หึงโหดแทงดับพ่อม่ายตื๊อรักหลานเมีย สาวปัดคบซ้อนแฉแค้นย่องหมั้น (คลิป)

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกู้ชีพในพื้นที่วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ได้รับเเจ้งเหตุมีคนถูกแทงเสียชีวิตในพื้นที่หมู่ 18 บ.วังปทุม ต.หัวเรือ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ภายหลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างของผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ "นายชินณกร ปะเสระกัง" อายุ 48 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ภายในที่เกิดเหตุ สภาพศพโดนแทงเข้าที่ใต้ราวนมและบริเวณคอ นอนคว่ำหน้าจมกองเลือด ขณะที่ผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไป

ล่าสุดเบื้องต้นเช้าวันที่ 29 ม.ค. 66 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วาปีปทุม ได้เปิดเผยว่าทางผู้ต้องหาได้มีการเข้ามามอบตัวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังทราบว่าคู่กรณีที่ทำร้ายนั้นเสียชีวิต ทราบชื่อคือ "นายณรงค์ อุปนิตย์" อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นคนในพื้นที่และอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ

ต่อมาเวลา 11.30 น. ทาง "พ.ต.อ.ไกรทอง ชัยสิงห์" ผู้กำกับ สภ.วาปีปทุม พร้อมด้วยเข้าหน้าที่ตำรวจ มีการควบคุมตัวผู้ต้องหา "นายณรงค์" เข้าทำแผนประกอบรับคำสารภาพ พร้อมกับทางญาติ ๆ ของผู้เสียชีวิตที่มารอดูการทำแผน 

ขณะที่ชี้จุด "นายณรงค์" เล่ารายละเอียดให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฟัง และมีการเล่าถึงวินาทีก่อเหตุ ก่อนจะพาทีมข่าวไปจุดที่ 2 ซึ่งห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นพุ่มหญ้า โดยทางผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นจุดแรกที่มีการทะเลาะและทางคนตายเองได้ทำร้ายเขาก่อนในจุดนี้ ก่อนจะมีการไล่ทำร้ายกัน โดยในจุดดังกล่าวทางผู้ต้องหาได้ชี้และบอกพิกัดจุดอาวุธของคนตายซึ่งเป็นแท่งเหล็กท่อนสีดำยาวประมาณ 40 เซนติเมตร ห่อด้วยผ้าคลุ้มสีเขียวอยู่

ซึ่งจากคำกล่าวอ้างของผู้ก่อเหตุ ระบุว่าเป็นอาวุธของคนตายที่มาทำร้ายเขาก่อน หลังจากนั้นทางเข้าหน้าที่ตำรวจได้พาขึ้นรถไปยังจุดที่ 3 ซึ่งเป็นจุดบ้านพ่อตาเก่าและเป็นญาติของผู้ก่อเหตุ โดยเป็นจุดที่เขาไปหลังเกิดเรื่อง และมีการนำอาวุธมีดที่ทำร้ายคนตายมาทิ้งไว้บริเวณก่อไผ่หลังบ้าน โดยทางเจ้าตัวไก้พาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดสืบค้นหาจนพบมีดพกที่ใช้ก่อเหตุโยนทิ้งอยู่จริง ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุมตัวไปยังโรงพักและดำเนินคดีต่อไปตามกฎหมาย

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้มีโอกาสพูดคุยกับทางผู้ต้องหา "นายณรงค์" โดยทางเจ้าตัวได้พูดถึงปุ่มในการก่อเหตุว่า เบื้องต้นมาจากกรณีเรื่องชู้สาว เนื่องจากก่อนหน้านี้ประมาณปีกว่าตนเองได้มีการหมั้นหมายกับทาง น.ส.กรวี (นามสมมติ) และคบหาดูใจในฐานะเเฟนกัน แต่ปรากฎว่าทางผู้เสียชีวิต "นายชินณกร" กลับเข้ามาติดพันและออกแนวลักษณะหึงหวงตนกับทางแฟนสาว ก่อนที่เขาเองพยายามจะมาสานสัมพันธ์กับทางแฟนสาวของตน ทั้งที่แฟนสาวไม่ได้เล่นด้วย ถึงขั้นที่ตนเองเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาก่อนแล้วหลายครั้ง

