ถอดรหัสภาษากายวันสาบาน พ่อแม่สุดหนักแน่นเว้น "ลุงพล" คำพูดมีนัย (คลิป)

เมื่อวันที่ 29 ก.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่วัดภูหลวง ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ไปพูดคุยกับพระสมบัติ อภิสัทโธ ประธานที่พักสงฆ์ภูหลวง เปิดเผยว่า อาตมาไม่เคยเห็นการที่ลุงพลปักธูปกลับหัวนั้นเพราะอะไร ซึ่งต้องไปถามลุงพลเอง แต่คิดว่าคงไม่ใช่การเรื่องถอนคำสาบาน เพราะอาตมาก็ไม่เคยเห็นว่าจะถอนคำสาบานแบบนี้

คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่ 

ส่วนจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีนั้น ก็อยู่ที่มุมมองของคน บางคนว่าดีเพราะเหมือนคนธรรมดาทั่วไป แต่คนที่ว่าไม่ดีเพราะมันไม่เหมือนคนอื่น แต่อาตมามองว่าการกระทำของลุงพลนั้นไม่มีส่งผลกระทบอะไร เพราะการกระทำนั้นขึ้นอยู่กับเจตนา มีเจตนาเป็นที่ตั้งเหมือนพุทธสุภาษิต "เจตนาหัง ภิขเว กัมมัง วทามิ" ไม่ว่ากุศลกรรมหรืออกุศลกรรมนั้นขึ้นอยู่กับเจตนา

กรณีที่เณรแอร์บอกว่าการปักธูปกลับหัวเป็นการสะกดวิญญาณไม่ให้ตามอาฆาตนั้น อาตมามองว่า เณรแอร์เรียนมาแบบนั้นก็เชื่อแบบนั้น แต่อาตมามองว่าคงไม่เกี่ยวอะไรกัน ส่วนเรื่องที่ลุงพลกินถ่านหรือของดำนั้น อาตมามองว่าตามหลักแล้วคุณไสยไม่ได้แก้กันแบบนี้ แต่มองว่าลุงพลทำไปเพื่อแก้ความอยากทำของเขาเอง คงจะไม่เกี่ยวกับการแก้คุณไสย

อย่างไรก็ตาม สำหรับน้ำที่ครอบครัวน้องชมพู่ดื่มสาบานนั้น อาตมามองว่าเป็นน้ำบริสุทธิ์ เพราะเป็นน้ำที่ซึมออกจากดิน ส่วนในเรื่องยาสั่งนั้น อาตมาคิดว่าไม่มี เพราะยาสั่งไม่ได้ทำกันง่าย และตั้งแต่อยู่ละแวกนี้มาก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องคุณไสย

ความหมายการปักธูปกลับหัวในพิธีสาบาน ความคิดเห็นจาก หมอปลา บอกว่า "แก้คุณไสยให้กลับเข้าหาคนทำ" ส่วนเณรแอ บอกว่า "โมฆะของการสาบาน" ด้านศ.ดร.วัชระ งามจิตรเจริญ ภาควิชาศาสนาและปรัชญา คณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ บอกว่า "ให้วิญญาณไปเล่นงานคนทำคุณไสย" และพระมหาไพรวัลย์ บอกว่า "ไม่มีในหลักพระพุทธศาสนา เป็นความเชื่อส่วนบุคคล" 

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปพบกับ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าของฉายามือปราบหูดำ เพื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขึ้นไปสังเกตการณ์ในพิธีดื่มน้ำสาบานของครอบครัวน้องชมพู่ด้วย

พล.ต.ต.วิชัย บอกว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นไปสังเกตการทำพิธีดื่มน้ำสาบาน แบ่งแยกออกได้เป็น 2 กรณี ได้แก่ 1.ดูแลความสงบเรียบร้อย เนื่องจากพิธีดื่มน้ำสาบาน อาจจะไม่เป็นไปด้วยความราบรื่น บุคคลในพิธีอาจมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน อาจเกิดการผิดใจและทะเลาะวิวาท และ 2.สังเกตพฤติกรรมของบุคคลในพิธีและมาร่วมพิธี เพื่อจับพิรุธบุคคลน่าสงสัย และหาแนวทางที่จะนำไปสู่การสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ได้แก่ 1.พยานบุคคล 2.พยานวัตถุ 3.พยานนิติวิทยาศาสตร์ ในการจับกุมคนร้าย

