วันที่ 27 ธ.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ยังคงเกาะติดภารกิจการค้นหาผู้สูญหาย จากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปาง ที่คงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 โดยวันนี้ กองทัพเรือ สนธิกำลังทุกภาคส่วนเร่งค้นหา 8 กำลังพลที่ยังคงสูญหาย
ขณะที่เช้าวันนี้ ครอบครัวของ จ่าโทสหรัฐ อีสา หรือ “บูม” ได้นิมนต์พระมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ ถวายสังฆทาน อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับลูกชาย ซึ่งเป็นหนึ่งในกำลังพลของเรือหลวงสุโขทัยที่สุญหาย
โดยผู้เป็นพ่อ คือ ร.ต.อ.สมบูรณ์ อีสา บอกว่า แม้ว่าจะยังไม่สามารถยืนยันอัตลักษณ์บุคคลได้ แต่ครอบครัวเชื่อว่าจากการที่ได้เห็นร่างตนจำได้ว่าเป็นลูกชาย ทั้ง ”เหล็กดัดฟัน รวมถึงกางเกงที่มีชื่อลูกชาย” ทำให้เชื่อได้ว่าร่างที่พบเป็นลูกขายจริง ๆ
ร้อยตำรวจเอกสมบูรณ์ อีสา พ่อของจ่าบูม เผยว่า ตอนนี้ร่างของลูกยืนยันภายนอก รอยืนยันอัตลักษณ์จากนิติเวชยืนยันอีกครั้ง หากเป็นภายนอก ตนเองยืนยันว่าเป็นลูก100% “ตนเองจำเหล็กดัดฟันลูก และชื่อที่กางเกงได้” และนับตั้งแต่วันแรกที่ตนเองมาเฝ้าติดตามภารกิจจนกระทั่งเจอกัน แต่เจอในสภาพนี้ก็ยังดีกว่าไม่ได้เจอ
และตนเองอยากบอกกับลูกว่า “พ่อภูมิใจในตัวลูกมากที่ทำหน้าที่จนถึงวินาทีสุดท้าย” ส่วนประเด็นเรื่องสาเหตุของที่เกิดเรือล่มนั้น ตนไม่ติดใจเพราะมันก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ขอขอบคุณกองทัพที่ช่วยเหลือจนเจอร่างลูกชาย หลังจากนี้จะเดินทางไปแก้บนที่อนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หลังก่อนหน้านี้ได้บนบานไว้ว่าขอให้เจอลูกชาย
ด้าน นายบัญชา ทิวาลัย พ่อของของ จ.ต.ศุภกิจ ทิวาลัย กล่าวว่า ช่วง 7 วันที่ผ่านมา เฝ้าติดตามภารกิจการค้นหาทุกวัน มีความหวังตลอดจนกระทั่งค่อย ๆ หรี่ลงไป
ครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกับลูกชายคือคืนวันเสาร์ก่อนเกิดเหตุ ลูกชายไม่ได้บอกอะไรบอกแค่ว่า "จะรีบทำงาน เดียวพรุ่งนี้หนูโทรกลับจะไปราชการ" พอเช้าวันรุ่งขึ้นตนโทรกลับไปหาลุกชายแต่ไม่มีสัญญาณ จึงส่งข้อความไปว่า "กลับมาสัตหีบโทรมาหาพ่อด้วย"
นายบัญชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ลูกชายเป็นคนดีชอบช่วยเหลือคน รู้สึกภูมิใจในตัวเขาที่ได้ทำหน้าที่จนนาทีสุดท้าย พอได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ให้มารับร่างลูกชายก็รีบเดินทางมาจากสัตหีบทันที มองว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แค่ยอมรับสภาพ
ด้าน นายวรรณชัย สาพิราช อายุ 49 ปี พี่ชายของ จ่าโท ธวัชชัย สาพิราช เปิดเผยว่า ตนเองเดินทางมาจาก จ.อุบลราชธานี ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 65 หลังทราบข่าวว่าเกิดเรืออับปาง
โดยวันที่ 18 ธ.ค. 65 เวลา 18.00 น. น้องชายได้โทรศัพท์มาหาแม่บอกว่าเรือกำลังจะล่ม โดยเสียงที่ได้ยินคือความอลหม่านอย่างมาก น้องชายตะโกนบอกให้คนอื่นสวมเสื้อชูชีพ โดยไม่ทราบว่าน้องชายได้สวมเสื้อชูชีพหรือไม่
ก่อนหน้านี้หลังจากที่มาติดตามการค้นหายังหวังอยู่เสมอว่าให้น้องชายรอดชีวิต แต่เท่าที่ตนเองทราบน้องชายเป็นทหารมา 3 ปี และการขึ้นเรือครั้งนี้ เป็นการขึ้นเรือครั้งแรกของน้องชาย ก่อนหน้านี้ทราบว่าน้องชายว่ายน้ำไม่เป็น แต่หลังจากนั้นไม่รู้ว่าน้องชายได้เข้ารับการฝึกหรือไม่
โดยน้องชายเป็นคนเลี้ยงดูแม่เพราะเรากำพร้าพ่อมาตั้งแต่เด็ก ตนเองอยากจะบอกน้องชายว่า ขอให้หลับให้สบายพี่ภูมิใจในตัวน้อง ส่วนตัวไม่ได้ติดใจอะไรในกองทัพแล้วเชื่อว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุ
-ขณะที่ เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างราษฎร์ศรัทธาธรรมสถาน จัดเตรียมอาหารเพื่อเซ่นไหว้วิญญาณของผู้เสียชีวิต ทั้งหมด 11 ราย ที่กำลังเตรียมส่งกลับไปบำเพ็ญกุศลในวันพรุ่งนี้ โดยมี แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลา ทอดมัน ลาบหมู และ ข้าวต้มมัด
Advertisement