ขณะที่เหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 66 ทางตนเองกำลังขับรถมาเดินทางหาแฟนสาว "น.ส.กรวี" ที่บ้านตรงจุดเกิดเหตุ แต่ปรากฎว่าทางคนตายได้มาจอดรถดักรอในบริเวณเล้าไก่ข้างบ้านของแฟนสาว ก่อนที่ตนเห็นแล้วก็มีปากเสียงกัน ทางคนตายได้พยายามใช้เเท่นเหล็กที่เตรียมมาไล่ตีตน ตนเองก็พยายามวิ่งหนีและหาไม้ในจุดที่เกิดเหตุไล่ตีเขา จนทางคนตายเองวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือในจุดที่เขาเสียชีวิต ซึ่งตอนนั้นเองเขาสะดุดล้มลง ตนด้วยความโมโหและบันดาลโทสะตนเลยเอามีดพกที่ติดตัวมาจวงแทงเขาประมาณ 3-4 ครั้ง ก่อนที่เห็นว่าคนตายไม่มีเเรงสู้และยังมีลมหายใจอบู่ ตนเองพอมีสติเลยวิ่งหนีและกลับไปที่บ้านของพ่อตา

ยืนยันว่า ปัญหามาจากที่อีกฝ่ายมายุ่งเกี่ยวและพยายามจะทำร้ายตนก่อนหลายครั้ง ทั้งนี้วันที่เกิดเรื่องตนเองไม่ได้เตรียมการหรือทราบมาก่อนว่า ทางผู้ตายเองจะมาดักรอเพื่อทำร้ายตน ขณะที่ตอนก่อเหตุตนเองบันดาลโทสะไม่ได้ตั้งใจที่จะเอาให้ถึงขั้นเสียชีวิต ส่วนอาวุธมีดโถตนไม่ได้เตรียมการมาก่อนแต่ตนพกไว้ 3-4 วัน ก่อนหน้านี้ เหตุเพราะคนตายได้มาขับรถวนเวียนแถวหน้าบ้านของตน จึงมีคนเตือนว่าให้ระวังตัว ตนเองเลยมีการพกมีดติดตัวตลอด ย้ำว่าไม่ได้เตรียมการมาก่อน

"ส่วนตัวอยากจะขอโทษกับทางครอยครัวของผู้เสียชีวิต ตามที่บอกตนโดนทำร้ายก่อน ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขาถึงขั้นดสียชีวิต หลังเกิดเรื่องก็สำนึกผิดและเข้ามอบตัวไม่ได้หลบหนี แต่ตกใจไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ยืนยันไม่มีปมปัญหาอื่นนอกเหนือจากเรื่องชู้สาว ที่อีกฝ่ายมายุ่งเกี่ยวและติดพันกับแฟนสาวของตน"

