จากกรณี เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 7 ม.ค. 66 ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี รายงานว่าศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยสัจจะพุทธธรรมแห่งประเทศไทย อ.กบินทร์บุรี ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงด้วยอาวุธปืนได้รับบาดเจ็บวิ่งหนีเข้าป่าละเมาะข้างทางที่ปากทางเข้าหมู่บ้านเขากระแตหมู่ที่ 2 ต.วังตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นพร้อมอุปกรณ์ส่องสว่าง–จัดกำลังระดมค้นหา
ต่อมาเมื่อเวลา 21.00 น. ได้รับแจ้งจากบ้านว่ามีชายหนุ่ม 1 คน ถูกกระสุนปืนยิงได้รับบาดเจ็บบริเวณเเขนซ้ายเสียเลือดมากมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในพื้นที่ ม.6 ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นแคมป์คนงานก่อสร้าง ทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ นายฉัตรชัย ศรีสาคร อายุ 32 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนกระสุนเข้าที่บริเวณต้นแขนซ้าย 1 นัด หน่วยกู้ภัยสัจจะพุทธธรรมแห่งประเทศไทย อ.กบินทร์บุรี ได้นำส่งห้องผู้ป่วยฉุกเฉินโรงพยาบาลกบินทร์บุรี
ล่าสุดวันที่ 8 ม.ค. 65 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปสอบสวนที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉินโรงพยาบาลกบินทร์บุรี ก่อนจะนำผู้ได้รับบาดเจ็บถูกกระสุนปืนไปให้ปากคำที่ สภ.วังตะเคียน ทราบต่อมาว่า ก่อนเกิดเหตุนั่งรถมาพร้อมเพื่อนอีก 1 คน เป็นคนขับรถกระบะเป็นชาวหนองกี่ อ.กบินทร์บุรี เมื่อบุคคลตามที่ได้รับแจ้งพบมีจุดสกัดเจ้าหน้าที่ตำรวจข้างทางท้ายหมู่บ้านเขากระแตหมู่ที่ 2 ต.วังตะเคียนอ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี จึงได้ถอยรถหนีแล้วใช้อาวุธปืนพกไทยประดิษฐ์ยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับขับถอยชนรถเจ้าหน้าที่อีกคันที่เข้ามาสกัดจอดปิดท้าย แล้วพากันขับรถกระบะหลบหนีก่อนถูกยิงสกัดรถยางแตกรถตกร่องข้างทางกระสุนปืนแฉลบไปโดนคนนั่งข้างคนนั่งข้างมีอาวุธปืนเห็นจวนตัวได้โยนอาวุธปืนทิ้งแล้วปิดล็อกประตูรถแล้ว ทั้งคู่พากันอาศัยความมืดต่างวิ่งหลบหนีก่อนพลัดหลงกันโดยผู้บาดเจ็บคือ นายฉัตรชัย ได้มาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านบ้านหลังที่เห็นแสงไฟเปิดอยู่
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางลงพื้นที่ ม.6 ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ได้พูดคุยกับ นายสมพร วงษ์คำ อายุ 57 ปี ผู้รับเหมา ผู้ให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเมื่อคืนนี้ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ม.ค.66 เวลาประมาณ 20.00 น. ตนเองเเละ น.ส.กมลพร อายุ 35 ปี ภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ 6 เดือน กำลังนั่งทานข้าวเหนียวส้มตำกันอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าห้องพักคนงาน ต่อมาสุนัขชื่อ เเพนด้า พันธุ์ไทยเพศผู้สีขาว อายุ 8 เดือน ก็เห่าไม่หยุดจนพวกตนผิดสังเกต ก่อนจะมีชายคนหนึ่งมาชะโงกหน้าบริเวณด้านข้างโต๊ะที่มีกำแพงอิฐก่อไว้ เเละมีช่องให้พอมองเห็นหน้า ก่อนเขาจะยกมือไหว้เเละบอก “ช่วยผมด้วย ผมโดนยิงมา” ตนก็ถามว่าใครยิง เขาก็บอกว่า “ไม่รู้” ยอมรับว่าตอนนั้นตกใจมากนึกว่าโจรเข้ามาในบ้าน ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะเดินมายืนหน้ารั้วบ้านพักคนงานที่พอจะมีเเสงสว่างมองเห็น
โดยชายคนนั้นอยู่ในสภาพเนื้อตัวเปียกปอน สวมเเต่กางเกงยีนส์ ไม่สวมเสื้อ ในมือถือเสื้อลายสก็อต เลอะเลือดโชก เเละสะพายกระเป๋าด้านข้าง ที่เเขนซ้ายมีเลือดอาบจำนวนมาก ก่อนจะบอกว่าตัวเองถูกรถขับประกบข้างเเล้วถูกยิงมา เเละหนีมาจากบ้านเขากระเเต หมู่ที่ 2 ต.วังตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งไกลจากจุดที่ตนอยู่ประมาณ 20 กม.
