จากกรณี น.ส.แดง (นามสมมติ) อายุ 38 ปี ครูสาวผู้เสียหาย ถูกผู้อำนวยการโรงเรียนในสังกัด อปท. ในพื้นที่ จ.พะเยา ออกอุบายพาไปนอกโรงเรียนอ้างพาไปไหว้พระ แต่กลับเลี้ยวรถเข้าโรงแรมม่านรูด ฝ่ายครูสาวไม่ยอมจึงพยายามหนีออกมา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 พ.ย.65 กล้องวงจรปิดของโรงแรมม่านรูดบันทึกภาพไว้ได้ หลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองพะเยา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ครูสาวกรี๊ดลั่นหนีออกม่านรูด ช็อก ผอ.ลวงดูงานแถมรูดซิปโชว์ เจ้าตัวโต้ปัดปล้ำ (คลิป)
ล่าสุดวันที่ 10 ธ.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังโรงแรมม่านรูดใน ต.ท่าวังทอง อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา ที่เป็นจุดเกิดเหตุตามภาพวงจรปิด น.ส.แม้ว (นามสมมติ) อายุ 49 ปี เจ้าของโรงแรม พาทีมข่าวเดินดูที่ห้องเกิดเหตุ
น.ส.แม้ว เจ้าของโรงแรม เล่าว่าวันเกิดเหตุรถของ ผอ.ได้ขับเข้ามาใช้บริการเหมือนลูกค้าทั่วไป โดยขับตรงเข้าไปที่ห้องว่างตามภาพ กระทั่งตนเองก็ได้เดินถือน้ำไปให้ที่ห้องแต่ยังไม่ได้ทันเอาน้ำเข้าไปวาง ตัว ผอ.ที่เป็นคนขับรถมาก็เดินออกมาที่หน้าห้อง แล้วก็ยื่นแบงค์พันให้เป็นค่าห้อง ซึ่งตอนนั้น ผอ.ขอพักแบบชั่วคราว 3 ชั่วโมง ตนเองจึงถอนเงินไปให้ 800 บาท และขอยืนยันว่าไม่เห็นผู้หญิงที่มาด้วยกันในตอนนั้น จนกระทั่งตนเองเดินกลับไปเก็บของที่ห้องอื่นแล้วก็เดินกลับไปที่ออฟฟิศ ซึ่งตอนนั้นก็ขอยืนยันว่าไม่ได้ยินเสียงทั้งคู่ทะเลาะกันหากได้ยินยังไงก็ต้องหันกลับไป
หลังเกิดเหตุ ตัวคุณครูก็ไม่ได้แวะมาบอกว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้ตนเองคิดว่าที่คุณครูเดินออกไปจากโรงแรม เขากำลังเดินออกไปซื้อของที่หน้าโรงแรม จึงไม่ได้เอะใจอะไรเพราะ ผอ.ไม่ได้ขับรถตามออกไปทันที โดยวันนั้นเท่าที่จำความได้ตัว ผอ.ยังเข้าไปพักในห้องเกินเวลาอีกด้วย ยืนยันวันเกิดเหตุไม่รู้จริง ๆ ว่าทั้งสองคนทะเลาะกัน และก็เพิ่งจะมารู้เมื่อวานนี้ตามข่าว ว่าทั้งสองคนเป็นข้าราชการ ยอมรับว่าตกใจมากไม่คิดว่าคนที่เป็นข้าราชการจะมาก่อเหตุที่โรงแรมตัวเองแบบนี้
โดยหลังจากเกิดเหตุทางตำรวจกับผู้เสียหายก็ได้มาขอกล้องวงจรปิดไปในวันที่ 11 พ.ย. ถามว่า ผอ.ได้เข้ามาขอลบกล้องวงจรปิด ที่เป็นหลักฐานหลังเกิดเหตุหรือไม่ ยืนยันว่า ผอ.เข้ามาขอดูกล้องจริงแต่ไม่ได้บันทึกไป เนื่องจากตนเองบอกกับ ผอ.ไปว่า ผู้เสียหายกับตำรวจมาขอกล้องไปแล้วก่อนที่ ผอ.จะเข้ามาขอ 1 วัน ส่วนตัวไม่รู้จักกับทั้งสองฝ่ายและไม่เคยจำว่าใครเข้ามาพักบ้าง เนื่องจากโรงแรมของตนเอง เป็นโรงแรมแบบม่านรูด และบางคนที่มาใช้บริการก็มักจะปกปิดข้อมูลใบหน้าและตัวตน
