วันที่ 9 ธันวาคม 2567 เวลา 11.00 น. ศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุมีชายถูกทำร้ายร่างกาย มีแผลแตกที่ศีรษะเลือดไหลอาบใบหน้า วิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือที่ป้อมยามเขตงานนิตโย สภ.เมืองอุดรธานี เบื้องต้น ร.ต.อ. ฉัตรมงคล ยศปัญญา หน.เขตงานนิตโย และผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน ได้ให้การช่วยเหลือและสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ที่เกิดเหตุพบนายสุชาติ หรือ ชาติ อายุ 32 ปี ชาวต.เต่างอย อ.เต่างอย จ.สกลนคร มีแผลแตกยาวประมาณ 1 ซม.ที่หน้าผาก และขมับขวา แผลเลือดไหลเต็มใบหน้าและเปรอะเปื้อนเต็มคอเสื้อ ให้การสับสวนวกวน มีกลิ่นสุราคละคลุ้ง
นายชาติ เล่าว่า ตนติดคุกวิ่งราวทรัพย์ที่ จ.สกลนคร 2 ปี 4 เดือน เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว มาที่อุดรธานีเพื่อมาเฝ้าญาติที่ป่วยติดเตียง มีบ้านอยู่ปากซอยกำนัน แต่ตนมักจะมานั่งเล่นอยู่แถววังมัจฉา หนองบัว จนมารู้จักกับนายติ๊ก และเพื่อนรุ่นพี่อีกคน ซึ่งพวกนั้นเขาพูดภาษาอังกฤษได้ จึงไปรับจ้างเป็นล่ามให้ฝรั่งในตัวเมือง เมื่อได้เงินมาก็เอาซื้อเหล้ากินด้วยกัน ก่อนเกิดเหตุตนนั่งกินเหล้าอยู่กับเพื่อนรวม 3 คน กินอยู่หน้าร้านค้าที่บริเวณหน้าโรงเรียนเทศบาล 7 รถไฟสงเคราะห์ นั่งกินอยู่ตรงบันไดหน้าร้าน เพราะร้านค้ายังไม่เปิด
เมื่อเมาได้ที่รุ่นพี่ชื่อนายติ๊กและรุ่นพี่อีกคนตนไม่รู้จักชื่อได้ทะเลาะกันชกต่อยกัน ตนจึงเข้าไปห้ามทั้งสองคน เมื่อเขาแยกจากกันแล้ว ก็มานั่งกินเหล้ากันต่อ ไม่นานตนก็ถามนายติ๊กว่าถ้าเขามีเพศสัมพันธ์กับแม่ตน เขาจะเป็นพ่อตนแต่ตนคงไม่ยอม ถ้ามีเพศสัมพันธ์กับแม่ตน ตนจะยันหน้าเขา เขาก็บอกว่า ทำได้สบาย ตนก็เลยยันหน้าเขาไปทีหนึ่ง แล้วนายติ๊กก็ใช้ขวดเหล้าขาวตีหัวตน 1 ครั้ง แล้วรุ่นพี่อีกคนก็เข้ามาช่วยรุมทำร้ายตน เมื่อตั้งหลักได้ตนก็วิ่งหนีมาขอความช่วยเหลือ และจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ด้านนายณรงค์พล ยศปัญญา อายุ 31 ปี ผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานเขตงานนิตโย เล่าว่า ขณะนั่งรอเข้าเวร ผู้บาดเจ็บก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาขอความช่วยเหลือบอกว่าถูกคนทำร้ายร่างกาย ตอนนั้นตนก็ตกใจเพราะเห็นว่ามีเลือดไหลอาบหน้ามา ตนก็เลยบอกให้ใจเย็นๆ จะเรียกรถพยาบาลมูลนิธิให้ ระหว่างนั้นเขาก็บอกว่าไปนั่งกินเหล้ากับเพื่อนมาทะเลาะกันพูดจากันไม่เข้าหู จึงถูกทำร้ายร่างกาย แต่เท่าที่สังเกตชายคนดังกล่าวเมาแน่นอน พูดจาไม่รู้เรื่องวกวนไปมา
Advertisement