ภารกิจการค้นหาผู้สูญหาย จากเหตุตึก สตง.ถล่มหลังเกิดแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มี.ค.68 ที่ผ่านมา โดย แผนปฏิบัติการในค่ำคืนนี้ (8 เม.ย.68) มีการนำรถแบคโฮขนาดขนาดเล็ก ที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ น้ำหนัก 20 ตัน ปีนขึ้นไปบนจุดสูงสุดของซากอาคาร แล้วค่อยทำลายชิ้นส่วนบริเวณจุดสูงสุดลงมาเรื่อยๆ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับเจ้าของรถเเบคโฮ ที่นำเครื่องจักรมาช่วยภารกิจ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย คือ นายสิริโรจน์ สิริพลากรกิจ เป็นเจ้าของ บริษัท ปิยะมิตร กรุ๊ป จำกัด หรือ"โจ้ทุบตึก" เป็นผู้ที่นำรถเเบคโฮ มาช่วยภารกิจตั้งเเต่วันเเรก เผยว่า ตอนนี้มีรถเเบคโฮของตนจำนวน 3 คัน ขนาด 20 ตัน , 40 ตัน , เเละ 50 ตัน กำลังปฏิบัติภารกิจด้านใน โดยในวันพรุ่งนี้ จะนำรถแบคโฮ ซึ่งเป็นคันใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เข้ามาปฏิบัติการกู้ซากอาคาร เพื่อช่วยย่นระยะเวลาในการปฏิบัติงานให้เร็วมากยิ่งขึ้น
โดยรถแบคโฮคันดังกล่าว มีชื่อเรียกว่า "เอสเค 1,000" โดยมีน้ำหนักมากกว่า 120 ตัน และมีบูม หรือแขนของรถเเบคโฮ ยาวกว่า 30 เมตร ซึ่งสามารถจอดอยู่ด้านล่าง เเล้วยื่นเเขนถึงด้านบนยอดอาคาร พังทลายซากบริเวณจุดสูงสุด ได้ง่ายกว่าเเบคโฮขนาดเล็ก
นายสิริโรจน์ บอกอีกว่า สำหรับรถเเบคโฮ ขนาดเล็ก ราคาค่าจ้างอยู่ที่ประมาณ 2 - 3 หมื่นบาท ต่อวันต่อคัน (ยังไม่รวมค่าน้ำมัน) ส่วนเเบคโฮ ขนาดใหญ่ 120 ตัน ที่จะนำมาในวันพรุ่งนี้ ค่าจ้างวันละ 5 - 6 หมื่นบาท แต่ตนนำมาช่วยภารกิจฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว เอามาช่วยตั้งเเต่วันเเรก เนื่องจากเห็นใจญาติผู้สูญเสีย จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือนำร่างทุกคนออกมา และขอยืนยันว่าตนเองไม่เคยเปิดรับบริจาค ถ้าหากว่าใครอยากจะช่วยเหลือ ขอรับเป็นสิ่งของ เช่น น้ำมันไฮโดรลิก - สายไฮโดรลิก เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ชำรุดทุกวัน
และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เปิดเผยความคืบหน้าว่า จากกองซากอาคารทั้งหมดที่มีน้ำหนักมากกว่า 26,000 คิวลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันสามารถซื้อซากออกมาได้แล้ว 30%
โดยคาดว่าปลายเดือนเมษายนนี้จะสามารถรื้อซากทั้งหมดได้แล้วเสร็จ ส่วนช่วงวันหยุดในเทศกาลสงกรานต์นี้ ผู้ว่าฯ ยืนยันว่าการปฏิบัติยังคงเดินหน้าเต็มที่ โดยเฉพาะส่วนของราชการ ส่วนภาคเอกชนนั้น อาจจะให้หยุดพักผ่อนตามวันหยุดของปฏิทิน แต่อาจจะต้องวางแผนให้รัดกุม เพื่อไม่ให้กระทบกับกรอบเวลาที่กำหนดไว้ ในช่วงปลายเดือนเมษายน
Advertisement