โดยข้อพิรุธเบื้องต้นของคนร้าย สามารถสังเกตได้จากการที่บุคคลนั้น ต้องการผลักเรื่องราวออกจากตัวเอง และต้องการทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ที่สุด

ทั้งนี้ พล.ต.ต.วิชัย ได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับบทสาบานของนายชาญ และนายไชย์พล ว่ามีเนื้อความคล้ายคลึงกัน แต่เพียงคำแรงขึ้นและชัดเจนขึ้น ซึ่ง พล.ต.ต.วิชัย บอกด้วยว่า คนร้ายส่วนใหญ่ที่ตนเคยเจอ ก็มักจะพูดสาบานแสดงความบริสุทธิ์เพื่อเอาตัวรอด ใคร ๆ ก็สามารถพูดสาบานให้ดูหนักแน่นน่าเชื่อถือได้

อย่างไรก็ดี ทำให้สามารถมองได้ 2 กรณี ได้แก่ 1.ลุงพลเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ต้องการแสดงความจริงใจให้ทุกคนเห็น และ 2.ลุงพลต้องการแสดงให้คนเห็นว่าตัวเองบริสุทธิ์ที่สุด ส่วนการไม่ดื่มน้ำสาบานนั้นเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ไม่สามารถสั่งหรือห้ามใครให้ดื่มหรือไม่ดื่มได้ ไม่สามารถนำไปสู่การจับพิรุธได้

การปักธูปกลับหัวเองก็มีความเป็นไปได้ 2 อย่าง ขึ้นอยู่กับประเพณีความเชื่อ 1.แก้เคล็ดตามที่ลุงพลให้เหตุผล ขอให้คุณไสย หรือสิ่งไม่ดีย้อนกลับไปหาคนทำ หรือ 2.แก้เคล็ดการสาบาน

ประเด็นสุดท้ายการที่พ่อของน้องชมพู่มองหน้ากับลุงพล พล.ต.ต.วิชัย บอกว่า มีความเป็นไปได้ว่าทั้งสองฝ่ายมองหน้ากันไม่ติดมาสักระยะ การที่บังเอิญหันมาสบตากัน อาจทำให้พูดอะไรกันได้ ขณะนี้ผ่านมาหลายวัน เกือบจะ 3 เดือนแล้ว ตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานกันอย่างเต็มที่ในการหาตัวคนร้ายมาลงโทษ เพียงแต่ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนในการเอาผิดคนร้าย

ขณะเดียวกัน หลังจากที่ครอบครัวน้องชมพู่ได้ทำพิธีดื่มน้ำสาบานและให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ที่วัดถ้ำภูผาแอก บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ไปเมื่อวันที่ 28 ก.ค.63 ที่ผ่านมา ล่าสุดวันที่ 29 ก.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้มีโอกาสพูดคุยกับ น.พ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ ถึงภาษากายผู้ที่มาร่วมพิธีดังกล่าว

โดย น.พ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ ได้วิเคราะห์พฤติกรรมของนายไชย์พล วิภา, นายอนามัย วงศ์ศรีชา และนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา ดังข้อมูลต่อไปนี้

ภาษากายของนายไชย์พล วิภา โดยรวมยังมีความมั่นใจในตัวเอง ไม่ได้รู้สึกกังวล แต่มีการแสดงออกถึงความเบื่อหน่าย เพราะนายไชย์พลมีสีหน้าท่าทางที่เบื่อหน่ายขณะกำลังจะขึ้นรถไปทำพิธีดื่มน้ำสาบาน บ่งบอกถึงความรู้สึกว่าคดีน้องชมพู่นั้น ยาวนานไม่จบเสียที

ทั้งนี้นายไชย์พล ยังพกเครื่องรางสิ่งศักดิ์ติดตัวไป เป็นการแสดงออกว่าตัวเองมีที่พึ่งทางใจและแสดงถึงความจริงใจในการร่วมพิธีดื่มน้ำสาบาน หากเป็นคนไม่ดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงไม่ช่วยเหลือ

นายไชย์พลไม่ดื่มน้ำสาบาน, ปักธูปกลับหัวและกินถ่าน โดยนายไชย์พลให้เหตุผลว่ามีคนแนะนำมา ถือว่าเป็นการกระทำที่เพิ่มความมั่นใจให้แก่ตัวเอง ไม่ได้เป็นการกระทำที่สร้างภาพให้คนอื่นมั่นใจในตัวนายไชย์พล แต่ถ้าหากไม่มีคนแนะนำ แต่นายไชย์พลทำเอง ก็อาจจะมองว่าเป็นพิรุธได้