โดยชายคนนั้นยังขอความช่วยเหลือจากตน จะขอเข้ามานั่งพักในบ้านพักคนงานเเละขอชาร์จเเบตโทรศัพท์ เเต่ตนไม่อนุญาตให้เข้ามา เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากตอนนั้นอยู่กันเเค่ 2 คนกับภรรยาที่กำลังท้อง ส่วนลูกน้องออกไปซื้อของข้างนอกยังไม่กลับมา ตนจึงตั้งสติพยายามมองไปรอบ ๆ ว่าไม่มีคนอื่นนอกเหนือจากชายคนนี้หรือไใ่ เเละบอกให้เขาใจเย็น ๆ ตนจะช่วยเหลือเเน่นอน เเต่เขาจะต้องเปิดกระเป๋าให้ตนดู ซึ่งหลังจากตรวจสอบไม่พบสิ่งผิดปกติ พบเเค่ ยาประจำตัว ใบขับขี่ เเละโทรศัพท์ 2 เครื่อง ก่อนตนจะบอกให้เขาออกไปรอที่ด้านนอกประตูรั้วเสียก่อน
หลังจากชายปริศนายอมออกไปนั่งรอด้านนอกรั้วใหญ่ ตนก็รีบประสานผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 เเละกู้ภัยให้มาปฐมพยาบาล ก่อนชายคนนี้จะขอบุหรี่กับน้ำดื่ม ตนจึงให้น้ำดื่มไปเเต่ไม่มีบุหรี่ให้ โดยตอนนั้นมีตำรวจมาที่หน้ารั้วด้วย ก่อนจะมีการสอบถามชายคนนี้อีกครั้ง เขาก็บอกว่าตัวเองโดนปล้น ซึ่งดูจากลักษณะท่าทางเเล้วเขาไม่ได้ดูเมายาหรือมึนเมาสุราเเต่อย่างใด ยังตอบคำถามตำรวจรู้เรื่อง เเละให้เบอร์ญาติได้หมด ตนยอมรับว่าเกิดมาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เพิ่งจะเคยเจอ โชคดีที่ตนมีสติ ซึ่งหลังจากเขาไป รพ.ตนก็ไม่ทราบรายละเอียดอีก
ทั้งนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้มาที่ สภ.วังตะเคียน เพื่อตรวจสอบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ สีดำตอนครึ่ง ของผู้ต้องหา โดยได้ให้ช่างมางัดประตูรถคันดังกล่าว โดยระหว่างนั้นตำรวจได้ให้ นายตี๋ ผู้ต้องหามาร่วมดูด้วย รวมถึงญาติ ๆ ของนายตี๋ด้วย ซึ่งเมื่อนายตี๋เดินมาเจอพ่อตัวเองก็มีอาการร้องไห้ออกมาเล็กน้อย
โดยเมื่อเปิดรถได้เเล้วก็ได้เชิญพ่อของนายตี๋หลวงตา มาร่วมตรวจสอบการทำงานของตำรวจด้วย ก่อนจะพบยาเสพติดในซองพลาสติกสีน้ำเงินจำนวน 202 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในเเคปด้านหลัง ในประตูข้างหลังผู้โดยสารด้านซ้าย ก่อนเจ้าหน้าที่ พฐ.จะเข้าตรวจสอบรถคันดังกล่าว โดยพบเสื้อผ้าภายในรถระหว่างนั้น นายตี๋ ได้กล่าวว่า ตอนนั้นตนเองไม่รู้ว่าใครมาดักจริง ๆ เพราะตำรวจไม่ได้สวมชุดเครื่องแบบส่วนยาบ้านี่ก็ไม่ใช่ของตัวเอง ก่อนพฐ.จะตรวจลายนิ้วมือบนซองยาบ้าดังกล่าว
