นหัวหน้าหน่วยหากเจ้าหน้าที่ตำรวจเราไม่ถูกต้องก็ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าหากเจ้าหน้าที่เราถูกต้องในฐานะผู้บังคับบัญชาก็ต้องให้ความเป็นธรรม แต่ก็ต้องฟังผู้ต้องหาด้วย
ส่วนตัวรู้สึกเป็นห่วงผู้ต้องหาเหมือนกัน เพราะการขึ้นรถไปกับชายคนเดียวเพียง 2 คน โดยที่ไม่ได้พาทนายไปด้วย อีกทั้งยังติดต่อไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ได้คุยกันว่าเรื่องนี้อาจมีผลต่อการให้ประกันตัว แต่ก็ยังอยากให้โอกาสผู้ต้องหาอยู่ จึงต้องออกหมายเรียกรอบ 2 ในวันพรุ่งนี้
เมื่อสื่อมวลชนสอบถามว่าทราบหรือไม่ว่า คนในสายโทรศัพท์เป็นใคร ผู้บัญชาการไซเบอร์ ตอบแบบยิ้มๆ ว่า เป็นคนดัง ที่ทุกคนย่อมรู้ว่าเป็นใครแต่ตนไม่ขอเอ่ยชื่อแล้วกัน บอกได้ว่าเป็นคนดังๆ จริงๆ
ส่วนตัวมองว่าสำหรับเรื่องนี้หากผู้เสียหายไม่สบายใจ จะดำเนินการทางกฎหมายกับพนักงานสอบสวนก็สามารถกระทำได้ แต่เช่นเดียวกันพนักงานสอบสวนก็มีสิทธิ์จะชี้แจงด้วยเช่นกัน
Advertisement