วันที่ 23 ม.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับแจ้งมี ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี ถูกนำมาปล่อยทิ้งไว้ อยู่ที่ริมถนนในหมู่บ้าน ต.ด่านช้าง อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ห่างจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อ.อุทัยสวรรค์ จุดที่เกิดเหตุสลดมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากเมื่อวันที่ 6 ต.ค. 65 ประมาณ 7 กิโลเมตร และตามเนื้อตัวของ ด.ญ.เอ มีรอยฟกช้ำคล้าย ๆ กับโดนทำร้ายร่างกาย
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปตรวจสอบจุดที่พลเมืองดีพบตัว ด.ญ.เอ พบเป็นรอยต่อระหว่างหมู่บ้านแก้วมุงคุณ หมู่ 8 กับหมู่บ้านหนองด่าน หมู่ 6 ที่เป็นบ้านพ่อของ ด.ญ.เอ ซึ่งจุดดังกล่าวจะอยู่ห่างกันประมาณ 500 เมตร
ต่อมาทีมข่าวเดินทางบ้านหนองด่าน ต.ด่านช้าง อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู พบ ด.ญ.เอ ซึ่งอยู่ในอาการหวาดผวา ตามเนื้อตัวมีรอยฟกช้ำบริเวณคอ, ขา, แขน, ใบหู และที่นิ้วมือ
น.ส.กนกวรรณ จ่าโน อายุ 24 ปี อาของ ด.ญ.เอ บอกว่า เมื่อวานนี้ตนเองมารู้เรื่องว่าหลานถูกตากับยายนำตัวมาทิ้งก็ตอนประมาณตี 5 กว่า ๆ ซึ่งตอนที่เจอหลาน สภาพของหลานมีอาการเหนื่อยล้า ผวาและมีอาการตกใจ ยืนร้องไห้ งงว่ามาอยู่ที่บ้านได้อย่างไร
จากนั้นตนเองก็เริ่มถามหลานว่า ใครมาส่ง หลานก็เล่าว่าตากับยายเป็นคนขับรถมาส่ง และบาดแผลตามร่างกายตายยาย พ่อเลี้ยง เป็นคนทำ มีแม่ตีเป็นบางครั้ง ตนเองจึงถามหลานอีกว่า ทำไมถึงถูกทำร้ายและทำไมตากับยายต้องเอาตัวมาทิ้งไว้ ซึ่งหลานบอกว่า ตายายรวมถึงแม่ของเขาให้เหตุผลว่า หลานดื้อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ
ซึ่งวันนี้ ตนเองได้พาหลานไปแจ้งความเอาไว้แล้ว ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากจะให้ตำรวจจับตัวตากับยายให้ได้ไว ๆ หากเจอตัวก็อยากจะถามว่ายังมีความเป็นคนอยู่ไหม หมากับแมวมันยังรักลูกทำไมถึงทำกับหลานตัวเองได้ถึงขนาดนี้ หากเลี้ยงหลานไม่ไหวทำไมไม่เอาหลานมาส่งคืนดี ๆ
ขณะเดียวกันทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ตรวสอบกล้องวงจรปิดตรงจุดที่ทิ้ง ด.ญ.เอ อยู่ตรงข้ามกับบ้านของพลเมืองดี พบรถยนต์คันสีขาวขับมาจอด แสงไฟหน้ารถรถยนต์คันดังกล่าวขับเข้ามาในเวลา 03.52 น. จากนั้นก็จะเห็นว่ารถได้ขับมาจอดตรงข้างต้นมะม่วง กระทั่งเวลา 03.53 น. คนขับได้ประตูรถจากนั้นคนขับก็เดินลงจากรถไปเปิดฝากระโปรงท้าย พร้อมทั้งหยิบสิ่งของลงจากรถหลายรอบ หลังจากนั้นคนขับก็เดินมาขึ้นรถแล้วก็ขับออกไป ซึ่งจังหวะที่รถออกไปจะเห็นว่าตัวของ ด.ญ.เอ ยืนอยู่และเดินไปตรงที่คนขับรถเอาของลงไปวางไว้ พร้อมกับเดินวนไปวนมา ต่อมาเวลา 03.58 น. พลเมืองดี ได้ออกมาเห็น ด.ญ.เอ และเดินตรงไปหา ด.ญ.เอ ทันที จนกระทั่งทั้งสองคนพากันเดินถือของเข้าไปที่บ้านและแจ้งญาติให้มารับตัว ด.ญ.เอ