ทีมข่าวได้สอบถาม หลวงตา ผู้เป็นพ่อของนายตี๋ โดยในระหว่างนั้นนายตี๋ก็ได้พูดเเทรกว่าตนเองมีอาการป่วยจิตเวช จะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ด้านหลวงตาเองก็ยืนยันว่าลูกชายกินยาจิตเวชอยู่จริง ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ตนเองทราบข่าวเกือบ 21.00 น. ลูกสาวโทรมาเเจ้ง ตนก็ตกใจเพราะสภาพร่างกายของลูกชายไม่ค่อยจะดีอยู่เเล้ว เวลาไปไหนก็อยากจะให้ไปด้วย ไม่อยากให้ลูกขับรถ ก่อนที่นายตี๋จะพูดอีกว่า เวลาตัวเองจะไปไหนก็จะเข้าไปกราบพ่อก่อนทุกครั้ง เเละจะเอาข้าวไปถวายพ่อทุกวัน ตนเองอยู่กับพ่อเเม่ตลอดไม่ได้ไปไหนเลย
ด้าน นายตี๋ หรือ นายฉัตรชัย เผยว่า ตนเองมีอาชีพขับรถรับจ้างเเละขายถ่าน จนเมื่อวานนี้ น้าหม่อง ชักชวนให้มาช่วยลากรถ ตนก็มาตามการจ้างวาน เเต่เมื่อมาถึงเเล้วกลับผิดแผน เพราะไม่ได้เหมือนกับที่จ้างไว้ว่าจะให้มาลากรถ หลอกให้ตนพามาทำธุระส่วนตัว จริง ๆ ก็ไม่เชิงหลอก เเต่เหมือนนัดเเล้วไม่ตรงนัด เหมือนนัดกันมาลากรถเเต่พอมาถึงเเล้วไม่ใช่การลาก
เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ตนนั่งอยู่ในรถจริงเป็นคนนั่งข้างคนขับแเละเเต่ตอนนั้นตนก็หลับอยู่ ตนไม่ได้รับรู้ว่าคนที่มาดักเป็นตำรวจ เเละไม่ทันรู้ว่าคนขับขับหนีอะไร ก่อนที่จะตนจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเเละตนถูกยิงก่อนคนขับจะขับหนี ซึ่งตนก็พยายามบอกเเล้วว่าให้จอดรถ ๆ ให้จอดตรงชุมชนตรงที่มีคนเยอะ ๆ เเต่เขาไม่ยอมจอด เเละคนขับก็ไม่ได้ให้เหตุผลด้วยว่าหนีเพราะอะไร
ตนยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย ตนรู้ตัวเองดีส่วนคนขับที่นั่งมาด้วยกันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย เเละไม่มีสิ่งผิดกฎหมายในรถด้วย ตนมีเเค่ปืนเเก๊บที่ใช้ไม่ได้ตนรับว่าเป็นของตน ส่วนยาเสพติดตนก็ได้เสพจริงเเต่นานหลายวันเเล้ว ส่วนคนขับตนไม่ทราบว่าเสพหรือไม่
Advertisement