จากกรณีเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 65 เกิดเหตุแก๊งบ่อนกว่า 10 คน บุกเข้ามาภายในซอย 23 ชุมชน 70 ไร่ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ แล้วก่อเหตุใช้ไม้เบสบอล ไม้เบสบอลไฟฟ้า เครื่องช็อตไฟฟ้าทำร้ายร่างกาย “นายเฟียต” หรือ “นายวันฉัตร โชว์พุทธา” และเพื่อน “นายเบล” หรือ “นายธนวัตร สันทัด” ที่นั่งอยู่บริเวณหน้าบ้านจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่ “นายเดี่ยว” หรือ “นายมนัส ทรงงาม” หนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุจะใช้ปืนยิง “นายเฟียต” 3 นัด จนเสียชีวิต และพากันหลบหนีไป
โดยปมสาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งระหว่าง “นายโฟล์ค” หรือ “นายเทพดุสิต โชว์พุทธา” พี่ชายของ “นายเฟียต” ที่เคยเข้าไปเล่นในบ่อนไฮโลในซอย 29 ของ “นายอ๊อด” หัวหน้าแก๊งของกลุ่มผู้ก่อเหตุ แต่ “นายโฟล์ค” ดันเสียเงินหลักแสน จึงชวนเพื่อน ๆ ไม่ไปเล่นที่บ่อนดังกล่าวอีก จนทำให้ “นายอ๊อด” ไม่พอใจ คล้ายกับว่าเสียลูกค้า บวกกับก่อนหน้าเกิดเหตุไม่นาน “นายนิด” ลูกน้องของ “นายอ๊อด” ดันไปมีปัญหากับ “นายโฟล์ค” เรื่องเขตแดนที่มีการสร้างล้ำกัน
ล่าสุดวันที่ 22 พ.ย. 65 เวลา 17.00 น. “กัน จอมพลัง” ได้ลงตรวจสอบพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อพูดคุยกับญาติผู้เสียชีวิตถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้านนายกัน จอมพลัง เผยว่า วันนี้ตนได้ลงพื้นที่มาบริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อมาตรวจสอบความปลอดภัยของครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งตนอยากให้ฝั่งผู้ก่อเหตุรู้ไว้ว่า ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตไม่ได้อยู่เดียวดาย มีคนพร้อมจะดูแลและช่วยเหลือ โดยในวันพรุ่งนี้ช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. ตนจะพาครอบครัวผู้เสียชีวิตเดินทางไปที่กระทรวงยุติธรรมเพื่อนำเอกสารไปมอบให้ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ในเรื่องของการคุ้มครองพยาน เรื่องความปลอดภัยต่าง ๆ ทั้งนี้ตนยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ในส่วนเรื่องของบ่อนการพนันนั้น นอกจากที่ตนได้รับทราบข้อมูลจากทางผู้เสียชีวิตยังมีชาวบ้านละแวกจุดเกิดเหตุให้ข้อมูลอีกว่าบริเวณดังกล่าวมีการตั้งบ่อนจริงแต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง
หลังจากนั้น นายกัน จอมพลัง ได้เดินมาที่ซอย 29 ซึ่งเป็นบริเวณซอย 29 ซึ่งครอบครัวของผู้ตายบอกว่า เป็นสถานที่ที่เปิดเป็นบ่อนไฮโลนั้น และพบกับ น.ส.เอ็ม (นามสมมติ) หนึ่งในเครือญาติของนายอ๊อดที่กำลังนั่งบริเวณโต๊ะรับประทานอาหาร ซึ่ง นายกัน จอมพลัง ได้มีการสอบถามข้อมูลว่า โต๊ะบ่อนพนันที่มีการปรากฏในภาพโซเชียลฯ นั้นเป็นโต๊ะเดียวกับโต๊ะที่รับประทานอาหารนี้หรือไม่ ซึ่ง น.ส.เอ็ม หนึ่งในเครือญาติของนายอ๊อด ก็ยอมรับต่อหน้าญาติของผู้ตายและสื่อที่ยืนอยู่ตรงนั้นว่า เป็นโต๊ะเดียวกันจริงและภาพบ่อนที่มีการปรากฏในโลกโซเชียลฯ นั้นก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงปีที่แล้วประมาณ 17 ต.ค. 64 ซึ่งเป็นการเล่นพนันในลักษณะนั่งเล่นกันเองไม่ได้มีการเปิดบ่อนตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด และส่วนใหญ่คนที่เล่นก็มักจะเป็นเครือญาตกันเองซึ่งตนก็ไม่ได้รู้จักทุกคน