ด้าน "น.ส.กรวี" (นามสมมติ) เปิดใจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า เหตุการณ์เมื่อคืนนั้นตนไม่ทราบว่าทั้งคู่มีเรื่องทะเลาะกัน หรือมีการนัดเจอกันแต่อย่างใด มาทราบอีกทีช่วง 3-4 ทุ่ม ตอนนั้นตนเองกำลังจะเอาหลานนอน ก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรหล่นด้านนอกและเสียงเหมือนคน เลยออกมาดูด้วยความมืดในจุดที่เกิดเหตุ เลยคลำ ๆ อยู่พบเป็นคน เลยตัดสินใจให้ทางญาติไปนำไฟมาส่องจนทราบว่าเป็นทาง "นายเอียด" ผู้ตาย นอนจมกองเลือด ทั้งนี้ตนไม่ทราบว่าก่อนตายเขาโดนไล่มาหรือทะเลาะกับใคร มาทราบตอนเช้าตามที่ทางนายณรงค์ แฟนของตนไปมอบตัว ทั้งนี้จุดที่เขาอ้างว่ามีการทะเลาะกัน ดักตีกัน มันอยู่ตรงบ้านน้าของตน ไม่ทราบว่าเขานัดเจอหรือบังเอิญเจอ แต่ตนกับทางแฟน "นายณรงค์" ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนกับผู้ตายและผู้ก่อเหตุ ทางตนเองอยากจะอธิบายสังคมเหมือนกันเพราะตอนนี้มีเรื่องของปมชู้สาว ซึ่งในส่วนนี้เป็นไปตามที่มีการระบุ แต่ไม่ใช่ว่าตนเองเป็นกิ๊กกับทั้ง 2 ฝ่าย ตามที่บางคนไปพูดกัน ส่วนตัวจริง ๆ คือคบหาดูใจกับทางผู้ก่อเหตุ "นายณรงค์" มานานกว่า 7-8 ปี และเพิ่งจะมีการทำพิธีหมั้นหมายกันเมื่อช่วงปีกว่า ๆ ขณะที่ทางคนตาย "นายเอียด" เป็นเหมือนดองของตนเพราะเขาเองเคยมาแต่งงานและมีลูกกับทางลูกพี่ลูกน้องของแม่ตนนานมาแล้ว ก่อนมี่จะมีการเลิกรากัน แต่ตนกับทางผู้ตายมีความสนิทสนมในเชิงญาติในมุมของตน

หลังจากนั้นพอตนเองคบหาดูใจกับทางผู้ก่อเหตุ ปรากฎว่าทางผู้ตายเองก็มีลักษณะเข้ามาหึงหวงตน และเชิงประมาณว่าชอบตน อยากได้ตนเป็นแฟนแต่ตนเองก็ปฎิเสธและไม่เล่นด้วย เคารพเขาในมุมของพี่น้อง ขณะที่ทางแฟนของตนหรือคนก่อเหตุ ทราบเรื่องด้วยความที่เขาเองก็หึงหวง และมีการไปยุยงว่าให้ระวังตนกับทางผู้ตายมาตลอด ทำให้เขาเองรู้สึกไม้พอใจและระเเวงมา ตลอดจนรู้สึกว่าเขาทั้งคู่ไม่กินเส้นกัน แต่ตนก็พยายามอธิบายและบอกเหตุผลว่าตนเองไม่ได้ชอบคนตายและไม่ได้เล่นด้วย แต่ทางฝ่ายชายของตนก็ไม่เชื่อ

จนกระทั้งเมื่อล่วงที่ตนเองหมั้นกับทางผู้ก่อเหตุ ทางคนตายก็บุกมาที่บ้านและมาชกต่อยกัน เพราะหึงหวง และอยากได้ตนเป็นแฟน แต่สุดท้ายก็เคลียร์กันจบจนมาเกิดเรื่องดังกล่าวนี้ขึ้น ตนเองนอมรับเสียใจและรู้สึกผิดอไม่คิดว่าสังคมหรือคนจะโจมตีตนหาว่าเป็นต้นเรื่อง ทั้งที่ตนเองพยายามอธิบายและบอกเหตุผลว่าตนไม่ได้เงินด้วยกับทางฝั่งคนตาย นับถือและเคารพในฐานะผู้ใหญ่ค่อนข่วยเหลือกันขณะที่ทางผู้ก่อเหตุเเฟนของตนก็เป็นคนอารมณ์ร้อน และหึงหวงจนเกินไปทั้งที่ไม่มีอะไร