น.ส.รัตติยา อนุสุริยา อายุ 40 ปี พลเมืองดี ที่เป็นคนเจอกับ ด.ญ.เอ เล่าว่า เช้าเมื่อวานนี้ก่อนที่ตนเองจะพบกับ ด.ญ.เอ ตนเองกำลังเตรียมของเพื่อจะออกไปตลาด แต่ประมาณเวลา 04.00 น. วันที่ 22 ม.ค. 66 ก่อนจะเดินออกจากบ้านได้ยินเสียงรถยนต์มาจอดฝั่งตรงข้ามบ้าน แต่ไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งผ่านไปประมาณ 2-3 นาที ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงที่มากับรถยนต์คันดังกล่าวพูดขึ้นมาว่า "จำไม่ได้หรอว่าบ้านอยู่ตรงไหน ทำไมมึงถึงโง่จัง" แล้วก็ได้ยินเสียงประตูรถยนต์คันดังกล่าวปิดประตู ขับผ่านหน้าบ้านเป็นรถยนต์สีขาว แต่มองไม่เห็นทะเบียนเนื่องจากตอนนั้นมันมืด
จากนั้นในขณะที่ตนเองเดินออกมาที่หน้าบ้านก็เห็น ด.ญ.เอ เดินวนไปวนมาข้างถังขยะที่มีสัมภาระเป็นกระเป๋าเสื้อผ้าแบบถุงปุ๋ยวางอยู่ และตัว ด.ญ.เอ ก็ยืนตัวสั่นด้วยความหนาวเพราะใส่เสื้อแขนสั้น ยืนกอดสูติบัตรแน่นอยู่ที่หน้าอก ตนจึงพาเข้ามาในบ้านและหาเสื้อกันหนาวให้ใส่ พร้อมทั้งขอดูใบเกิด ปรากฎว่า ด.ญ.เอ มีชื่อเป็นลูกของคนในพื้นที่หมู่ 6 ที่อยู่หมู่บ้านติดกัน ตนเองจึงโทรศัพท์ไปหาผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 และผู้ใหญ่บ้านพื้นที่เกิดเหตุก็คือหมู่ 8 ให้มาร่วมตรวจสอบ กระทั่งตามหาญาติของ ด.ญ.เอ มารับตัวกลับไปที่บ้าน
ส่วนตัวรู้สึกตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าจะมีคนมาปล่อยเด็กทิ้งไว้ข้างทางตอนที่สภาพอากาศหนาว ในฐานะคนที่มีลูกก็อยากจะถามคนที่นำเด็กมาทิ้งว่า มีสำนึกในความเป็นคนอยู่หรือไม่ ตอนมาทิ้งก็เห็นอยู่ว่าบ้านคนใกล้กับที่เกิดเหตุเปิดแล้ว ทำไมไม่เอาเด็กมาฝากหรือถามว่าบ้านของเด็กอยู่ไหน
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่ จ.ชลบุรี ได้พูดคุยกับเเม่เด็กคือ น.ส.นุ่ม อายุ 29 ปี เปิดเผยว่า ลูกสาวของตนเกิดเเละเติบโตอยู่ที่ จ.หนองบัวลำภู โดยป้ากับย่าช่วยกันเลี้ยง ส่วนตนเองเพิ่งไปรับลูกมาเลี้ยงที่ จ.ชลบุรี ได้เพียง 2 ปี ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้มีเจตนาจะทอดทิ้งลูก เเต่จำเป็นต้องเอาลูกสาวไปให้ป้ากับย่าที่ จ.หนองบัวลำภู เลี้ยง เนื่องจากตนเลี้ยงไม่ไหว เพราะลูกสาวมีพฤติกรรมลักขโมย ทั้งขโมยของในโรงเรียน พอกลับมาที่ห้องเช่าก็ตระเวนขโมยของเพื่อนบ้าน