ซึ่งวันนี้ช่วงเช้าทีมข่าวย้อนกลับไปที่ซอย 29 ซึ่งเป็นบ้านของ “นายอ๊อด” หัวหน้าแก๊งของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิดจากลูกน้องของ “นายอ๊อด” ซึ่งเป็นภาพช่วงเวลาประมาณ 23.43 ของวันที่ 20 พ.ย. 65 โดยในภาพจะเป็นบริเวณซอยเชื่อมระหว่างซอยบ้านของผู้ตายและซอยบ้าน “นายอ๊อด” ในคลิปจะเห็นว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุประกอบไปด้วย “นายนิด” วิ่งหนีอะไรบางอย่างผ่านซอยไปด้วยท่าทีเร่งรีบ โดยในมือได้ถืออาวุธคล้ายไม้เบสบอลอยู่ด้วย จากนั้นจะมีเสียงคนเหมือนทะเลาะกัน ซึ่งลูกน้อง “นายอ๊อด” บอกว่าเป็นเสียงของฝั่งผู้ตายที่กำลังไล่ล่า “นายนิด”
จากนั้นไม่นาน “นายแป๊ก” หนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุก็เดินผ่านกล้องไปหา “นายนิด” แล้วก็มีกลุ่มผู้ตายที่ประกอบด้วย “นายเฟียต, นายโฟล์ค และ นายเบล” เดิมตามทั้ง 2 คนไป โดย “นายโฟล์ค” ส่งเสียงไล่ “นายนิด” ให้กลับบ้านก่อนจะพากันเดินกลับมาในเวลา 23.47 น. ซึ่งลูกน้องของ “นายอ๊อด” บอกว่า จริง ๆ แล้ว “นายนิด” ที่เป็นคนฝั่ง “นายอ๊อด” โดยไล่ล่าจะโดนทำร้ายก่อน จึงต้องมีการยกพวกกันไป
ด้าน “นางธิติมา โชว์พุทธา” อายุ 63 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เผยว่า ตนอยากร้องขอความเป็นธรรมกับครอบครัวของตนหลังจากที่ลูกชายคนเล็กถูกกระทำเช่นนี้ และ ณ ตอนนี้ ทางเจ้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุมตัวนายเดี่ยว หนึ่งในผู้ก่อเหตุได้เพียงแค่ 1 คน ทั้งที่กลุ่มผู้ก่อเหตุมีตั้ง 10 กว่าคนที่เข้ามาทำร้ายลูกชายตนจนเสียชีวิต ซึ่งตนวอนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยจับกุมตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดให้ได้โดยเร็วที่สุด ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ “นายโฟล์ค” พี่ชายคนตายเคยมีปัญหากับ “นายอ๊อด” หนึ่งในผู้ก่อเหตุจริง ส่วน “นายเฟียต” ไม่เคยมีปัญหากับ “นายอ๊อด” หรือกลุ่มผู้ก่อเหตุมาก่อนแต่อย่างใด มีแต่ช่วยห้ามปรามพี่ชายไม่ให้ไปก่อเรื่องที่ไหน
ในส่วนประเด็นที่ “นายอ๊อด” อ้างว่าก่อนเกิดเหตุทางกลุ่มผู้ตายได้มีการถืออาวุธมีดและพยายามไล่ทำร้ายกลุ่มของ “นายอ๊อด” นั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด มีแต่กลุ่มผู้ก่อเหตุเดินเข้ามาหาเรื่องลูกชาย ก่อนจะมีการรุมทำร้ายจนเป็นเหตุทำให้ลูกชายล้มลง จากนั้นคนก่อเหตุก็ใช้อาวุธปืนยิงสามนัดจนเป็นเหตุทำให้ลูกชายเสียชีวิต ตามภาพกล้องวงจรปิดที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ในส่วนภาพกล้องวงจรปิดที่ทางทีมข่าวได้มาจะเห็นได้ว่ากลุ่มของผู้ตายได้มีการเดินตามกลุ่มผู้ก่อเหตุเข้าไปในซอยแห่งหนึ่งก่อนเกิดเหตุ ซึ่ง “นางธิติมา “ ยอมรับว่าก่อนเกิดเหตุกลุ่ม ผู้ก่อเหตุได้มีการมานั่งต้มน้ำใบกระท่อมบริเวณข้างบ้าน ทางลูกชายจึงเดินเข้าไปตักเตือนเรื่องของกลิ่นน้ำกระท่อมจนทำให้ทะเลาะกัน และการที่กลุ่มของลูกชาย 3 คนได้เดินตามกลุ่มผู้ก่อเหตุนั้น เพียงเพราะต้องการพูดคุยไกล่เกลี่ยกันเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนานาจะหาเรื่องแต่อย่างใด หลังจากนั้นทางลูกชายก็ได้เดินกลับเข้ามากินเหล้าที่บ้านกัน โดยไม่ได้เอะใจอะไรแต่อย่างใดจนกระทั่งมาถูกยิง