ขณะทำพิธีดื่มน้ำสาบาน นายไชย์พลมีการเปล่งเสียงชัดเจน ไม่ติดขัด แสดงถึงความจริงใจและความกล้าที่จะทำพิธี ขณะทำพิธีที่ดื่มน้ำสาบานที่นายไชย์พลได้สบตากับพ่อน้องชมพู่ นายไชย์พลมีสีหน้าขึงขังพร้อมลุย เปรียบเทียบเหมือนไก่ชนที่รอเคาะระฆังให้ตีกัน

ขณะให้สัมภาษณ์กับอมรินทร์ทีวี “แค่ลมปากคนไม่กี่คน สร้างความแตกแยก ไม่ได้โกธร” นายไชย์พลได้กรอกตามองขึ้นไปในทิศซ้าย แสดงให้เห็นว่านายไชย์พล กำลังนึกย้อนถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้น ถือว่านายไชย์พลพูดความจริงว่าไม่ได้โกธร เนื่องจากการมองไปในทิศซ้ายบนนี้ เป็นการมองไปยังทิศของสมองซีกซ้ายที่เก็บความจำ หากสนทนากับใคร เรื่องราวน่าสนใจ ม่านตาจะขยาย เรื่องราวไม่น่าสนใจม่านจะจะหลี่ หากมองซ้ายบนแปลว่าคนนั้นกำลังคิดถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น หากมองบนขวาบนแปลว่าคนนั้นกำลังจินตนาการเรื่องราว เนื่องจากซีดขวาเป็นสมองส่วนที่ประมวลผลการจิตนาการ แต่ไม่ได้แปลว่าบุคคลนั้นโกหก ต้องดูหลายองค์ประกอบหลังการกรอกตาไปทิศขวาบน เช่น ท่าทางของร่างกาย ถูตา ลูบหน้า ปัดมือฯ

ด้านภาษากายของนายอนามัย วงศ์ศรีชา โดยรวมมีความอึดอัดใจเวลาตอบคำถามผู้สื่อข่าว ขณะทำพิธีดื่มน้ำสาบานนายอนามัยมีการเปล่งเสียงชัดเจน ไม่ติดขัด แสดงถึงความจริงใจและความกล้าที่จะทำพิธี นายอนามัยมองตาขวางขณะที่สบตากับนายไชย์พล แสดงให้เห็นถึงการพร้อมเผชิญหน้า เปรียบเทียบเหมือนไก่ชนที่พร้อมสู้

นายอนามัยมีท่าทางกอดอกอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งการกอดอกแสดงถึงความกังวลในจิตใจ แต่ทั้งนี้ต้องดูนิสัยของนายอนามัยว่า กอดอกเป็นประจำจนเคยชินหรือไม่ ขณะให้สัมภาษณ์กับอมรินทร์ทีวีเกี่ยวกับลุงพล “ที่จ้องลุงพลเนื่องจากไม่ได้เห็นหน้ามานาน” นายอนามัยได้กรอกตามองขึ้นไปในทิศซ้ายบนและซ้ายล่าง แสดงให้เห็นว่านายอนามัยพูดความในใจออกมาจริง ๆ แต่ขณะเดียวกัน นายอนามัยได้ใช้มือข้างหนึ่งจับที่ข้อพับของแขนอีกข้างหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงความอึดอัด คาดว่าน่าจะเป็นความอึดอัดที่จะต้องตอบคำถามของผู้สื่อข่าว น่าจะอยากให้เปลี่ยนคำถาม

ขณะให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการดื่มน้ำสาบาน นายอนามัยได้ใช้มือทั้งสองข้างกุมที่หัวเข่า แสดงให้เห็นถึงความเครียดเล็กน้อย

ทั้งนี้ท่านั่งของทั้ง 3 คน (พับเพียบ/เทพบุตร) เป็นการกระทำของจิตสำนึก เป็นการกระทำที่ควบคุมได้ หากใครเมื่อยหรืออยากนั่งท่าไหนก็สามารถทำได้เอง จึงไม่ได้บ่งบอกถึงภาษากายของบุคคลคนนั้น เพราะภาษากายต้องวิเคราะห์จากการกระทำที่ไม่รู้ตัว (จิตใต้สำนึก)

