จากกรณีสาวเจ้าของปั๊มน้ำมันคือ นางสาวนัสรา หรือ มิ้นท์ หรือ มิ้น บุญส่ง อายุ 33 ปี เป็นเจ้าของธุรกิจปั๊มน้ำมัน ที่บ้านโปร่งกูป หมู่ 19 ต.พังตรุ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ขับรถยนต์เก๋งโตโยต้า สีแดง ทะเบียน กธ 3026 กาญจนบุรี ออกจากบ้านเพื่อนที่ อ.ท่าม่วง มุ่งกลับบ้านที่เขตพื้นที่บ้าน อ.พนมทวน ในวันที่ 15 ธ.ค. 65 ช่วงเวลาประมาณ 04.00 น.
แต่ปรากฏว่าจนสายของรอีกวัน สาวเจ้าของปั๊มก็ยังไม่ถึงบ้าน ครอบครัวติดต่อไม่ได้จึงประกาศตามหาคนหาย ช่วงเย็นเจ้าหน้าที่พบรถยนต์ของผู้สูญหายตกอยู่ในคลองชลประทาน บริเวณวัดกร่างทอง จึงได้นำรถขึ้นมาจากน้ำ แต่ไม่พบร่างของผู้สูญหาย
ล่าสุด 16 ธ.ค. 65 ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุพบชิ้นส่วนกันชนของรถยนต์ที่เกิดเหตุ ริมคลองชลประทาน บริเวณหลักกิโลเมตร กจ.3095 กิโลเมตรที่ 10 เส้นทางเลียบคลองชลประทาน ทุ่งทอง-พังตรุ เขตพื้นที่ อ.พนมทวน และยังพบร่องรอยการลื่นไถลของรถตกลงไปยังคลองชลประทาน
นายสังข์ ตามพันธุ์ ชาวไร่อ้อย อยู่ตรงข้ามจุดเกิดเหตุ กำลังนั่งตกปลาบริเวณจุดที่เกิดเหตุ บอกว่าทราบว่ารถตกน้ำตั้งแต่เมื่อคืนวานตอนช่วงตี 4 ชาวบ้านบอกกันว่าได้ยินเสียงคล้ายยางระเบิด แต่ไม่มีใครรู้เลยว่ารถหล่นลงไปในน้ำ เพราะน่าจะเป็นช่วงกลางดึกที่สำคัญน้ำในคลองชลประทานนี้ลึกมาก ขนาดรถบรรทุกตกลงไปยังจมมิดคัน รถเก๋งตกลงไปก็คงไม่เหลืออะไร
นายสังข์ทดลองเหวี่ยงเบ็ดลงไปให้ทีมข่าวดู เพื่อวัดระดับน้ำพบว่าจุดเกิดเหตุน้ำลึก 18 เมตร วัดจากเอ็นตกปลาของนายสังข์เอง นายสังข์ยังบอกอีกว่าที่ยังไม่พบศพ เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่ศพจะลอยน้ำไปไกล เพราะบริเวณนี้จะมีการเปิดประตูระบายน้ำตลอด จุดที่รถหล่นลงไปอยู่ห่างจากประตูระบายน้ำ เพียง 100 เมตร เวลาประตูระบายน้ำเปิดกระแสน้ำจะพัดแรงไปตามคลอง เมื่อวานนี้ตอนเจ้าหน้าที่ลงไปงมพบรถยนต์แต่ไม่พบร่างคน ก็เพราะว่าคนถูกกระแสน้ำพัดไปแล้ว
วันนี้ช่วงเช้าพบศพห่างจากจุดเกิดเหตุ 20 กิโลเมตร ศพลอยขึ้นตอนเช้า บริเวณนี้เกิดเหตุบ่อยมาก ตนก็เคยช่วยกู้รถขึ้นมาหลายคันแล้ว เพราะถนนเส้นนี้รถค่อนข้างที่จะขับเร็วมากบวกกับข้างคลองชลประทานไม่มีสิ่งกีดขวาง รถหล่นลงไปง่าย ๆ โดยจุดพบศพอยู่บริเวณหน้าวัดเขาแมงมุม ไกลจากจุดรถจม 20 กว่ากิโลเมตร
ทีมข่าวได้รับกล้องวงจรปิด ขณะที่ก่อนเกิดเหตุผู้ตายนั่งกินหมูกระทะกับเพื่อน ๆ จอดรถยนต์คันเกิดเหตุสีแดงไว้ เป็นคนเดียวกับที่พบในคลอง
เพื่อนสนิทของผู้เสียชีวิต คือ นางสาวก้อย (สงวนนามสกุล) บอกว่า มิ้นมักจะมากินข้าวและนอนเล่นที่บ้านของตนเองเป็นประจำ เช้ามืดก็จะขับรถยนต์กลับบ้าน ช่วงเช้ามืดตี 4 มิ้นขับรถออกจากบ้านตน ช่วงเช้ามืดเราก็ร่ำกันปกติ บอกขับรถกลับบ้านดี ๆ ซึ่งในวันที่เกิดเหตุยืนยันว่าพวกเราไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์กัน ไม่เมาอย่างแน่นอน แต่ง่วงหรือไม่เรื่องนี้ไม่ทราบจริง ๆ เท่าที่ดูลักษณะอาการในวันนั้นเขาก็ปกติดี เพราะหลับไปรอบนึงแล้ว จนกระทั่ง 4 โมงเย็นแม่ของมิ้นโทรมาหาตนบอกว่ามิ้นมันจะนอนที่นั่นเลยหรอ ไม่กลับบ้านเลยหรือไง ก้อยคือตนเอง จึงบอกกับแม่ว่ามิ้นขับรถกลับบ้านตั้งแต่ตี 4 แล้
