วันที่ 5 ธ.ค. 65 เจ้าน้าที่ตำรวจ สน.ท่าเรือ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ และเจ้าหน้าที่กู้ภัย รับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 11.00 น. พบร่างไร้วิญญานของหญิงสาวในห้องเช่า ที่ชุมชนวัดคลองเตยใน 2 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
โดยชาวบ้านให้ข้อมูลว่า มีคู่รักชายหญิงทะเลาะกันตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้พบหญิงไม่มีชีวิตแล้ว ตามร่างกายมีร่องรอยทำร้ายร่างกาย บาดแผลที่ลำคอ ทราบชื่อผู้ตายคือ น.ส.เมทินี เวทไทสงค์ อายุ 34 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชน เป็นคนในพื้นที่ อ.ท่าบล จ.หนองคาย
ตำรวจ สน.ท่าเรือ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ เบื้องต้นเป็นการฆาตกรรม ตำรวจ สน.ท่าเรือ จึงเร่งล่าตัวชายผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนต่อไป ทราบชื่อผู้ก่อเหตุเบื้องต้นคือ นายเหลิม ที่ผู้ตายคบหาด้วยและมักมีปากเสียงทะเลาะกันทำร้ายร่างกายกันตลอด
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุได้พูดคุยกับ นายนิพนธ์ ชวนะปัญญา อายุ 66 ปี เพื่อนบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า
เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 5 โมงเย็น ตนได้เข้ามาที่ห้องพักเพื่อที่จะเอาของออกไปขาย เมื่อมาถึงก็พบกองเลือดอยู่เต็มพื้นภายในทางเดินหอพัก เมื่อเดินเข้าไปจนสุดทางเดินที่มีบันใด พบว่า น.ส.เมทินี นอนอยู่บนพื้นข้างบันใด สภาพใบหน้าปูดเขียว มีรอยคัดเตอร์ปาดที่ลำคอ
ขนะนั้นผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ ตนจึงถาม นายเหลิม ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ว่ามีเรื่องอะไรกัน นายเหลิม ก็บอกว่า น.ส.เมทินี ไปนอนกับผู้ชายมา นายเหลิมไปเห็นเลยโมโห ต้นจึงถามว่าทำไมคอของผู้หญิงถึงมีบาดแผลมีบาด นายเหลิม บอกว่าผู้หญิงตกมาจากข้างบน ซึ่งตนก็สงสัยว่าจะมีบาดแผลมีดบาดที่ขอได้อย่างไร
ซึ่งในขณะนั้นนายเหลิม ได้ถือมีดคัตเตอร์อยู่ในมือจึงถามไปว่าเป็นคนทำหรอ นายเหลิม ก็บอกว่าไม่ได้ทำ หลังจากนั้นตนจึงถามว่าทำไมไม่โทรเรียกโรงพยาบาลให้มารับไป เกิดตายขึ้นมาจะเป็นเรื่องเดือดร้อน นายเหลิมก็บอกกลับมาว่า “กูไม่สนใจหรอกกูยอมติดคุก” แจ้งตำรวจก็ไม่แจ้ง อยากจะแจ้งก็แจ้งไป ตนเป็นคนนอกจึงไม่กล้าที่จะแจ้งตำรวจ เกิดตนแจ้งตำรวจตอนนั้น นายเหลิม อาจจะใช้มีดคัตเตอร์แทงตนตายอีกคนแล้วใครจะช่วยตน ซึ่งตอนนั้นเอง น.ส.เมทินี ก็ยังคงมีชีวิตอยู่ ยังหายใจ ตนจึงไม่แจ้งตำรวจเพราะหากว่าตายตนก็คงแจ้งตำรวจไปแล้ว อีกอย่างก็คือไม่อยากไปยุ่งเรื่องผัวเมียทะเลาะกัน
