จากกรณี "กู้ภัยมังกรสุโขทัย เขตขีรีมาศ" ได้รับแจ้งเหตุเมื่อวันที่ 20 พ.ค.63 เวลา 11.30 น. มีชาวบ้านออกไปหาเห็ดป่า ก่อนพบศพมีผู้ผูกคอตายเสียชีวิต 2 ราย บริเวณวัดป่าถ้ำเขาพระแม่ย่า พื้นที่อุทยานแห่งชาติรามคำแหง ต.นาเชิงคีรี อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย
เจ้าหน้าที่จุดรุดตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เดินทางเท้าขึ้นเขาพบศพ นายวายุบุตร งามสม ภูมิลำเนา จ.สุพรรณ และนางสาวเฉลิมศรี สงเกื้อ ภูมิลำเนา จ.นครศรีธรรมราช
ลักษณะใช้เชือกเส้นเดียวกันทำเป็นบ่วงผูกคอกับกิ่งต้นไทร ศพทั้ง 2 ผูกคออยู่ใกล้กัน บริเวณใกล้เคียงพบ น้ำเปล่า ซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซองยาสูบ ภายในกระเป๋ากางเกงศพหญิงสาวพบกระเป๋าเงิน มีเงินจำนวน 1,240 บาท คาดว่าเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน เนื่องจากมีน้ำเหลืองไหล ส่งกลิ่นเหม็น แต่ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย
วันที่ 22 พ.ค. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่วัดป่าถ้ำเขาพระแม่ย่า พื้นที่อุทยานแห่งชาติรามคำแหง ต.นาเชิงคีรี อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย โดยบริเวณด้านหลังวัดป่าถ้ำเขาพระแม่ย่า จะต้องเดินขึ้นเขาทางชัน สลับหินไปประมาณ 2 กิโลเมตร
นางประไพ ไชโย อายุ 60 ปี ผู้ดูแลวัด เผยว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คนไม่ใช่คนในพื้นที่ แต่เป็นฆาราวาสที่สึกจากวัดอื่นมา ปั่นจักรยานนำใบสุทธิพระมาจาก จ.สุพรรณบุรี เพื่อมาให้เจ้าคณะตำบลรับทราบ ขอมาปฎิบัติธรรมที่วัดป่าถ้ำเขาพระแม่ย่า ได้ประมาณ 6 เดือน ปกติแล้วทั้งคู่เป็นคนนิสัยดี ช่วยงานวัดเป็นประจำ แต่เป็นคนไม่ค่อยพูด
ซึ่งก่อนที่จะเสียชีวิต วันที่ 16 พ.ค.63 ทั้งคู่ได้นำเงินมาฝากไว้ให้วัด 600 บาท เพื่อช่วยค่าน้ำค่าไฟ ต่อมาในวันที่ 17 พ.ค.63 ก็ขี่รถจักรยานออกจากวัดหายไปด้วยกัน 2 คน กระทั่งตนเองมาทราบข่าวจากเพื่อนบ้านที่ไปหาของป่าบนเขาว่าทั้ง 2 คนเสียชีวิตแล้ว
เหตุการณ์เกิดขึ้นตนเองคาดว่าน่าจะเป็นปัญหาเรื่องส่วนตัว จึงทำให้ตัดสินใจก่อเหตุ เพราะช่วงก่อนเกิดเหตุตนเองเห็นนายวายุบุตรมีอาการซึมเศร้า หรืออาจจะเกิดจากอาถรรพ์ สิ่งลี้ลับของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บริเวณพื้นที่ถ้ำพระแม่ย่าก็อาจจะเป็นได้ เพราะตนเองเคยพบเห็นนายวายุบุตร นำผ้า 3 สีไปผูกตามต้นไม้ใหญ่ และก็นำข้าวที่มีคนนำมาใส่บิณฑบาตขึ้นไปวางไว้ตามต้นไม้ ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าจะเอาขึ้นไปทำอะไร หรือเขาอาจจะพูดอะไรที่ไม่ดี เลยถูกอาถรรพ์
โดยเจ้าหน้าที่ที่ไปช่วยนำศพผู้เสียชีวิตลงมาจากเขา เล่าให้ฟังว่าขณะที่ขึ้นไปบนเขา เกือบถึงบริเวณหลังถ้ำเขาพระแม่ย่า พบเห็นเป็นเงาวิญญาณสีดำ เป็นชายร่างใหญ่ยักยื่นเฝ้าถ้ำ แต่พอเห็นเจ้าหน้าที่ก็หายวาบไป และประมาณ 3 วันก่อนที่ผู้เสียชีวิตจะไปผูกคอตาย ก็มีงูจงอางตัวใหญ่ เลื้อยเข้ามาภายในวัด เสมือนเป็นเจ้าที่มาบอกเหตุหรือไม่
อีกทั้ง บริเวณพื้นที่นี้มีผู้ขึ้นไปเสียชีวิต 2-3 คนแล้ว รวมถึงพระที่ขึ้นไปก็เคยมีหลงป่า หรือกลายเป็นคนเสียสติบ้างก็มี หากทำอะไรไม่ดีหรือไม่ขอขมาพระแม่ย่า
โดยเมื่อ 800 ปีก่อน พระร่วงและแม่ย่าเสียชีวิตบริเวณนี้ แม่ย่าเข้าฝันอาจารย์ละม่อม สุวัฑโน ผู้ก่อตั้งให้บูรณะสถานที่นี้ จึงเป็นความเชื่อสืบทอดกันมาว่าวัดป่าถ้ำพระแม่ย่า มีวิญญาณเฝ้าขุมทรัพย์และดูแลสถานที่แห่งนี้
นายพิภพ เหาะเพชร อายุ 23 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิธรรมรัศมีมนีรัตน์ (มังกรสุโขทัย) เล่าว่า วันที่ 20 พ.ค. 63 เวลา 11.30 น. มูลนิธิได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่า มีชายหญิงผูกคอตายเสียชีวิตบริเวณหลังวัดป่าถ้ำเขาพระแม่ย่า จึงรุดเข้าตรวจสอบช่วยเหลือ เมื่อไปถึงพบว่าจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณด้านหลังวัดป่าถ้ำเขาพระแม่ย่า ที่ต้องเดินขึ้นเขาทางชันสลับหินประมาณ 2 กิโลเมตร ใช้เวลากว่า 1 ชม. ไปถึงจุดพบศพ
โดยพบศพ ชายหญิง 2 ราย เสียชีวิตในสภาพลักษณะใช้เชือกไนล่อนสีเขียว ทำเป็นบ่วงผูกคอ พาดกับกิ่งต้นไทร ทั้ง 2 ศพผูกคออยู่ซ้อนกัน สภาพศพมีน้ำเหลืองไหล ส่งกลิ่นเหม็น คาดว่าเสียชีวิตไม่ตำกว่า 2-3 วัน เจ้าหน้าที่กว่า 10 คนช่วยกันใช้ไม้คานห่อผ้ามัดกับศพห้ามลงมา
ด้านนายนันทเดช พิมพา คนที่เคยรู้จักนายวายุตอนบวชเป็นพระ ที่ จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า นายวายุตอนบวชเป็นพระ เป็นคนเงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร ชอบเก็บกวาด ทำงานภายในวัด เวลาใครถามอะไรอะไรก็ไม่ค่อยตอบ เหมือนจะไม่อยากคนที่รู้ว่าเป็นคนใต้ จ.สงขลา และทราบว่าผู้หญิงที่มาอยู่ด้วย มาจาก จ.นครศรีธรรมราช นายวายุชอบศึกษาพระธรรม เรียนเก่ง สอบไล่ตั้งแต่นักธรรมตรี นักธรรมโท จนขอลาพระเจ้าอาวาสวัดขุนไกรเดินธุดงค์ ตั้งแต่นั้นตนก็ไม่เคยเจออีกเลย จนกระทั่งมาทราบว่าเจ้าตัวผูกคอตายที่ จ.สุโขทัย
Advertisement