จากกรณีที่นางปิ่นทอง ปั้นพุ่มโพธิ์ อายุ 45 ปี ชาว ต.ลาดใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงคราม จ.สมุทรสงคราม กระโดดน้ำไปลอยคออยู่ 10 ชั่วโมง ลอยมาติดท่าน้ำร้านอาหารบ้านเกาะ ห่างจากจุดกระโดดน้ำ 2 กิโลเมตร
ต่อมานายวิชัย เทียมเจริญ อายุ 45 ปี เจ้าของร้านอาหารบ้านเกาะ ได้จุดธูปอัญเชิญเศียรท้าวเวสสุวรรณ วัดทุ่งเศรษฐี มาทำพิธีครอบศีรษะ แล้วท่องบทบูชาท้าวเวสสุวรรณ
กระทั่งนางปิ่นทองมีอาการตัวสั่นหัวเราะเสียงเข้มดังลั่น และพูดออกมาคล้ายเสียงยักษ์ สรุปใจความว่า "กูเห็นแล้ว กูมาช่วย บ้านมึงมีของเยอะ แต่ไม่กราบไหว้และดูแลเขา เขาจึงมาเข้าตัวเอ็ง ข้ามาช่วยเอ็งแล้ว จากนี้ไปเอ็งจะมีแต่โชคลาภ" ก่อนจะอาเจียน และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า อาการปลอดภัย
วันที่ 23 ม.ค. 66 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดพบร่างของนางปิ่นทอง ปั้นพุ่มโพธิ์ ที่ยังไม่ตาย ซึ่งลอยมาติดบริเวณบันไดท่าน้ำแม่กลอง ที่ร้านอาหารบ้านเกาะ
นายวิชัย เทียมเจริญ อายุ 45 ปี เจ้าของบ้านที่พบร่างนางปิ่นทอง เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณ 07.30 น. มีชาวบ้านพายเรือผ่านหน้าบ้านแล้วตะโกนบอกว่ามีศพอยู่บริเวณท่าเรือติดกับบ้านของตนเอง ตอนชะโงกหน้าออกมาดูก็พบว่ามีร่างของผู้หญิง ลักษณะนอนหงายพนมมืออยู่ติดกับท่าน้ำ จึงรีบประสานไปยังเจ้าหน้าที่กู้ภัยเพื่อเข้ามาที่เกิดเหตุ
พอเจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ได้มีการเตรียมเชือกเพื่อที่จะผูกกับร่างของนางปิ่นทอง ซึ่งจังหวะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยทำการถ่ายคลิปวิดีโอไปยังร่างของนางปิ่นทอง จู่ ๆ นางปิ่นทองก็ลืมตาขึ้นมา ทำเอาทุกคนตกใจวงแตกตื่นวิ่งหนีกระเจิงออกมา เมื่อทราบแล้วว่ายังไม่เสียชีวิต เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงมีการพยุงตัวขึ้นมาบนบก ซึ่งในที่เกิดเหตุมีลูกสาวของนางปิ่นทองเดินทางมาด้วย ซึ่งก็พยายามพูดคุยกับนางปิ่นทอง แต่เจ้าตัวมีอาการเหม่อลอย และไม่พูดจากับใคร ตนเองจึงเอาน้ำเปล่าให้ดื่ม ชงยาสมุนไพรให้ดื่ม พร้อมทั้งหาเสื้อผ้าให้เปลี่ยน
ก่อนที่จะมีการพาตัวไปยังโรงพยาบาล ส่วนตัวนับถือท้าวเวสสุวรรณ จึงมีการนำเศียรท้าวเวชสุวรรณมาครอบ และสวดบทอาราธนาบูชาตามปกติ เพื่อเป็นการเรียกขวัญให้กลับมา เพราะตนเองก็ไม่แน่ใจว่านางปิ่นทองถูกทำของใส่จริงหรือไม่ ยืนยันได้ว่าไม่ได้เป็นร่างทรง และไม่ได้มีความสามารถในการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายตามที่สังคมกำลังเข้าใจผิด เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นการสร้างคอนเทนต์ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ตนมีเจตนาช่วยเหลือ เพราะเห็นว่าเขายังมีชีวิตอยู่ จึงอยากให้ผู้เสพข่าวมีวิจารณญาณในการรับชมด้วย