หนักสุดคือขโมยขนมในร้านสะดวกซื้อหลายครั้ง ทางพนักงานร้านสะดวกซื้อเคยเดินทางมาหาที่ห้องเอาภาพวงจรปิดให้ดู เเละบอกว่าลูกสาวไปขโมยของจำพวกขนมเเละอุปกรณ์การเรียนหลายครั้ง รวมมูลค่าหลักเเสนบาท เเต่ทางผู้จัดการร้านเห็นสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวเกิดความสงสารจึงไม่เอาเรื่องอะไร ซึ่งตนก็ได้ถามลูกหลายครั้งว่าขโมยเพราะอะไร ลูกสาวก็บอกว่าคันมืออยากขโมยหยุดขโมยไม่ได้ ตนเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ซึ่งจากพฤติกรรมที่กล่าวมา จึงตัดสินใจว่าจะนำลูกไปให้ย่ากับป้าเขาเลี้ยงเหมือนเดิม เเต่ไม่ได้ติดต่อญาติทางโน้นเเละตนก็ไม่ได้ไปส่งด้วยตัวเอง เพราะวันดังกล่าวตนต้องทำงาน จึงให้ตากับยายไปส่งหลาน เเต่ก็ไม่ทราบว่าส่งถึงไหน มาทราบอีกทีก็ตอนเป็นข่าวจึงรู้ว่าตากับยายส่งหลานไม่ถึงบ้าน
ส่วนเรื่องที่ลูกอ้างว่าโดนตี ยอมรับว่าจริง สาเหตุที่ตีเพราะลงโทษที่ลูกสาวไปลักขโมย เเต่ไม่ได้ตีเเรงอย่างที่เด็กกล่าวอ้าง โดยตนเคยเอามือตีเเค่ 2 ครั้ง สามีก็เคยตี 2 ครั้ง ส่วนมากคนที่ตีคือยาย เอาไม้เรียวตี ไม่ได้เอาไม้หน้าสามตีเเต่อย่างใด
น.ส.นุ่ม บอกอีกว่า หลังจากทราบข่าวว่ามีคนเข้าเเจ้งความเเละสังคมโซเชียลฯ โจมตี ยอมรับว่าเกิดความเครียด โดยหลังจากนี้ตั้งใจว่าจะติดต่อไปเจรจากับญาติฝั่งโน้น ขอให้ย่ากับป้าดูเเลเหมือนเดิม ส่วนตนเองก็จะส่งเงินช่วย เเต่ตอนนี้ตนก็ลำบากเพราะมีภาระหลายอย่างคงไม่มีเงินส่งให้มากมาย เบื้องต้นหากป้ากับย่าต้องการให้ส่งเงิน ตนส่งไหวเเค่เดือนละ 1,000-1,500 บาท เเต่หากป้ากับย่าเลี้ยงไม่ไหวก็คงต้องส่งลูกไปอยู่สถานสงเคราะห์
ด้าน นางมณฑา กล่ำพรมราช อายุ 64 ปี ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละเเวกใกล้เคียงบ้านของแม่ ด.ญ.เอ บอกว่า เด็กคนดังกล่าวมีพฤติกรรมลักขโมยจริง ที่ผ่านมาห้องของตนจะโดนขโมยของเล็ก ๆ น้อย ๆ จำพวกสมุด, กล่องกระดาษ, กรรไกรตัดเล็บ, กุญเเจบ้าน, ของเล่นเด็ก ฯลฯ ซึ่งหากเผลอวางไว้หน้าห้องก็จะหายตลอด เเต่ตนก็ไม่เคยเอาเรื่องเพราะคิดว่าของที่หายไปมูลค่าไม่ได้สูง
ซึ่งหลังจากทราบข่าวว่า เด็กคนดังกล่าวถูกเอาไปปล่อยทิ้งที่ จ.หนองบัวลำภู เเละมีรอยถูกตี ส่วนตัวก็เกิดความสงสาร มองว่าหากเด็กได้รับการอบรมหรือเลี้ยงดูอย่างถูกต้อง บอกสอนกันดี ไม่ต้องใช้กำลัง เด็กก็อาจกลับตัวเป็นคนดีได้
ขณะที่ เพื่อนร่วมชั้นเรียนของ ด.ญ.เอ บอกว่า ด.ญ.เอ มีพฤติกรรมลักขโมยจริง เริ่มจักขโมยของในสหกรณ์โรงเรียน จำพวกสมุด ดินสอ มีการเตรียมถุงมาใส่ของที่จะขโมยด้วย เพื่อนก็ไปฟ้องครูหลายรอบ นอกจากนี้ยังขโมยขนมเเละอุปกรณ์การเรียนจากร้านสะดวกซื้อเอาไปเเจกเพื่อน ๆ โดยในเเต่ละวันจะถามเพื่อนที่โรงเรียนว่าใครอยากได้อะไรบ้าง โกหกว่าจะซื้อมาฝาก พอเพื่อนเเต่ละคนบอกในสิ่งที่อยากได้ ด.ญ.เอ ก็จะจดรายการใส่กระดาษ เเล้วไปขโมยของจากร้านสะดวกซื้อ เอาของที่ขโมยได้ใส่กระเป๋า เเล้วเอาไปเเจกเพื่อนที่โรงเรียนเกือบทุกวัน ซึ่งหลังจากเพื่อนรู้ความจริงว่าของที่ได้มาจากการขโมยก็รู้สึกไม่ดีเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
Advertisement