หลังจากนั้นตนจึงออกไปขายของ กลับมาก็ยังพบผู้ตายยังนอนอยู่ที่เดิมจึงบอกว่าให้ นายเหลิม ช่วยกับตนหามผู้ตายขึ้นไปบนห้องพักที่เกิดเหตุ จากนั้นตนและนายเหลิมก็ช่วยกันหามผู้ตายขึ้นไปบนห้องพัก โดยนายเหลิมเป็นคนเอาผ้าไปคุมร่างของผู้ตายเอาไว้ จากนั้นเวลาประมาณตี 2 ถึงตี 3 ตอนได้ยินเสียงประตูหน้าห้องเช่าเปิดออก จึงเดินออกมาดูก็ไม่พบนายเหลิม อยู่บริเวณทางเดินห้องเช่าแล้ว และก็ไม่มีผ้าที่เช็ดเลือดหลงเหลืออยู่บนพื้น จึงคิดว่านายเหลิม คงเอาผ้าเช็ดเลือกไปทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน จากนั้นคงหลบหนีไป ซึ่งตนก็ไม่ได้เดินขึ้นไปดูบนห้องที่นำร่างผู้ตายไปนอนไว้ พอถึงรุ่งเช้าจึงทราบว่า น.ส.เมทินี เสียชีวิตแล้ว
นายนิพนธ์ ยังบอกกับผู้สื่อข่าวอีกว่าตนนั้นมาอยู่ที่ห้องพักแค่นี้ได้เพียง 1 เดือน ที่ผ่านมาก็เห็นสองผัวเมียคู่นี้ทะเลาะกันมาก่อนแต่ก็ไม่เคยถึงขนาดที่ตบตีกัน ส่วนผู้หญิงจะพาผู้ชายคนอื่นมามั่วที่ห้องด้วยหรือเปล่าตนนั้นก็ไม่เคยเป็นว่าพาคนอื่นมา ที่ผ่านมาเห็นแค่นายเหลิมคนเดียว คนอื่นไม่เคยเห็น ส่วน นายเหลิม ตนทราบว่า เคยก่อคดีและเคยติดคุกมาก่อน
ภาพกล้องวงจรปิดภายในชุมชน ที่ชุมชนวัดคลองเตยใน 2 เวลา 6.22 น. ของวันที่ 4 ธ.ค. 65 สามารถจับภาพ นายเหลิม และ น.ส.เมทินี ผู้ตาย เดินกันอยู่ภายในชุมชนคลองเตย จากนั้น เวลา 6.24 น. กล้องภายในชุมชนก็จะสามารถจับภาพที่ทั้งคู่เดินอยู่ด้วยกันซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้มีปัญหาและทะเลาะอะไรกัน หลังจากนั้น เวลา 9.45 น. ในวันเดียวกันจะพบ นางเมทินี ผู้ตายเดินทางไปที่วัดคลองเตยนอก เพื่อไปพบกับพ่อที่เป็นพระซึ่งบวชอยู่ที่นั่น
เวลา 15.24 น.จะสามารถจับภาพนายเหลิม สวมเสื้อแดงเดินเข้ามาภายในชุมชนวัดคลองเตยใน 2 ก่อนจะมีไปมีปากเสียงและทำร้ายร่างกาย น.ส.เมทินี หลังจากนั้นกล้องวงจรปิดภายในชุมชนคลองเตย 2 เวลา 15.30 น.จะได้เสียง นายเหลิม ทำร้ายร่างกายและทะเลาะอยู่กับ น.ส.เมทินี ซึ่งมีกรีดร้องของผู้ตายออกมาให้ได้ยิน โดยภาพกล้องวงจรปิดจากกล้องตัวนี้จะไม่เห็นภาพตอนที่ทั้งคู่นั้นทะเลาะและทำร้ายร่างกายกัน แต่จะได้ยินเสียงที่ทั้งคู่นั้นทะเลาะกันเท่านั้น โดยเวลา 15.32 น. จะได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องออกมา และจะมีเสียงผู้ชายคอยด่าผู้หญิงอยู่เรื่อย ๆ จากนั้น เวลา 15.34 น. จะได้ยินเสียงร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวด
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ วัดคลองเตยนอก ได้พูดคุยกับ หลวงพ่อแถว เวทไทสงค์ พ่อของผู้เสียชีวิต บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ไปพบศพของ น.ส.เมทินี ลูกสาวที่อยู่ในห้องเช่านั้น เนื่องจากว่าช่วงเช้าของทุก ๆ วันลูกสาวจะมาขอข้าวก้นบาทและขอเงินหลวงพ่ออยู่เป็นประจำทุกวันไม่เคยขาด แต่วันที่เกิดเหตุ น.ส.เมทินี ได้หายตัวไป ไม่มาขอข้าวและเงินที่วัด คิดแปลกใจว่าเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับลูกสาว เพราะทราบว่าลูกสาวคบหากับ นายเหลิม และโดนทำร้ายร่างกายมาตลอด จนกระทั่งลูกสาวต้องหนีมานอนที่ศาลาวัด
เมื่อเดินทางไปยังห้องเช่าก็พบว่าลูกสาวนอนคุมโปงอยู่ จึงตะโกนเรียกแต่ไม่ตื่น จึงเปิดผ้าดูหน้าก็พบว่าหน้าเขียวช้ำปูดบวม แล้วที่ขอก็มีบาดแผลถูกมีดปาดคอถึงทราบว่าลูกสาวนั้นเสียชีวิต จึงได้แจ้งให้ชาวบ้านทราบพร้อมกับ แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
หลวงพ่อแถว บอกกับผู้สื่อข่าวอีกว่า นายเหลิม มักจะมานอนที่ห้องพักของ น.ส.เมทินี และมักทำร้ายร่างกายเป็นประจำ จนลูกสาวต้องหนีไปนอนที่ศาลาวัด จนหลวงพ่อแถวต้องไปไล่ นายเหลิม ที่ห้องเช่า พอไปถึงไล่ก็ไม่ไปจนต้องเอาไม้ตี หลวงพ่อแถวเคยบอกกับนายเหลิมว่าบอกว่า ผู้หญิงเขาอยู่เขาไม่มีผัว ถ้าจะอยู่ก็ไปจ่ายค่าเช่าเอง เพราะห้องนี้หลวงพ่อเช่าให้ลูกสาวอยู่มา 3 ปีแล้ว เขาอยู่คนเดียวสงสารเขา มึงทำไมมาทำแบบนี้ถึงเวลาก็ตบก็ตี ถ้า น.ส.เมทินี ไม่มาขอข้าวขอเงินจากหลวงพ่อให้ก็ตบตี จนหัวแตกหัวแตนหลวงพ่อต้องพาไปโรงพยาบาล ทำไมถึงไม่มีหัวคิดมึงไม่สงสารเขาหรือลูกผู้หญิง
โดยคืนก่อนที่จะเกิดเหตุ หลวงพ่อแถว ได้ฝันว่า น.ส.เมทินี ลูกสาวได้เข้ามาที่วัดมาหาแล้วก้มกราบลงที่เท้า จากนั้นได้พูดขึ้นว่า ถ้า เมทำเรื่องผิดอะไรลูกขอโทษนะ หลวงพ่อจึงตอบกลับไปว่าหลวงพ่อไม่ถือโทษโกรธอะไรลูก หลวงพ่อจะคอยช่วยเหลือทุกอย่าง หลวงพ่อไม่ถือหรอกอย่าไปคิดมากนะ ให้อยู่ดี ๆ ทำตัวดี ๆ ซึ่งหลวงพ่อไม่มีอะไรที่จะพูดถึง น.ส.เมทินี ลูกสาว เพราะพูดไปลูกสาวก็คงไม่ได้ยิน ส่วน นายเหลิม ผู้ก่อเหตุ หากดูอยู่ก็อยากจะให้มอบตัว และต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
Advertisement