ด้าน น.ส.แดง (นามสมมติ) อายุ 38 ปี ครูสาวที่เป็นผู้เสียหาย ได้ส่งหลังฐานเป็นคลิปเสียงหลังวันเกิดเหตุ ผอ.พยายามโทรศัพท์มาเคลียร์ โดยคลิปดังกล่าว ทางคุณครูแดง พยายามถามว่า วันเกิดเหตุ ผอ.คิดยังไงถึงทำแบบนั้น และวันนั้นก็ไม่ได้ยอมให้ผอ.พาเข้าโรงแรม แต่ ผอ.ก็ยังอ้างว่า วันเกิดเหตุเราไปด้วยกันนะ แล้วที่โรงแรมก็ยังไม่ได้พาเข้าห้องสักหน่อย เรื่องแบบนี้มันพูดคุยกันได้ ทำไมถึงรีบไปแจ้งความ
โดย น.ส.แดง ครูสาวผู้เสียหาย เล่าว่าตนเองเป็นคน จ.เชียงราย โดยเพิ่งย้ายโรงเรียนไปทำงานในโรงเรียนมี่ จ.พะเยา เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 65 ไปทำงานได้ยังไม่ถึง 2 วัน วันเกิดเหตุคือวันที่ 2 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา ได้มีครูรุ่นน้องผู้ชายทักแชตมาบอกว่า ผอ.ให้ออกไปข้างนอกด้วย ตนก็แปลกใจจึงถามกลับไปว่า ผอ.จะพาพี่ออกไปไหน แต่ครูผู้ชายบอกว่าไม่แน่ใจน่าจะพาไปไหว้พระ ก็เลยตั้งใจว่าจะชวนพี่อีกคนที่ย้ายมาพร้อมกันไปด้วย แต่สักพักยังไม่ทันได้ลงไปตามที่บอกครูคนเดิมก็ส่งภาพรถ ผอ.ที่เข้ามาจอดในโรงเรียนบอกว่า ผอ.ขับรถมารอที่หน้าอาคารแล้วประมาณจะเร่งให้ลงไปขึ้นรถ แต่พอลงไปที่รถก็ไม่เห็นครูอีกคน จึงถาม ผอ.ว่าครูอีกคนไปไหน ทาง ผอ.ก็อ้างว่าครูอีกคนติดภารกิจไปด้วยไม่ได้ ตนเองก็ไม่ได้คิดว่าจะมีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้น เพราะเวลานั้นเป็นช่วงกลางวัน และก็คิดว่า ผอ.คงพาไปไหว้พระและกินข้าวปกติ ตามภาษาเจ้านายกับลูกน้อง
พอออกไป ผอ.ก็พาไปทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมือง กระทั่งใกล้ชั่วโมงสอนในช่วงบ่ายคือเวลาประมาณ 12.45 น. ตนเองจึงชวน ผอ.กลับโรงเรียน แต่ระหว่างทางจะกลับโรงเรียนนั้น ผอ.ได้ขับรถพาเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูด ตนเองก็ตกใจและพยายามตั้งสติ คิดว่าไม่ได้สนิทกับเขาและด้วยความที่เขาเป็นถึงผู้บริหาร ตนก็คิดว่าน่าจะขอร้องเขาได้ แต่กลับไม่เป็นผล ผอ.ได้ขับเลี้ยวเข้าห้อง และตอนนั้นตนเองไม่ยอมลงจากรถ
จนกระทั่ง ผอ.ลงรถและเดินอ้อมมาทางฝั่งที่ตนนั่งแล้วก็เปิดประตู พยายามจะลากดึงตนให้ลงจากรถ แต่ตนไม่ยอมพยายามปัดป้องตัวเอง แล้วก็ขอร้อง ผอ.ว่า อย่าทำแบบนี้เลย หนูพึ่งย้ายมาใหม่ ที่สำคัญต้องรีบกลับไปสอนนักเรียน แต่ผอ.ไม่ฟัง และได้รูดซิปกางเกงของ ผอ.ลง พร้อมบอกว่า ลงมาแค่แปปเดียวเอง ตนเองเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจหยิบกระเป๋าสะพายและโทรศัพท์มือถือลงจากรถ วิ่งออกมาจากห้อง แต่ ผอ.ก็วิ่งตามออกออกมาพยายามจะดึงกระเป๋า ก็เลยยื้อแย่งกระเป๋ากันตามภาพในวงจรปิด และที่เจ้าของโรงแรมบอกว่าทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงร้องให้ช่วย ยืนยันตอนนั้นตนเองไม่เห็นเจ้าของโรงแรม หากได้ยินยังไงก็ต้องขอความช่วยเหลือ