มองถ้าตนทราบว่าจะมีเรื่องแบบนี้ ตนอบากให้ทั้งคู่เปิดใจคุยกัน ไม่ใช่ว่าคิดกันไปเอง สุดท้ายสิ่งที่ตนได้รับคือสังคมโจมตี ซึ่งตนเองก็อยากจะให้ทุกคนอย่าเพิ่งคัดสินหรือตีความจากสิ่งที่เกิดขึ้น เพียงเเค่คำพูด แต่อยากให้มองในมุมความจริง ไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ตนก็เสียใจเช่นกัน

 

ต่อมาทางทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของผู้เสียชีวิตหรือบ้านของ "นายชินณกร ปะเสระกัง" อายุ 48 ปี ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร บรรยากาศขณะที่ทีมข่าวเข้าไปปรากฎว่าทางญาติญาติได้มีการเตรียมและจัดแจงเรื่องของการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลตามหลักศาสนาพุทธ ขณะที่ร่างของผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาถึงตั้งแต่ช่วงสายที่ผ่านมา น้าชายของผู้ตายและเป็นคนสนิท ได้เล่าให้ ทีมข่าวฟังว่า เหตุการณ์เมื่อวานนี้ตนเพิ่งจะทราบเรื่องช่วงประมาณ 4 ทุ่มกว่า และไม่พบว่าจะมีลางสังหรณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเมื่อวานช่วงประมาณ 6 โมงเย็น ทางหลานชายหรือผู้ตายยังคงนั่งกินข้าวกับตนและแม่ของผู้ตายอยู่ ซึ่งเขาเองก็ยัง คงปกติและไม่ได้มีการพูดคุยหรือระบายถึงปัญหาชีวิต

ทั้งนี้หลังกินข้าวเสร็จ ทางผู้ตายก็เดินกลับไปยังบ้านของตนเองก่อนที่ช่วงประมาณ 2 ทุ่ม ทางผู้ตายได้ขับรถจักรยานยนต์ส่วนตัวออกจากบ้านซึ่งตนเองก็ไม่ได้สอบถามตลอดจนผู้ตายเองก็ไม่ได้บอกว่าจะไปไหน สุดท้ายช่วง 4 ทุ่มเลยทราบว่าเสียชีวิต ทางครอบครัวก็รู้สึกโล่งที่สามารถจับคนร้ายมาได้ ส่วนที่ผู้ต้องหาระบุว่าก่อนเกิดเรื่องทางผู้ตายได้ดักทำร้ายเขาก่อน ส่วนตัวไม่มั่นใจว่ารายละเอียดช่วงที่เกิดเหตุเป็นอย่างไร แต่หากตรวจสอบจากอาวุธที่พบในจุดเกิดเหตุยืนยันว่าเป็นกระบองของทางหลานชายจริง ๆ ซึ่งส่วนตัวเคยเห็นเขาพกอยู่ที่บ้าน

แต่เรื่องที่ทั้งคู่มีปัญหาหรือทะเลาะกัน ตนไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรกันลึก ๆ เรื่องปมชู้สาวตนก็ไม่ทราบ ถามความสัมพันธ์ของทั้งคู่ระหว่างคนตายกับทางคู่หมั้นของคนก่อเหตุ ตนไม่ทราบว่าเขาข้องเกี่ยวในมุมไหน ทราบแค่ว่าเขาเองเคยเป็นเครือญาติกับเมียเก่าของผู้ตาย และมีความสนิทสนมเอ็นดูเหมือนลูกหลานเท่าที่ทราบ แต่ส่วนจะลึกซึ่งถึงขั้นเกืนเลยหรือไม่ ตนไม่ทราบจริง ๆ ปกติคนตายเองก็ไม่เคยทะเลาะวิวาทใครมาก่อน

เรื่องคดีตนเองก็อยากจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และกำลังคิดว่าจะมีการคัดค้านการประกันตัวหรือไม่ แต่เขื่อว่าโทษคงหนักคงไม่สามารถประกันตัวได้ ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมาย