จากกรณีเมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 22 ม.ค. 66 ตำรวจ สภ.บางเสาธง รับแจ้งเหตุ มีหญิงถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส บริเวณลานจอดรถของบริษัทไดนามิคทรานสปอร์ต จำกัด ถนนเทพารักษ์ กม.26 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ
ที่เกิดเหตุพบ น.ส.พลอยไพลิน แฝงพันธ์ อายุ 26 ปีนั่งอยู่บนเสื่อข้างวงข้าว สภาพมีเลือดไหลออกหูออกปากเลอะเต็มเสื้อผ้า ใบหน้า กราม และฟันหักอาการสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล
หลังเกิดเหตุ ตำรวจได้เชิญตัว นายปาณชัย ผู้ก่อเหตุ ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.บางเสาธง และรอคำวินิจฉัยอาการของผู้บาดเจ็บจากแพทย์ เพื่อนำมาประกอบสำนวนในการดำเนินคดีต่อไป
น.ส.พลอยไพลิน แฝงพันธ์ ผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ขณะตนกำลังนั่งกินข้าวอยู่กับเพื่อน ๆ จู่ ๆ นายปาณชัย ลือโลก ผู้ก่อเหตุ เดินเข้ามาหาที่วงข้าว ไม่พูดจาอะไรเตะเสยเข้าใบหน้าครั้งแรกเลือดออกหู แล้วเตะซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ทำให้กรามและฟันของตนหักทันที ส่วนสาเหตุคาดน่าจะมาจากตนกับภรรยาผู้ก่อเหตุได้โพสต์ด่ากันไปมาทางเฟซบุ๊ก
เนื่องจากภรรยาของผู้ก่อเหตุเคยขอยืมรถยนต์ของสามีตนไปใช้ เมื่อนำมาส่งคืนมีริ้วรอยความเสียหายกลับมาด้วย ตนจึงสอบถามถึงความรับผิดชอบ ทำให้เกิดเป็นความบาดหมาง จากนั้นมีการโต้เถียงกันผ่านเฟซบุ๊กมาโดยตลอด แล้ววันนี้ นายปาณชัย ก็เข้ามาทำร้ายร่างกายตนอย่างไม่ทันตั้งตัว เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
ด้าน นายปาณ ชัยลือโลก ผู้ก่อเหตุ กล่าวว่าภรรยาของตนได้ขอยืมรถยนต์ของสามี น.ส.พลอยไพลิน ผู้บาดเจ็บ ไปใช้จริง เมื่อนำไปส่งคืนคู่กรณีบอกว่ามีริ้วรอยถูกขูดขีด ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าเป็นความเสียหายเดิมหรือเกิดขึ้นใหม่ แต่คู่กรณีเคยนำรถไปเคลมประกันภัยซ่อมมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ทำไมถึงไม่ซ่อมไปพร้อมกันเลยทีเดียว ตนมองว่าเหมือนแกล้งเก็บเอาไว้มาเรียกร้องกับภรรยาของตน
อีกทั้ง น.ส.พลอยไพลิน ผู้บาดเจ็บ มีการโพสต์ด่าภรรยาของตนมาโดยตลอด เหมือนไม่ยอมจบเรื่อง ไม่รู้ว่าต้องการอะไร ทั้ง ๆ ที่ตนกับภรรยาก็พร้อมยอมชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ยอมรับสิ่งที่ตนทำลงไปนั้นเพราะสุดทนจริง ๆ
