จากกรณีทีมข่าวรายการ "โหนกระแส" ได้รับเรื่องร้องเรียนจากสาวผู้เสียหายคนหนึ่ง ที่คบกับแฟนสาวแบบหญิงรักหญิง แต่มารู้ที่หลังว่าแฟนสาวแสบรายนี้ ไปแอบเป็นชู้กับอาเขยของตัวเอง ด้วยการให้อาเขยเลี้ยงดู หลอกเงินจากอาเขยไปหลายล้าน แล้วยังมาข่มขู่แบล็กเมลเรียกเงินเป็นล้าน
วันที่ 25 ม.ค. 66 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับ น.ส.ส้ม (นามสมมติ) อายุ 44 ปี เปิดเผยเรื่องราวว่า ตนเองเริ่มคบหากับอดีตเเฟนสาว คือ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 40 ปี ตั้งเเต่ปี 54 โดยรู้จักกันทางออนไลน์ ก่อนจะพามาอยู่กินด้วยกันที่บ้านของตน ที่ จ.ลพบุรี เป็นระยะเวลา 7 ปี ทางผู้ใหญ่ในครอบครัวทุกคนต่างเอ็นดูเหมือนลูกหลาน
น.ส.ส้ม กล่าวต่อว่า ซึ่งตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน ตนเองเป็นออกค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูทั้งหมด เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ได้ทำงาน ซึ่งก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเเบบนี้เรื่อยมา จน น.ส.เอ เปรียบเหมือนคนในครอบครัว เเละครอบครัวของตนก็เคยไปที่บ้านของ น.ส.เอ ที่ จ.สกลนคร ด้วย
ในช่วงปี 61 น.ส.เอ ก็มาบอกเลิกตนโดยไม่ทราบสาเหตุ อ้างเเค่ว่าจำเป็นต้องเลิกเพราะมีคนมาทวงสัญญา ซึ่งตนก็คิดว่าเขาคงมีเเฟนใหม่ โดยหลังจากเลิกรากันไป ยังคงติดต่อถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอยู่เป็นระยะ เเต่ต่อมาเริ่มผิดสังเกตเพราะเห็นอีกฝ่ายเริ่มมีเงินไปทำศัลยกรรม ทั้งจมูก เเละเสริมหน้าอก ตอนเเรกอีกฝ่ายอ้างว่ายืมเงินพี่ชายมาทำ เเต่หลังจากนั้นก็เริ่มมีเงินมากขึ้น มีการซื้อรถป้ายเเดงราคาหลักล้าน นอกจากนี้ยังมีการรีโนเวทบ้านหลังเดิม มีการซื้อที่ดิน เเละสร้างบ้านใหม่อีก 1 หลัง พอมีคนไปถาม น.ส.เอ ก็อ้างว่าเล่นหุ้น ซึ่งตนก็ยังไม่เชื่อ คิดว่าต้องมีเสี่ยเลี้ยงเเน่ ๆ เเต่ไม่ทราบว่าใครเลี้ยง
จนกระทั่ง ปี 65 อาเขย วัย 66 ปี ได้ไปสารภาพความจริงกับภรรยาวัย 68 ปี ซึ่งเป็นอาเเท้ ๆ ของตน ว่ามีความสัมพันธ์กับ น.ส.เอ เคยไปผูกเเขนกันเเบบลับ ๆ ที่วัดเเห่งหนึ่ง เเละถูกเอหลอกเอหลอกเอาเงินไปเกือบ 7 ล้านบาท เป็นค่าเลี้ยงดู เเละเอาไปทำศัลยกรรม ซื้อบ้าน ซื้อรถ โดยฝ่ายหญิงหลอกว่าจะดูเเลยามเเก่เฒ่า เเละล่าสุดจะขอเงินอีก 2 ล้านบาท ขู่ว่าหากไม่ได้เงินจะบอกความจริงให้ภรรยาของฝ่ายชายรู้ พอตนทราบความจริงก็รู้สึกช็อกมาก หลังเกิดเรื่องพยายามติดต่อเอ เเต่ก็ติดต่อไม่ได้