น.พ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ บอกว่า ขณะทำพิธีดื่มน้ำสาบาน เท่าที่ดูไม่มีใครกังวล และยิ่งสบายใจขึ้นหลังทำพิธี ทั้ง 3 คน ไม่มีใครกังวลอะไรเป็นพิเศษ แต่นายอนามัยจะแสดงอาการที่บ่งบอกถึงความกังวลเล็กน้อย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นความกังวลที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับนายไชย์พล เนื่องจากวันที่ไปสาบานกันไม่ใครพูดถึงคดีเลยแม้แต่น้อย แต่จะพูดเกี่ยวกับพิธีดื่มน้ำสาบาน เป็นไปได้ว่าทั้ง 3 คน น่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้

นางสมพร หลาบโพธิ์ ป้าของชมพู่ กล่าวว่า ตำรวจมาวันนี้เพียงแค่มาให้กำลังใจ มาพูดคุย มาในลักษณะที่ดี มาถามตนว่ากลัวอะไรไหม มีอะไรไม่สบายใจหรือไม่ ไม่ได้คุยเรื่องคดี มาแบบดี ๆ

ภาษากายของนายไชย์พล วิภา โดยรวมยังมีความมั่นใจในตัวเอง ไม่ได้รู้สึกกังวล แต่มีการแสดงออกถึงความเบื่อหน่าย เพราะนายไชย์พลมีสีหน้าท่าทางที่เบื่อหน่ายขณะกำลังจะขึ้นรถไปทำพิธีดื่มน้ำสาบาน บ่งบอกถึงความรู้สึกว่าคดีน้องชมพู่นั้น ยาวนานไม่จบเสียที

ทั้งนี้นายไชย์พล ยังพกเครื่องรางสิ่งศักดิ์ติดตัวไป เป็นการแสดงออกว่าตัวเองมีที่พึ่งทางใจและแสดงถึงความจริงใจในการร่วมพิธีดื่มน้ำสาบาน หากเป็นคนไม่ดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงไม่ช่วยเหลือ

นายไชย์พลไม่ดื่มน้ำสาบาน, ปักธูปกลับหัวและกินถ่าน โดยนายไชย์พลให้เหตุผลว่ามีคนแนะนำมา ถือว่าเป็นการกระทำที่เพิ่มความมั่นใจให้แก่ตัวเอง ไม่ได้เป็นการกระทำที่สร้างภาพให้คนอื่นมั่นใจในตัวนายไชย์พล แต่ถ้าหากไม่มีคนแนะนำ แต่นายไชย์พลทำเอง ก็อาจจะมองว่าเป็นพิรุธได้

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาพบ นายไชย์พล วิภา ลุงของชมพู่ เปิดเผยว่า กรณีโซเชียลฯ สอบถามว่าตนไม่กล่าวคำสาบาน ตนกลัวจะมีอันเป็นไปหรือไม่ ตนขอชี้แจงว่า ก่อนที่ตนจะกล่าว ตนได้อ่านคำสาบานจากมือของพ่อตา ซึ่งตนเห็นว่าคำพูดยังไม่หนักแน่น จึงอยากให้พ่อตาเพิ่มคำบางคำไปด้วย พ่อตาก็ไม่ยอม อีกทั้งก็เป็นการกล่าวคำแบบพร้อมกัน ไม่ใช่ทีละคนตามที่ต้องการ

ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่กลัวเรื่องความมีอันเป็นไป อีกอย่างคำพูดที่ตนสาบานร้ายแรงกว่าด้วยซ้ำ หากมองเรื่องกฎหมาย ผิดตนก็ต้องติดคุก หากมองเรื่องความเชื่อ ก็คือการสาบาน เรื่องพวกนี้มีจริง ตนไม่เคยกังวล ไม่กลัว ผิดก็คือผิด

กรณีตำรวจจับผิดตน ตนก็สงสัยทำไมตำรวจต้องตามขึ้นไปดูพิธีสาบานด้วย ตนก็ไม่รู้มาก่อนตำรวจจะมา ที่มีการจับผิดตน 4-5 ข้อ

1.เรื่องมาช้า ตนขอชี้แจงว่า วานนี้ไม่มีใครมาตามตนสักคน ไม่มีใครบอกจะไปกี่โมง ตนมารู้จากสื่อว่าพ่อตาแม่ยายออกไปแล้ว ตนทราบตอนเช้าว่าให้ฝนหยุดตก ค่อยออกไป ซึ่งตอนนั้นที่ออกไปฝนก็ยังไม่หยุดตก ทีแรกนัดหมายกันแค่ว่าจะถวายข้าวพระ ซึ่งตนไม่ทราบเวลาที่แท้จริง เพราะไม่มีใครมาบอก