จากนั้นในเมื่อ ผอ.ไม่ยอมให้กระเป๋าคืน ตนเองจึงตัดสินใจเดินออกมาจากโรงแรม แล้วก็ไปนั่งหลบตรงต้นไม้ กระทั่งโทรบอกน้องชายให้มารับกลับไปที่บ้านของน้องชาย หลังจากเกิดเหตุได้โทรไปเล่าเหตุการณ์ให้ที่บ้านฟัง ในตอนเช้าวันที่ 3 พ.ย. 65 พ่อและพี่ชายจึงได้มารับที่บ้านพักครูกลับไปที่ จ.เชียงราย โดยในวันดังกล่าวทาง ผอ.ได้โทรเข้ามือถือแต่พ่อเป็นคนรับสาย จึงได้ถาม ผอ.ไปว่าคิดอะไรทำไมถึงทำเช่นนั้น แต่ทาง ผอ.บอกว่าเขายังไม่ได้ทำอะไร เขาไม่ผิด ไม่ต้องมาข่มขู่ ไม่กลัว ทางครอบครัวจึงรวบรวมหลักฐานไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองพะเยา แต่ยังไม่มีความคืบหน้าทางคดีเท่าที่ควร แถมตัว ผอ.ก็พยายามผลัดผ่อนไม่ไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ทั้งยังพยายามไปปล่อยข่าวลือ เล่าให้คนอื่นฟังว่าตนสมยอมกับเขาและสร้างสถานการณ์เพื่อเรียกร้องเอาเงิน บ้างก็เล่าว่าเคยได้เสียกับตนมานานแล้ว เคยได้ส่งเสียจนเรียนจบมา ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย ทุกวันนี้มีแต่คนโทรเข้ามาถามว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร ที่ได้ยินมาเป็นความจริงหรือเปล่า ยืนยันหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองได้พยายามสอบถามกับครูในโรงเรียนด้วยกันแล้ว ว่าก่อนหน้านี้ ผอ.เคยไปทำแบบนี้กับใครหรือไม่ แต่ครูในโรงเรียน ไม่มีใครกล้าพูด ปิดปากเงียบกันหมด ตนเองจึงเตือนคุณครูรุ่นพี่ที่ย้ายมาพร้อมกันให้ระวังตัว
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จริง ๆ แล้วไม่ได้ตั้งใจจะเอาคลิปออกมาเปิดเผยให้เกิดเรื่องใหญ่ แต่ตนเองพยายามให้ ผอ.เข้ามาเคลียร์แล้ว โดย ผอ.ผิดนัดตลอด นัดแล้วนัดอีกว่าจะ เอาเงินเข้ามาให้ค่าทำขวัญ 3 หมื่นบ้าง 2 หมื่นบ้าง ก็ไม่ยอมเคลียร์ ยอมรับตนเองก็เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่ไม่ได้คิดจะหาเงินโดยการ แบล็กเมล์ ผอ. และหากวันนั้นตัว ผอ.ขอโทษ หรือแสดงความรับผิดชอบแบบลูกผู้ชาย เรื่องมันคงไม่บานปลายถึงขนาดนี้ ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดถ้าอยากเคลียร์ให้เอาเงินไปเคลียร์กับพ่อ ตามที่พ่อเรียกร้องไป 8 แสนบาท
Advertisement