ขณะที่ “นายอ๊อด” หรือ “นายปฏิวัติ พุ่มชูศรี” อายุ 46 ปี ขอเปิดหน้าชี้แจงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บอกว่าหลังตัวเองได้เห็นการสัมภาษณ์ของครอบครัวผู้ตายแล้วรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะที่มาบอกว่าตนเป็นคนบงการให้ “นายเดี่ยว” ไปยิงผู้เสียชีวิตยืนยันว่าไม่จริง
เนื่องจากจริง ๆ แล้วคืนนั่นก่อนเกิดเหตุ ขณะที่ตนนอนอยู่ในบ้านได้ยินเสียง “นายนิด” และ “นายแป๊ก” วิ่งมาบอกว่าโดนฝั่งผู้เสียชีวิตทำร้ายมาก่อนตามวงจรปิดที่ลูกน้องตนส่งให้สื่อฯ เมื่อเช้า ตนจึงรีบใส่เสื้อผ้าแล้วก็วิ่งไปดู โดยจะพกไม้เบสบอลไปด้วย เนื่องจากกลัวว่าทางฝั่งผู้เสียชีวิตจะทำร้าย เพราะว่าไปในพื้นที่ของเขา อยากให้ทางผู้เสียชีวิตเอาภาพกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมออกมาให้ดูทั้งหมด ไม่ใช่เอาแค่ตอนที่พวกตนเดินและวิ่งเข้าไปเท่านั้น และจริง ๆ แล้วก่อนที่จะมีการยิง “นายเฟียต” ควักมีดออกมาไล่จะแทงกลุ่มตนก่อน ตนก็เลยเข้าไปเพื่อจพถามว่าจะแทงกันทำไม ทำไมไม่พูดดี ๆ แต่อยู่ ๆ “นายเดี่ยว” ก็ควักปืนออกมายิง โดยที่ตนไม่รู้มาก่อนว่าเขามีปืนมาด้วย พอมีการยิงกันเกิดขึ้นพวกตนก็พากันออกมากลับมาบ้านไม่มีใครหลบหนี ตนยังเป็นคนโทรให้ “นายเดี่ยว” มามอบตัวที่บริเวณในซอย 29 เองด้วย
แต่นิสัยส่วนใหญ่ “นายเดี่ยว” จะเป็นคนรักพวกพ้อง และ “นายเดี่ยว” มีปัญหากับทางครอบครัวผู้เสียชีวิตคือเมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมาญาติฝั่งผู้ตายเอาพวกมาประมาณ 30 คน มายืนดักรอเพื่อจะรุมทำร้าย “นายเดี่ยว” แต่ไม่รู้ว่าปมสาเหตุอะไร ตอนนั้นตนก็เข้าไปห้ามว่าห้ามรุมถ้าตีจะต้องตัวต่อตัวจึงคาดว่านี่หรือไม่ที่เป็นปมให้ “นายเดี่ยว” ยิง ยืนยันตนไม่เคยมีปัญหากับใคร เพราะตนเป็นแค่เด็กที่โตมาในสลัมจนตอนนี้อายุ 46 ปี ไม่มีรู้จักกับนักการเมืองคนไหนแน่นอน มีแค่เขาเข้ามาหาเสียงแล้วตนก็ยกมือไหว้ถ่ายรูปกันก็แค่นั้น
สำหรับเรื่องบ่อน ตนบอกว่าอยากให้ดูว่าโต๊ะที่นั่งสัมภาษณ์อยู่นี่แหละ คือที่เล่นไฮโลตามภาพเป็นการแอบตำรวจเล่น ไม่ใช่บ่อนแน่นอน และที่บอกว่าแอบเล่นก็ไม่ได้เล่นมานานนับปีแล้ว ภาพที่ทางญาติผู้เสียชีวิตให้นักข่าวก็เป็นภาพหลายปี แล้วที่เห็นว่าเงินในมือของบุคคลในภาพมีจำนวนเยอะนั้น ก็เป็นเพราะว่าเวลาที่เขามาแอบเล่นแล้วเขาเสียเยอะเขาก็ต้องลงทุนเยอะ เพื่อให้ได้กลับมา และตนก็ไม่มีผู้อิทธิพลมาดูแลคุ้มครองตน มีแต่ฝั่งญาติผู้เสียชีวิตที่คนในพื้นที่ต้องก้มหัวให้เพราะญาติผู้เสียชีวิตเป็นนักการเมืองท้องถิ่น
ส่วนเรื่องทางคดีนั้น ตนก็ยินดีเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะวันนี้ตอนกลางวันก็เดินทางไปให้ปากคำบ้างแล้ว แต่ตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหาอะไร ส่วนที่ครอบครัวของผู้ตายยืนยันว่าจะดำเนินคดีร่วมกันฆ่ากับบุคคลทั้งหมดในกล้องวงจรปิดนั้น ตนมองว่าไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะปืนมีเพียงแค่ 1 กระบอก จะร่วมกันยิงเกือบ 10 คนไม่ได้ ดังนั้นตนก็พร้อมจะสู้กันตามข้อกฎหมาย
Advertisement