น.ส.ส้ม บอกอีกว่า ช่วงก่อนจะเลิกกับเอ ตนเคยเห็นเบอร์โทรของอาเขยปรากฎอยู่ในโทรศัพท์ของ น.ส.เอ เเต่ไม่ได้คิดเอะใจอะไร จนกระทั่งมารู้ความจริงทีหลัง ส่วนตัวก็รู้สึกเเค้นทั้ง 2 คน หมั่นไส้อาเขยทำเเบบนี้ เเละเเค้นเอที่มาทำลายครอบครัวของอาตน ไม่ทราบว่าเอเป็นเพศไหนกันเเน่ ส่วนตัวเชื่อว่า น.ส.เอ คงตั้งใจมาหลอกตั้งเเต่เเรก
ดังนั้นจึงอยากบอกเอว่า เอได้เงินเอาไปเสวยสุขเเล้วยังมาทำร้ายจิตใจอาเเละทำลายครอบครัวของอา ก็อยากให้เอมารับกรรมที่ทำไว้ด้วย เเละล่าสุดทราบว่าเอไปคบหากับผู้หญิงอีกคนหนึ่งอยู่เเถว จ.นนทบุรี น.ส.ส้ม กล่าว
ทีมข่าวได้คลิปเสียงความยาวเกือบ 13 นาที เป็นเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.เอ กับ อาเขยของ น.ส.ส้ม ซึ่งก่อนจะมีการบันทึกเสียง ทางอาเขยได้สารภาพความจริงกับภรรยาไปหมดเเล้วว่า มีความสัมพันธ์กับ น.ส.เอ เเละโดนหลอกเอาเงิน เเต่ น.ส.เอ ยังไม่รู้ตัวว่า ฝ่ายชายสารภาพความจริงไปเเล้ว จึงได้เดินทางไปที่ จ.ลพบุรี บ้านของอาเขย เเล้วโทรหาเพื่อจะขอเงินอีก เเต่อาเขยปฏิเสธเเละมีการบันทึกเสียงการสนทนาไว้เป็นหลักฐาน
โดยในคลิป ฝ่ายหญิงได้บอกอาเขยให้ออกมาคุยกันข้างนอก ให้มาคนเดียว ทางอาเขยไม่ยอมออก บอกว่าไม่มีเงินจะให้เเล้ว ระบุว่าให้เงินไปหลายล้าน ทั้งเสริมสวย ทั้งสร้างบ้านให้ ซื้อที่ดินให้ เเละตอนนี้ครอบครัวก็เเตกเเยกหมดเเล้ว ตัวอาก็ไม่สบาย อย่ามาพูดเรื่องเงินอีกเลย ซึ่งทางฝ่ายหญิงพยายามตื้อบอกว่าที่เดินทางมาหาในวันนี้เป็นเรื่องของความรู้สึก ถ้าหากอาไม่ยอมออกมาคุยก็จะอยู่เเบบนี้ ขอเห็นหน้าอีกสักครั้ง
ทางฝ่ายชายก็บอกว่าตอนนี้ไม่มีอะไรจะคุยด้วยเเล้ว คำสัญญาที่บอกว่าจะเลี้ยงอาไปจนเฒ่าจนเเก่เชื่อไม่ได้ ทางฝ่ายหญิงก็บอกว่า คำพูดคำสัญญาต่าง ๆ ที่เคยให้ไว้ มันหายไปหมดเเล้ว โดยฝ่ายหญิงขู่ว่า หากฝ่ายชายไม่ยอมออกไปคุยด้วย จะเดินเข้าไปหาในบ้าน ทางฝ่ายชายก็ยืนยันว่า ขอให้จบกันเเค่นี้ เพราะที่ผ่านมาเหมือนตัวเองโดนเเบล็กเมล โดยช่วงท้ายคลิปฝ่ายหญิงร้องไห้ ตัดพ้อว่าเหตุใดเรื่องทุกอย่างต้องมาจบเเบบนี้ ทางฝ่ายชายก็ย้ำคำเดิมว่าไม่มีอะไรจะคุยเเล้ว จบกันเเค่นี้ก่อนจะวางสายไป
