คดีพลิกผีน้อยตายพร้อมเงินแสนที่แท้หลอน เปิดภาพลับก่อนตายไขคดี (คลิป)

เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 66 ตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี รับแจ้งมีชาวบ้านไปพบศพคนจมน้ำเสียชีวิต บริเวณสะพานคลองเพรียว ใต้สะพานข้ามทางรถไฟ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พบว่าชายที่เสียชีวิตคือ นายสายัน ตระกูลรัมย์ หรือ แยบ อายุ 48 ปี ชาว ต.ห้วยราช อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบรอยถลอกตามร่างกาย ที่บริเวณไหล่ด้านขวามีบาดแผลเป็นรูลึกลงไปคล้ายถูกเหล็กแหลมแทง ในกระเป๋าพบเงินสดจำนวน 92,000 บาท สลากกินแบ่งรัฐบาล งวดเดือนตุลาคมอีกจำนวนหลายฉบับ นอกจากนี้ พบเงินสกุลเกาหลีอีกจำนวนหนึ่ง เหรียญประมาณ 200 บาท พาสปอร์ต และบัตรประจำตัวประชาชน

ล่าสุด 3 ม.ค. 66 ทีมข่าวได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นจากนางสาววาสนา เพื่อนผู้ตายว่าเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.65 ตนเองได้ส่งนายเเยบผู้ตาย ขึ้นแท็กซี่บริเวณซอยหน้าบ้านช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. เพื่อเดินทางไปขึ้นรถไฟจากสถานีหัวลำโพง เเละได้รอบรถด่วนตอน 18.00 น. หลังจากนั้นตนเองติดต่อผู้ตายได้ครั้งสุดท้ายคือประมาณตอน 21.10 น.

พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สระบุรี ได้เดินทางมาประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าคดี บอกว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น หลังรับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพบวัตถุพยานเป็นเศษกระจกเเตกตกอยู่บนทางรถไฟ อีกทั้งยังพบพยานที่อยู่ในคืนวันที่ 31 ธ.ค.65 ได้ยินเสียงวัตถุขนาดใหญ่ตกน้ำ เสียงดังตู้ม ก่อนเวลา 00.00 น. เเต่มองไม่เห็นอะไร ส่วนสภาพศพของผู้ตาย พบรองเท้าเเตะผู้ตายคล้องไว้ที่ข้อมือ เเละกระเป๋ายังพบทรัพย์สินทั้งเงินสกุลไทยเเละเงินสกุลเกาหลี เงินวอน โทรศัพท์ บัตรประชาชนอยู่ครบ จึงสามารถยืนยันตัวตนได้ว่าเป็นชาว จ.บุรีรัมย์ มีภรรยาเป็นชาวหนองคาย มีเพื่อนสนิทเป็นคู่สามีภรรยากันที่เคนทำงานด้วยกัน อยู่ที่กทม.

จากการสอบปากคำเพื่อนผู้ตาย ทราบว่าผู้ตายเคยไปทำงานที่ต่างประเทศ 2 ครั้ง ครั้งเเรกที่ประเทศเเถบตะวันออกกลาง ครั้งที่ 2 ที่ประเทศเกาหลีใต้ ทำงานเป็นช่างอยู่ร้านรับซื้อของเก่า เงินเดือนประมาณ 20,000-30,000 บาท ทำงานอยู่นานประมาณ 5 ปี โดยช่วง 2-3 ปีเเรก ผู้ตายยังคงมีการติดต่อเเละส่งเงินให้กับภรรยา ต่อมา 2 ปีหลังเริ่มมีปัญหากับภรรยา หวาดระเเวงว่าภรรยามีคนอื่น จึงไม่ได้ส่งเงินเเล้ว เเต่มีการส่งเงินให้ทางพ่อเเม่ที่บุรีรัมย์เเทน

ต่อมาวันที่ 30 ธ.ค.65 ผู้ตายเดินทางกลับประเทศไทยเเละนำเงินวอนไปเเลกเงินไทยประมาณ 1 เเสนบาท ก่อนจะเดินทางไปที่บ้านของเพื่อนสนิทที่กทม. โดยในวันนั้นได้มีการตั้งวงดื่มเบียร์กันประมาณ 3-4 คน ดื่มเบียร์ไปประมาณ 7-8 ขวด เเละมีการเสพกัญชาด้วย ก่อนผู้ตายจะบอกเพื่อนว่าวันที่ 31 ธ.ค.65 จะเดินทางด้วยรถไฟกลับไปหาพ่อเเม่ที่ จ.บุรีรัมย์ นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยเรื่องปัญหากับภรรยาที่ จ.หนองคาย ด้วย