2.เรื่องการนั่งท่าเทพธิดา ตนพูดตามประสาชาวบ้าน ไม่มีใครคิดว่าจะนั่งท่าไหน แต่ตนจะนั่งท่าเทพพระบุตรตลอดหากกราบพระ ตอนกล่าวคำสาบานตนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เพราะไม่ใช่พิธีทางการอะไร จะนั่งท่าไหนก็นั่ง

3.เรื่องดื่มน้ำสาบาน ตนก็ได้แจ้งไปก่อนแล้ว และยืนยันว่าหากจะดื่มให้ไปที่วัดพระแก้ว

4.การปักธูปกลับหัว อย่างเณรแอบอกว่าเป็นการกลับคำสาบาน ตนอยากบอกว่า การกลับคำสาบานต้องมีการกล่าวออกมาเหมือนการสาบาน ซึ่งต้องเอ่ยชื่อ ไม่ใช่การปักหัวธูปแบบตน

การปักธูปกลับหัวของตน ผ่านไปครู่หนึ่งเกือบครึ่งด้ามธูป และตนก็กลับหัวธูป เพื่อย้อนสิ่งที่คนพยายามทำไม่ดีกับตน ให้กลับไปหาตัวเขา หากตำรวจจะล็อกเป้าที่ตน ตนแค่ต้องการไปสาบานเพื่อให้พี่น้องกลับมาสามัคคี

นอกจากนี้ภาษากายของนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา โดยรวมมีความเบาใจ รู้สึกผ่อนคลาย แต่ยังขาดสมาธิในการตอบคำถามสื่อ ขณะทำพิธีดื่มน้ำสาบานนางสาวิตรีมีการเปล่งเสียงชัดเจน ไม่ติดขัด แสดงถึงความจริงใจและความกล้าที่จะทำพิธี การให้สัมภาษณ์มีการโต้ตอบชัดเจน แต่น้ำหนักเสียงเบาลงกว่าแต่ก่อน แสดงให้เห็นถึงความสบายใจ คาดว่าเป็นความสบายใจหลังทำพิธีดื่มน้ำสาบาน ขณะให้สัมภาษณ์มีการกรอกตาไปมา แสดงให้เห็นว่ากำลังคิดอะไรในใจ จนไม่มีสมาธิ

ด้านภาษากายของนายอนามัย วงศ์ศรีชา โดยรวมมีความอึดอัดใจเวลาตอบคำถามผู้สื่อข่าว ขณะทำพิธีดื่มน้ำสาบานนายอนามัยมีการเปล่งเสียงชัดเจน ไม่ติดขัด แสดงถึงความจริงใจและความกล้าที่จะทำพิธี นายอนามัยมองตาขวางขณะที่สบตากับนายไชย์พล แสดงให้เห็นถึงการพร้อมเผชิญหน้า เปรียบเทียบเหมือนไก่ชนที่พร้อมสู้

นายอนามัยมีท่าทางกอดอกอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งการกอดอกแสดงถึงความกังวลในจิตใจ แต่ทั้งนี้ต้องดูนิสัยของนายอนามัยว่า กอดอกเป็นประจำจนเคยชินหรือไม่ ขณะให้สัมภาษณ์กับอมรินทร์ทีวีเกี่ยวกับลุงพล “ที่จ้องลุงพลเนื่องจากไม่ได้เห็นหน้ามานาน” นายอนามัยได้กรอกตามองขึ้นไปในทิศซ้ายบนและซ้ายล่าง แสดงให้เห็นว่านายอนามัยพูดความในใจออกมาจริง ๆ แต่ขณะเดียวกัน นายอนามัยได้ใช้มือข้างหนึ่งจับที่ข้อพับของแขนอีกข้างหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงความอึดอัด คาดว่าน่าจะเป็นความอึดอัดที่จะต้องตอบคำถามของผู้สื่อข่าว น่าจะอยากให้เปลี่ยนคำถาม

ขณะให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการดื่มน้ำสาบาน นายอนามัยได้ใช้มือทั้งสองข้างกุมที่หัวเข่า แสดงให้เห็นถึงความเครียดเล็กน้อย