จากนั้นเมื่อวานนี้ทุกคนจึงช่วยกันตามหา จนไปพบกันชนของรถมิ้น บริเวณข้างริมคลองชลประทานจุดเดียวกับที่พี่ชายของเขาขับรถตกคลอง จึงได้เรียกเจ้าหน้าที่มายกรถขึ้น ปรากฏว่าสภาพภายในรถมีการปลดกระจกลงทั้ง 2 ข้าง และมีการปลดเข็มขัดนิรภัยออกด้วย จึงทำให้เชื่อว่าเพื่อนต้องมีสติขณะที่รถตกลงไปในน้ำแล้วก็พยายามจะเอาตัวเองออกมาจากในรถ แต่น้ำที่จุดเกิดเหตุค่อนข้างลึกประกอบกับมิ้นว่ายน้ำไม่เป็น ทำให้จมน้ำเสียชีวิต
ก้อยบอกอีกว่า ปกติมิ้นจะไม่ผ่านเส้นทางเลียบคลองชลประทานเลย เพราะพี่ชายเคยเกิดเหตุขับรถตกน้ำเสียชีวิตแล้วเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามิ้นจะขับรถกลับบ้าน โดยใช้เส้นทางนี้ในวันที่เกิดเหตุ เรื่องที่เกิดขึ้นตนทำใจไม่ได้จริง ๆ มิ้นเป็นเพื่อนสนิทที่สุดอยู่ในทุกช่วงชีวิตของตน กระทั่งก่อนที่เขาจะเสียชีวิตตนก็คือคนสุดท้ายที่อยู่กับเขา และรับไม่ได้สุด ๆ ที่จุดเกิดเหตุคือจุดเลียบคลอง ทุก ๆเดือนจะมีคนเสียชีวิต เพราะรถตกลงไปในคลอง เนื่องจากริมคลองไม่มีที่กั้น ไม่มีไฟส่องสว่าง แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่เคยแก้ไขเลย
ช่วงบ่ายวันนี้ นายศุภโชค บุญส่ง น้องชายผู้ตาย ได้ไปเชิญดวงวิญญาณพี่สาวที่จุดเกิดเหตุ จุดที่พบกันชนสีแดงรถยนต์ของพี่สาว เพื่อพาดวงวิญญาณกลับบ้าน
แม่ของผู้เสียชีวิต คือ นางระเบียบ บุญส่ง บอกกับทีมข่าวทั้งน้ำตาว่า สุดเสียใจที่ต้องเสียลูกสาวคนกลางไปอีก ซ้ำรอยกับลูกชายคนโตเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ทั้งคู่ขับรถตกน้ำในจุดเดียวกัน เดือนเดียวกัน โดยลูกชายคนโตคือ นายแม็ค บุญส่ง ทำงานเลิกดึกเพราะช่วงนั้นเริ่มใกล้ปีใหม่ ทำให้ต้องเร่งสะสางและเคลียร์งานให้จบ จำได้ว่าตอนนั้นลูกชายอาจจะพักผ่อนน้อย และหลับใน จึงเกิดเหตุรถตกน้ำในบริเวณดังกล่าว
เหตุเกิดวันที่ 24 ธ.ค. 51 แต่ลูกชายคนโตติดอยู่ในรถ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ตอนเหตุการณ์ของลูกชายยังมีคนเห็นเหตุการณ์และเรียกเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ เหตุการณ์นั้นแม่ยังจำไม่เคยลืมและบอกกับลูกๆคนในครอบครัวเสมอว่าห้ามใช้เส้นทางนั้นเด็ดขาด ในที่สุดผ่านมา 14 ปีในเดือนเดียวกัน เมื่อวานนี้เองลูกสาวก็ขับรถตกในจุดเดียวกับลูกชาย แต่ลูกสาวไม่ได้ติดอยู่ในรถศพลอยออกไปไกล เกือบ 20 กิโลเมตร วันนี้ตนเหลือลูกคนสุดท้องเพียงคนเดียว ก็ยังจะเน้นย้ำไม่ให้เขาผ่านไปเส้นทางนั้นอีก ถ้าเป็นไปได้ขอร้องเรียนทางทีมข่าว ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยปรับปรุงเส้นทางให้ปลอดภัยด้วย ไม่ใช่แค่ลูกแม่ แต่เพื่อชาวบ้านและคนที่ขับรถผ่านไปผ่านมาด้วย
Advertisement