จนวันที่ 31 ธ.ค.65 ช่วงเช้า ผู้ตายไปซื้อซิมมือถือมาใหม่ ก่อนจะให้ลูกสาวของเพื่อนสนิท สมัครอีเมลล์เเละเปิดเฟซบุ๊กให้ใหม่ / ก่อนจะเดินทางมาที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ในช่วง 13.00 น. เพื่อซื้อตั๋วก่อนจะขึ้นรถไฟในรอบ 18.00 น. ขบวน 139 โบกี้ที่ 9/2 เป็นโบกี้เสริม เลขที่นั่ง 25 โดยในโบกี้นั้นมีผู้โดยสารทั้งหมด 76 คน ต่อมารถไฟเเล่นมาถึงประมาณ จ.อยุธยา ผู้ตายได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กขอความช่วยเหลือ เเละทักไปหาเพื่อนสนิทว่ามีคนจะทำร้าย จนเพื่อนบอกให้เเจ้งตำรวจก่อนผู้ตายจะโทรศัพท์หา 191 เข้าตำรวจอยุธยา เมื่อตำรวจรับสาย 2 ครั้ง เเต่ผู้ตายไม่ได้มีการพูดอะไรเลย

 

เวลาประมาณเกือบ 21.00 น. ผู้ตายได้มีการวิดีโอคอลหาเพื่อนสนิท เห็นว่าผู้ตายนั่งอยู่ในห้องน้ำของรถไฟ เเละบอกอีกว่ามีคนจะมาทำร้าย ก่อนผู้ตายจะถอดเข็มขัดออกมา จนทำให้เพื่อนคิดว่าผู้ตายจะผูกคอตาย ก่อนเพื่อนจะเเนะนำให้เอาเข็มขัดมัดประตูไว้ คนจะได้เข้ามาทำร้ายไม่ได้ ก่อนผู้ตายจะนั่งลงเเละสูบบุหรี่ ก่อนสายจะตัดไปเเละติดต่อไม่ได้อีก ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนเเละเจ้าหน้าที่วิทยาการ ได้ไปตรวจสอบห้องน้ำในโบกี้ดังกล่าวเเล้ว พบว่าหน้าต้างห้องน้ำ มีร่องรอยเเตกออกไปด้านนอก มีความกว้างประมาณ 80 ซม. ซึ่งขนาดตัวของผู้ตายสามารถรอดออกไปได้ เเละเศษกระจกตรงกันกับที่พบที่ทางรถไฟ

นอกจากนี้ ตำรวจยังได้โทรศัพท์สอบถามพยานที่อยู่ในโบกี้เเล้ว เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ พยานทุกคนในโบกี้ไม่มีใครลงที่ จ.สระบุรีเลยจึงต้องโทรสอบถามเอา ซึ่งสอบถามไปเเล้ว 14 ปาก ทุกคนให้การตรงกันว่า ในวันที่ 31 ธ.ค.65 ผู้โดยสารขึ้นเต็มโบกี้ เพราะเป็นช่วงปีใหม่ หากมีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันคงมีคนเห็นเเน่นอน ส่วนผู้ตายโดยสารรถไฟมาคนเดียว เเละไม่มีเรื่องทะเลาะกับใครในรถไฟ ส่วนพยานที่นั่งใกล้ห้องน้ำ ก็ยืนยันเเล้วว่า ผู้ตายเข้าไปนั่งในห้องน้ำนานประมาณ 1-2 ชม. ก่อนจะมีเสียงกระจกเเตก ทางเจ้าหน้าที่บนรถไฟจึงได้เข้าไปพังประตูเข้าไป ก่อนจะพบว่า ประตูถูกปิดจากด้านในด้วยเข็มขัด ส่วนหน้าต่างเเตกออกเเละไม่พบตัวผู้ตายในห้องน้ำ

ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานไว้ 3 ประเด็น 1.ถูกไล่ทำร้ายร่างกาย เเล้วโยนออกจากรถไฟ เเล้วบังเอิญไปตกตรงจุดที่พบศพ อีกทั้งรถไฟจุดที่พบศพเเละสถานีรถไฟสระบุรี ไม่ไกลกันมาก รถไฟเพิ่งออกตัวจากสถานี จะใช้ความเร็วประมาณ 20-30 กม./ชม.

2.ผู้ตายมีการเสพกัญชาหรือดื่มเเอลกอฮอล์ อาจมีอาการหลอนคิดว่ามีคนมาทำร้าย จนทุบกระจกปีนออกหน้าต่างไปเอง เเล้วตกตรงจุดที่พบศพ ซึ่งมีระดับความสูงประมาณ 10 เมตร ส่วนระดับน้ำในจุดที่พบศพมีความลึกประมาณ 1.5 เมตร เพราะอยู่ริมตลิ่ง

3.ฆ่าตัวตาย เพราะพักหลังผู้ตายมีอาการซึมเศร้าหลังมีปัญหากับภรรยา

ส่วนบาดแผลที่เกิดขึ้นบริเวณด้านหลังศีรษะ ซึ่งเเพทย์ชันสูตรเเล้วพบว่าบาดแผลนั้นเกิดจากเเรงกระเเทกจากที่สูง ไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย ส่วนในสมองมี เส้นเลือดเเตกทั่วสมอง เเต่บาดแผลที่บริเวณหัวไหล่ยังไม่ยืนยันว่าเกิดจากอะไร เเต่คาดว่าน่าจะเกิดจากเเรงกระเเทกที่มาจากการตกจากที่สูงเเละถูกกิ่งไม้ หรือก้อนหินเเทงเข้าไป มีความลึกประมาณ 1 นิ้ว เเละมีร่องรอยกระดูกเเตก ซึ่งดูจากลักษณะบาดแผลแล้วไม่น่าจะเกิดจากของมีคม ทั้งนี้ จะต้องรอผลตรวจเลือดว่ามีสารกัญชา เเอลกอฮอล์ หรือสารเสพติดหรือไม่ เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี ซึ่งตอนนี้ประเด็นเรื่องถูกทำร้ายร่างกาย ยังไม่พบพยานที่ยืนยันได้

นางวิภาวรรณ ผู้ที่อยู่บนขบวนรถไฟบอกว่าตนเห็นสภาพห้องน้ำเละ คล้ายกับมีคนมุดรอดออกไปด้วย ตอดคล้องกับที่ทีมข่าวได้รับคลิปจากตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี เพิ่มเติม ซึ่งเป็นช่วงที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ คือ ห้องน้ำของรถไฟ ขบวน 139 โบกี้ 9/2 ที่เกิดเหตุ

พร้อมทดสอบโดยการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ พฐ. ที่มีขนาดตัวเท่ากับผู้ตาย ลองรอดตัวออกจากช่องหน้าต่าง โดนลองทดสอบแบบยืนบนพื้น เเละยืนบนชักโครก ซึ่งจากคลิปจะพบว่า ช่องหน้าต้างหลังจากถูกพังกระจกออกไปแล้วนั้น มีขนาดค่อนข้างกว้างพอสมควร เเละกว้างพอที่คนจะรอดตัวออกไปได้

ด้านนางทวน ตระกูลรัมย์ อายุ 71 ปี แม่นายแยบ ผู้เสียชีวิต บอกว่า สาเหตุการณ์ต้องให้ตำรวจเป็นคนสืบสว ส่วนตัวไม่รู้จะไปเดินเรื่องแบบไหน เพราะมีฐานะยากจน หากเป็นฆาตกรรมก็ขอให้ตำรวจตามคนร้ายมาลงโทษ แต่หากเป็นการฆ่าตัวตา ตนไม่ว่าอะไร แล้วแต่เวรกรรม ส่วนลูกสะใภ้จะมาหรือไม่ ตอนนี้ไม่สนใจแล้ว

นายนิเวทย์ โขงรัมย์ อายุ 48 ปี เพื่อนผู้เสียชีวิต และเป็นคนไปรับมาจากสนามบินสุวรรณภูมิ หลังเดินทางมาจากประเทศเกาหลีได้ ออกมาระบุถึงกรณีที่มีความเป็นไปได้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตนไปรับเพื่อนที่สนามบินมาพักที่บ้านพักของตนแล้วนั่งดื่มสังสรรค์กัน

ส่วนใหญ่ระหว่างนั่งคุยกันมักจะคุยเกี่ยวกับภรรยาของตนเอง ที่ตีตัวออกห่างวันที่ 31 ธ.ค. ตนไปส่งที่สถานีรถไฟคาดว่าน่าจะเป็นช่วงก่อนเพื่อนจะตกรถไฟ ได้โทรทางเฟซบุ๊กเข้ามาบอกว่ามีคนจะทำร้าย ตอนนี้อยู่ในห้องน้ำเอาเข็มขัดรัดกลอนประตูเอาไว้จึงถามไปว่าแจ้งตำรวจหรือยัง เพื่อนบอกว่าแจ้งแล้ว คิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะเงียบหายไป จนกระทั่งมาทราบข่าวว่าเสียชีวิตอยู่ใต้สะพานรถไฟ ที่ จ.สระบุรี

ส่วนตัวยังคิดได้เป็น 2 มุมคือเพื่อนอาจจะถูกฆ่ากรรมจริง เพราะทั้งโทรแจ้งและโพสต์ขึ้นเฟซบุ๊ก แต่ยังไม่มีใครทราบเพราะเป็นเฟซบุ๊กใหม่ที่มีเพื่อนเพียง 2 คน คือตนเองกับภรรยาเพื่อน อีกส่วนหนึ่งคือการฆ่าตัวตาย เพราะที่ผ่านมาโดยเฉพาะในเดือนธันวาคมเพื่อนจะบ่นเรื่องภรรยาตลอดเวลาบอกว่าอยากตาย แต่จะไม่ตายที่เกาหลี จะเอาหัวใจเหี่ยว ๆ มาตายที่เมืองไทย ดีกว่าถ้าจะให้ชั่งน้ำหนัก หลังจากไปพบชุดสืบสวน สภ.เมืองสระบุรี มาแล้ว ตนเอียงไปทางคิดสั้นมากกว่าการถูกฆาตกรรม เพราะมีคลิปเสียงขณะเกิดเหตุด้วย