น.ส.สุนิศา หลีกรัตน์ อายุ 30 ปี หลานสาวของร่างลอยน้ำที่มีชีวิต บอกว่า น้าเขาเริ่มมีอาการอย่างนี้มาได้สักพักแล้ว แต่ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นแล้วหายไป แล้วเพิ่งมาเป็นได้ประมาณ 2 อาทิตย์ อาการเขาอยู่ต่อหน้าคนอื่นก็จะร่าเริง แต่พออยู่คนเดียวก็จะหงอยซึมนั่งเหม่อ ถามก็พูดบ้างไ ม่พูดบ้าง
ที่เป็นหนักก็เมื่อวานที่หายตัวไปประมาณ 3-4 โมงเย็นไม่กลับบ้าน พวกตนออกตามหาไม่เจอ นึกถึงผู้ใหญ่รู้ง ซึ่งรู้จักกัน ให้ช่วยโพสต์หา พอตอนเช้าผู้ใหญ่รุ้งบอกว่ามูลนิธิพบศพลอยน้ำเป็นผู้หญิงใส่เสื้อไหมพรมสีแดง จึงออกไปดู ก็พบจริงแต่ยังมีชีวิตอยู่
จากนั้น ทีมข่าวไปยังบ้านของนางปิ่นทอง ปั้นพุ่มโพธิ์ อายุ 45 ปี อยู่ในพื้นที่ ม.15 ต.ลาดใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ภายในบ้าน มีโต๊ะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เศียรพ่อปู่นารอด 2 องค์ มีปู่นารายณ์ 1 องค์ มีท้าวเวชสุวรรณ จากวัดจุฬามณี 1 องค์ มีพระพิฆเนศ 2 องค์ มีรูปปั้นตุ๊กตากุมาร 6 องค์ และนางไม้ 2 องค์
นายนิพนธ์ หลักลัด อายุ 26 ปี หลานชายนางปิ่นทอง เล่าว่า นางปิ่นทองในอดีตอยู่กับลูกชายอีกพื้นที่ใน จ.ราชบุรี แต่ไปรับของจากใครมาไม่รู้ มีอาการเจ้าเข้า แลบลิ้นปลิ้นตา คลานไปมาคล้ายลักษณะเหมือนตัวเงินตัวทอง ซึ่งตอนนั้นตนเองก็นับถือบูชาพ่อปู่ และท้าวเวชสุวรรณอยู่แล้ว พอมีวิชาพื้นฐานบ้าง ลูกชายนางปิ่นทองเลยมาให้ช่วย จึงลองทำการรักษาด้วยการครอบเศียรพ่อปู่ และสวดภาวนา ซึ่งก็หายดีขึ้น แต่ไม่นานก็เป็นอีก คราวนี้ไม่หายเลยไปเชิญท้าวเวศสุวรรณมาบูชา และพาไปอาบน้ำมนต์กับพระสงฆ์ที่วัดเพชรสมุทร นางปิ่นทองก็ดีขึ้นมาบ้าง
ซึ่งอยู่ที่บ้านของตนมานานกว่า 5 ปี แต่อาการที่ไม่หาย คือชอบเหม่อลอยบ้าง พูดคนเดียวบ้าง และมักจะพูดว่ามีคนจะมาฆ่า มีคนจะมาหา มีคนจะมาทำของใส่ ซึ่งตนมองว่าสิ่งที่นางปิ่นทองพูดเป็นไปไม่ได้ เพราะที่บ้านมีแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์สายขาว ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับไสยศาสตร์ จึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล ซึ่งตอนนั้นแพทย์น่าจะมีการจ่ายยาเกี่ยวกับประสาทให้ แต่นางปิ่นทองก็ไม่ยอมกิน ก็เลยมีอาการแบบนี้
ก่อนเกิดเหตุ นางปิ่นทองเอาชุดขาวถือศีลของตนมาใส่ แล้วพูดว่ามีคนจะทำของใส่ เลยจะใส่ไปทำบุญ ตนเลยไม่ได้เอะใจ เมื่อวานช่วง 15.09 น. นางปิ่นทองบอกให้ตนพาไปหาของกินแถววัดช่องลม และให้รออยู่ที่รถมอเตอร์ไซค์ซึ่งหายไปนานกว่า 1 ชม. ตนก็เลยออกตามหา แต่ก็ไม่เจอเลยให้แฝดน้องไปแจ้งความว่านางปิ่นทองหายตัวไป ส่วนตนรอที่เดิมถึง 18.00 น. นางปิ่นทองก็ไม่กลับมา จากนั้นก็ออกตามหาจนดึก เลยคิดว่าจะออกตามหาตอนเช้าอีกที
Advertisement