ด้าน นางเป้า อายุ 68 ปี อาของ น.ส.ส้ม ภรรยาของนายเป้ บอกว่า ที่ผ่านมา น.ส.เอ ดูเป็นเด็กดี สุภาพเรียบร้อย ตนเองก็รักเอ็นดูเหมือนลูกหลาน เเละที่ผ่านมาก็ไม่มีสัญญาณใด ๆ บ่งบอกเลย เพราะสามีของตนก็ไม่เคยมีพิรุธ เเต่เริ่มสังเกตว่าช่วงหลังสามีขอไปเที่ยว ขอไปนอนรีสอร์ตครั้งละ 1-2 วัน เเต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร
จนกระทั่งปี 65 สามีเข้ามาสารภาพกับตนว่า มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนหนึ่งเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี โดยผู้หญิงคนนี้เข้ามาหลอกให้รัก บอกว่าจะทำให้มีความสุข เเละจะเลี้ยงดูยามเเก่เฒ่า ที่ผ่านมาสามีของตนต้องส่งเงินเลี้ยงดูเดือนละ 15,000 บาท เเต่ต่อมาหลังจากที่รู้ตัวว่าโดนฝ่ายหญิงหลอก ทางฝ่ายหญิงก็ขอเงิน 1 ล้านบาท ขู่ว่าหากไม่ให้เงินจะเเฉความจริงให้ภรรยารู้ ทางสามีก็ยอมให้เงินไป 1 ล้านบาท เเต่หลังจากผ่านไป 7-8 เดือน ฝ่ายหญิงก็โทรมาขอเงินอีก 2 ล้านบาท โดยขู่เหมือนเดิมว่าหากไม่ให้จะเเฉความสัมพันธ์ จะพาพ่อเเม่เเละพี่ชายมาเปิดตัวให้ภรรยารู้ ซึ่งสามีไม่ยอมให้เงินเเละตัดสินใจมาบอกความจริงให้ตนทราบ
ซึ่งตอนเเรกสามีไม่ยอมบอกว่า ผู้หญิงที่กล่าวถึงเป็นใคร เเละพอมาทราบภายหลังว่าเป็นเอ ก็รู้สึกเสียใจมาก ไม่คิดว่าเอจะทำเเบบนี้กับครอบครัวตน เพราะที่ผ่านมารักเอ็นดูเหมือนคนในครอบครัว มากินมานอนอยู่ที่บ้าน เเล้วยังมาทำร้ายจิตใจกันเเบบนี้
ซึ่งตนได้เช็กบัยชีธนาคารของสามี พบว่ามีการโอนเงินให้ น.ส.เอ หลายครั้ง ตั้งเเต่ 2 พัน จนถึง 5 เเสนบาท รวมยอดที่โอนให้กว่า 5 ล้านบาท เเต่เชื่อว่ามีการให้เงินสดกันอีก คาดว่ายอดรวม ๆ ที่ น.ส.เอ ได้ไปไม่ต่ำกว่า 7 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้เข้าเเจ้งความเอาผิด น.ส.เอ เรื่องฟ้องชู้ เพราะตนกับสามีมีทะเบียนสมรส นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างปรึกษาทนายความฟ้องเรื่องเงินที่เสียไปด้วย ซึ่งเงินต้องเเยกเป็น 2 ส่วน ในส่วนที่สามีให้โดยเสน่หาไม่ได้ติดใจ เเต่จะฟ้องเอาในส่วนที่บังคับให้สามีโอนให้ เพราะเข้าข่ายการบังคับข่มขู่ สำหรับสามีมีอาชีพทำธุรกิจเกี่ยวกับการซ่อมรถเเละขายอะไหล่รถถือว่ามีฐานะในระดับหนึ่ง
ทั้งนี้หากเอดูข่าวอยู่ "อยากบอกว่าเด็กคนนี้นิสัยเลวมาก มากินมานอนบ้านเรา เเฝงตัวมาอยู่ด้วยกัน 7 ปี จนเราเอ็นดูเหมือนลูกหลาน เเต่กลับมาเนรคุณเราได้"
Advertisement