จากกรณี นายจเด็ด สมสอง อายุ 28 ปี ก่อเหตุถือปืนบุกโชว์รูมบริษัทโตโยต้า สาขาสว่างแดนดิน จ.สกลนรค เพื่อระบายแค้นสมัยเคยทำงานที่นี่ โดยชักอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. แบบออโตเมติก ออกมาข่มขู่พนักงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยเข้ามาก่อกวนโดยมีไม้และมีดเป็นอาวุธ แล้ว 2 ครั้ง
กระทั่งตำรวจ สภ.สว่างแดนดิน ได้เข้าระงับแต่นายจเด็ดขัดขืน ขับรถเก๋งโอเปิ้ล คอร์ซ่า สีส้ม ทะเบียน ขก 6816 อุดรธานี มาบนถนนหลวงหมายเลข 22 สกลนคร-อุดรธานี มุ่งหน้าเข้าจังหวัดอุดรธานี ตำรวจไล่ล่าติดตามแต่คนร้ายยิงปืนสู้จึงถูกวิสามัญ ในพื้นที่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี
วันที่ 24 เม.ย. 63 นางแก้วใจ ธานะขันธ์ อายุ 72 ปี แม่ของนายจเด็ด บอกว่า ลูกชายไม่ควรถูกตำรวจวิสามัญ สิ่งที่ตำรวจกควรทำคือเรียกให้คนในครอบครัวไปเกลี่ยกล่อมก่อน อีกทั้งเมื่อไปดูศพลูกชายในที่เกิดเหตุ พบว่าลูกนั่งอยู่ที่เบาะคนขับโดยยังคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ ไม่ได้ถือปืน และมีบาดแผลถูกยิงทะลุจากเบาะหลัง เข้าบริเวณต้นคอและหลังรวมกันถึง 6 นัด เชื่อว่าขณะเกิดเหตุลูกชายไม่ได้มีเจตนาต่อสู้เจ้าหน้าที่เพราะไม่ได้ลุกขึ้นต่อสู้ และขณะแวะปั้มเติมน้ำมันก็ยังดูมีท่าทีปกติ
ทั้งนี้ รู้สึกเสียใจมากเพราะมีลูกชายเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว ยอมรับว่าสงสารลูกที่ถูกฆ่าเหมือนหมา เหมือนไม่ใช่คน นอกจากนี้ ทางครอบครัวอยากให้ตำรวจชุดที่ยิงลูกชายมาร่วมงานศพ เพราะอยากถามว่าเกิดอะไรขึ้น รวมถึงอยากให้มาขอขมาศพเพื่อลูกชายจะได้ไปสู่สุขติ
นายรัตนพงษ์ ศรีรัตนนาม อายุ 63 ปี เจ้าของอู่ซ่อมรถ เปิดเผยว่า นายจเด็ดเคยมาเป็นช่างซ่อมรถประมาณปี 2560 โดยทำงานอยู่ประมาณ 19 เดือน ซึ่งสังเกตว่าเขาเป็นคนอารมณ์เย็น ไม่ค่อยพูด ขยันและจริงจังในการทำงาน ไม่เคยมาทำงานสาย ฝีมือการทำงานถือว่าเป็นสุดยอดช่างและเป็นตัวหลักในการทำงาน ซึ่งช่วงที่เขาทำงานกับตนก็ไม่ได้มีอาการป่วยแต่อย่างใด กระทั่งเขามาลาออกแล้วกลับไปทำงานบริษัทรถยนต์ในตัวอำเภอสว่างแดนดิน ซึ่งเขาก็ร่ำลาไปด้วยดี
ทีมข่าวได้กล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ โดยวันที่ 22 เม.ย. 63 เวลา 10.31 น. นายจเด็ดขับรถโอเปิ้ล คอร์ซ่า สีส้มเข้ามาจอดในลานจอดของโชว์รูมรถ และเดินลงจากรถพร้อมกับถือปืนลงมาด้วย
เวลา 10.32 น. นายจเด็ดเดินถือปืนอยู่ในอู่ซ่อมของโชว์รูมรถ
เวลา 10.34 น. นายจเด็ดเดินถือปืนเปิดประตูเข้าไปในสำนักงานขายของโชว์รูมรถ
เวลา 10.34 น. นายจเด็ดเดินย้อนกลับไปขึ้นรถ และถอยรถออกโดยมีตำรวจวิ่งไล่ตาม
เวลา 10.36 น. นายจเด็ดขับรถโอเปิ้ล คอร์ซ่า สีส้มหันหน้าออกจากโชว์รูมรถ โดยมีตำรวจเดินเข้าไปเกลี่ยกล่อมที่กระจกฝั่งคนขับ แต่สุดท้ายนายจเด็ดก็ขับรถหนีไป
นายฐากูร ประสิทธิ์พันธ์ อายุ 38 ปี พนักงานโชว์รูมรถโตโยต้า บอกว่า วันเกิดเหตุนายจเด็ด เข้ามาเดินหาพนักงานที่เคยเป็นคู่กรณีกับเจ้าตัว ซึ่งพนักงานคนดังกล่าวลาออกไปแล้วตั้งแต่ปี 2562 แต่นายจเด็ดก็ยังย้อนกลับมาอีก ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้ว
โดยเมื่อปี 2561 นายจเด็ดเดินเข้ามาในโชว์รูมเพื่อหาตัวอดีตเพื่อนร่วมงาน แต่แค่มองหน้ากัน ไม่ได้ถืออาวุธมาและไม่ได้ทำอะไร หลังจากนั้เจึงได้เดินออกไป ส่วนการก่อเหตุครั้งถัดมาช่วงปี 2562 นายจเด็ดเดินถือท่อแป๊ปเหล็กเข้ามาเดินตามหาคู่กรณี แต่ไม่เจอ เพราะคู่กรณีออกจากงานไปแล้ว สำหรับประเด็นชู้สาวยืนยันว่าไม่มี เพราะเจ้าตัวไม่เคยมีแฟนในโชว์รูม
นายสุวรรณ ขันธะจันทร์ อายุ 38 ปี อดีตหัวหน้างานนายจเด็ด บอกว่า เมื่อก่อนนายจเด็ดเคยทำงานเป็นช่างอยู่ที่โชว์รูมรถของนิสสัน เป็นคนเก่งและเป็นตัวหลักของทีม แต่ให้ถูกออกจากงานไปประมาณ 8 เดือนที่แล้ว เนื่องจากมีอาการทางประสาท เพราะเกิดอาการหูแว่วว่ามีคนนินทา รวมถึงเคยเดินเข้าไปเขตพื้นที่บ้านของเจ้าของบริษัทที่อยู่หลังโชว์รูมตอนเช้ามืดโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังอ้างว่าหูแว่วมีคนเรียก
ซึ่งหลังจากเขาออกจากงานไปก็เคยกลับมาเยี่ยมเพื่อนที่ทำงาน 1-2 ครั้ง ซึ่งตอนกลับมาก็มีอาการปกติดี กระทั่งเมื่อวานก่อนเขาจะบุกไปที่โชว์รูมโตโยต้าที่อยู่ตรงข้าม เจ้าตัวขับรถเข้ามาในโชว์รูมนิสสันก่อน โดยขับรถมาจอดหน้าโชว์รูม เดินถือปืนตั้งแต่ในโชว์รูมและอู่ซ่อม โดยขณะเดินก็ไม่มีการพูดกับใคร ลักษณะเหม่อลอย ทำให้พนักงานเกิดความตกใจและวิ่งหนีกันหมด หลังจากนั้นเขาก็เดินกลับขึ้นรถและขับไปยังโชว์รูมโตโยต้าที่อยู่เยื้องกันทันที
เชื่อว่าอาการที่เห็นคงเป็นอาการทางประสาท หรือมีอาการจิตหลอน ยอมรับว่ารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตอนที่เดินเข้ามานั้นหน้าตาไม่ค่อยเป็นมิตร อีกทั้งยังถือปืนเข้ามาด้วย
พ.ต.อ.อิทธิเดช สุนทร ผกก.สภ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร บอกว่า เบื้องต้นตำรวจชุดที่วิสามัญฆาตกรรมนายจเด็ด มีทั้งหมด 5 นาย เป็นตำรวจของ สภ.สว่างแดนดิน ตั้งแต่ชั้นยศร้อยตำรวจ สิบตำรวจ และยศจ่า ซึ่งจากการสอบถามลูกน้องเบื้องต้น อ้างว่ายิงไปเพราะป้องกันตัว เนื่องจากผู้ตายต่อสู้ขัดขืนการจับกุม ซึ่งตำรวจทั้ง 5 นาย ได้ถูกตำรวจ สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี แจ้งข้อกล่าวหา "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" โดยจะต้องไปพิสูจน์ในชั้นศาลว่าการกระทำนั้นสอดคล้องกับหลักการวิสามัญฆาตกรรมหรือไม่
Advertisement