ทีมข่าวได้เดินทางไปบ้านของ นายปาณชัย ผู้ก่อเหตุ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุเมื่อคืนที่ผ่านมา บริษัทที่ทำงานได้มีคำสั่งไล่ นายปาณชัยออกจากบริษัท ให้พ้นสภาพการเป็นพนักงานแล้ว และทราบว่า เจ้าตัวได้เดินทางกลับมาอยู่บ้านใน อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี น.ส.เอ (นามสมมติ) ภรรยาของนายปาณชัย เจ้าตัวเปิดใจกับทีมข่าวทั้งน้ำตา สารภาพว่า สามีของตนเองได้ก่อเหตุทำร้าย น.ส.พลอยไพลิน จริง และตนเองได้ยืมรถกระบะของแฟนหนุ่มของ น.ส.พลอยไพลิน ไปใช้จริง และขับไปชนได้รับความเสียหายจริง แต่หลังเกิดเรื่องตนเองและสามีได้ขอโทษ นายนนท์ แฟนหนุ่มของ น.ส.พลอยไพลิน ไปแล้ว และบอกว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้ แต่ก็ไม่รู้ว่า นายนนท์ ได้นำเรื่องไปบอกแฟนสาวตัวเองหรือไม่ทำให้ผิดใจและไม่เข้าใจกัน
โดย น.ส.พลอยไพลิน ได้โพสต์เฟซบุ๊กต่อว่า ตนเองเสีย ๆ หาย ๆ บอกว่า ตนเองหน้าด้านหากไม่มีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดก็ไม่ยอมรับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริงเลย และจากนั้นตนเองก็ได้มีการโพสต์เฟซบุ๊กต่อว่ากันไปมา ทำให้เรื่องเริ่มบานปลาย กระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา น.ส.พลอยไพลิน ได้โพสต์เฟซบุ๊กอีกว่า “หมาเห่าไม่กัด” คล้ายกับกำลังต่อว่าดูถูกตนเอง ก่อนจะลบทิ้งในเวลาต่อมา ซึ่งขณะนั้น นายปาณชัย สามี ได้เห็นโพสต์เข้าจึงเกิดความโมโห ที่ น.ส.พลอยไพลิน ไม่ยอมหยุด ซึ่งก่อนเกิดเรื่องสามีได้ให้ตนเองนั่งรออยู่บนรถ และเดินลงจากรถออกไปที่ลานจอดที่กลุ่ม น.ส.พลอยไพลิน นั่งกินข้าวกันอยู่ แต่ไม่รู้ลงไปทำอะไร
มารู้อีกที เพื่อน ๆ ที่ทำงานได้ลากตัวสามีกลับมาที่รถ จึงทราบว่าสามีบุกไปกลางวงข้าวและไปทำร้าย น.ส.พลอยไพลิน จนกรามหัก เลือดอาบหน้า ตอนนั้นตนเองทั้งตกใจและเสียใจมากที่สามีทำแบบนี้ และเชื่อว่าเกิดจากความอารมณ์ร้อนของสามีที่ทนเห็นตนเองถูกดูถูกมานานแล้วจึงไปก่อเหตุ
ตนเองยืนยันว่า ตนเองไม่เคยยุหรือบอกให้สามีไปทำร้าย น.ส.พลอยไพลิน เลย ไม่คิดด้วยซ้ำว่าสามีจะกล้าทำขนาดนี้ หลังเกิดเรื่อง สามีถูกบริษัทไล่ออก ถูกตำรวจจับนอนคุก 1 คืน เพิ่งประกันตัวออกมา ตอนนี้สามีเครียดมาก กลับมาบ้านกินแต่เหล้าขาวและหลับยังไม่ตื่นจนตอนนี้ เพราะเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป ซึ่งตอนนี้สามีและตนเองกลายเป็นคนตกงานทั้งคู่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเงินเดือน เดือนนี้บริษัทจะจ่ายให้หรือไม่หลังถูกไล่ออก ไหนจะภาระก็มีมากมายทั้งลูกน้อย 2 คนที่ต้องดูแล และไหนจะค่าบ้านอีกรวมกว่าหมื่นบาท
ตนเองและสามีฝากขอโทษไปยัง น.ส.พลอยไพลิน และครอบครัวด้วย ที่สามีทำไปเกิดจากความอารมณ์ร้อน และยินดีจะจ่ายค่าเสียหายและค่ารักษาให้ทุกอย่าง แต่หากเป็นเงินจำนวนมากก็ไม่รู้จะหาเงินมาจ่ายไหวไหม ก็อยากฝากให้ครอบครัว น.ส.พลอยไพลิน ช่วยเมตตาพวกตนเองด้วย
Advertisement