จากกรณีเพจ "สายไหม ต้องรอด" ได้โพสต์ภาพหนุ่มคนหนึ่งถูกมีบาดแผลไฟไหม้ตามร่างกาย ขนบริเวณเหนืออวัยวะเพศ ระบุข้อความไว้ว่า "รับน้องโหด รุ่นพี่ปี 3 มหาวิทยาลัยชื่อดัง รับน้องโหด สเปรย์พ่นจุดไฟเผามอย ทำรุ่นน้องปี 1 ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขู่หากแจ้งความจะทำให้เป็นแกะดำและจะบีบให้เพื่อนทั้งรุ่นรังเกียจจนเรียนต่อไม่ได้ แม่ทราบเรื่องตัดสินใจพาลูกลาออกทันที ร้อง #เพจสายไหมต้องรอด เอาเรื่องถึงที่สุด!"
ล่าสุดวันที่ 16 พ.ย. 65 เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ สน.บางพลัด นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้พานายเอ็ม (นามสมมติ) อายุ 19 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งย่านเทเวศร์ ผู้เสียหาย พร้อมคุณแม่เดินทางมาติดตามสอบถามความคืบหน้าคดีกับพันตำรวจเอกปริญญา เหลืองอุทัย ผกก.สน.บางพลัด หลังถูกรุ่นพี่ปี 3 คณะครุศาสตร์ อุตสาหกรรม สาขาเครื่องกล มหาวิทยาลัย ที่รับน้องโหดโดยได้ทำร้ายร่างกาย เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ 31 ต.ค. 65 และผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า
จากนั้น "เอก สายไหม" ได้พาน้องเอ็มเข้าพบกับ พันตำรวจเอกปริญญา เหลืองอุทัย ผกก.สน.บางพลัด พร้อมกับโชว์บาดแผลที่ถูกรุ่นพี่ปี 3 ทำร้ายให้ผู้กำกับและนักข่าวดู ผู้กำกับยืนยันว่าจะเร่งดำเนินคดีกับรุ่นพี่ที่กระทำความผิด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลจากแพทย์ก่อนว่าบาดแผลนั้นเข้าข่ายบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ แต่เบื้องต้นได้เตรียมแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ กับรุ่นพี่ที่ก่อเหตุแล้ว อยู่ระหว่างการเชิญตัวมาสอบปากคำ
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือ เอก สายไหม บอกถึงเหตุผลที่วันนี้ต้องพาน้องเอ็ม ผู้เสียหาย มาติดตามความคืบหน้าคดี เนื่องจากน้องเอ็มกลัวความไม่ปลอดภัย เพราะถูกรุ่นพี่ข่มขู่ไว้ว่าหากนำเรื่องไปแจ้งความจะทำให้เป็นแกะดำในกลุ่ม และจะบีบให้เพื่อนทั้งรุ่นรังเกียจ จนเรียนต่อไม่ได้ ประกอบกับฐานะทางบ้านของน้องค่อนข้างยากจน ทำให้เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือไม่มีเงินทองจะไปต่อสู้คดี จึงพาน้องและแม่น้องไปเข้ากับท่านผู้กำกับฯ ให้เกิดความสบายใจ และให้ความมั่นใจกับน้องว่ารุ่นพี่ที่ทำร้ายน้องจะถูกต้องถูกดำเนินคดี
นายเอ็ม อายุ 19 ปี น้องปี 1 ผู้ถูกทำร้าย เปิดใจว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 65 ช่วงเวลาประมาณ 4-5 โมงเย็น รุ่นพี่ที่คณะเรียกให้ไปรับน้องที่ห้องพักในอะพาร์ตเมนต์ ย่านจรัญสนิทวงศ์ 68 เมื่อไปถึงก็มีรุ่นพี่ 4 คน และรุ่นของตนเองอีก 4 คน ตอนแรกก็ทำกิจกรรมรับน้องปกติ ให้วิดพื้น กระโดดตบ ร้องเพลง
จากนั้นมีรุ่นพี่ชื่อเฟรม (นามสมมติ) ได้เรียกตนเองเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นได้บังคับให้ตนเองถอดเสื้อแล้วเอามาปิดตา พร้อมกับบอกให้ตนเองถอดกางเกง แล้วเอามือกุมอวัยวะเพศปิดเอาไว้ ตนเองด้วยความกลัวจึงทำตาม ก่อนที่รุ่นพี่คนดังกล่าวจะเอาสเปรย์สีมาพ่นแล้วใช้ไฟแช็กจุดไฟเผาขนเพชรของตนเองจนไหม้เกรียม และไฟลามไปตามร่างกายและบริเวณแขนตนเอง ขณะนั้นได้รีบเอาเสื้อลงแล้วร้องด้วยความเจ็บปวด บอกรุ่นพี่ว่า "ผมไม่ไหวแล้ว" เพราะมันร้อนมาก แต่รุ่นพี่ไม่หยุด ยังทำแบบเดิมครั้งที่ 2 ทำให้แผลยิ่งเจ็บรุนแรง
ตอนนั้นทนไม่ไหวจึงร้องและบอกให้พี่เขาหยุด จากนั้นพี่เขาตกใจเพราะเห็นไฟลุกเยอะมาก จึงได้เดินออกจากห้องน้ำไป โดยที่รุ่นพี่และเพื่อนอีก 3 คนที่อยู่ในห้องไม่เห็นเหตุการณ์ หลังจากที่เกิดเหตุขึ้นรุ่นพี่ไม่สนใจ บอกให้ทำกิจกรรมต่อทั้งที่ตนเองเจ็บมาก หลังจากเสร็จกิจกรรม ตนเองจึงรีบขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน โดยไม่ได้รับหอพัก เพราะไม่รู้ว่าจะตายหรือไม่ ยอมขี่รถไปซื้อน้ำแข็งถุง และประคบแผลที่ถูกไฟไหม้ ขี่กลับบ้านระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร เเละแอบไปรักษาโรงพยาบาล ตนเองอดทนไม่กล้าบอกครอบครัวหรือแจ้งความ เพราะไม่อยากออกจากมหาวิทยาลัย เนื่องจากสัญญากับแม่ไว้ว่าจะตั้งใจเรียนให้จบ
แต่หลังจากผ่านไป ตนเองทนเจ็บไม่ไหว เพราะมีแผลที่หน้าท้อง เนื้อถลอกหมด จึงได้ตัดสินใจไปบอกแม่และไปหาหมอ และบอกครอบครัว หลังจากที่เกิดเหตุ รุ่นพี่ได้มาบอกว่า "อย่าเอาเรื่องเลย อย่าไปแจ้งความ เดี๋ยวเขาจะช่วยเหลือ" พร้อมกับบอกกับตนเองผ่านสายโทรศัพท์ว่า "แผลไม่ได้เป็นอะไรหนักมากเลย" วันที่ 7 พ.ย. 65 จึงได้เดินทางมาแจ้งความที่ สน.บางพลัด
ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รุ่นพี่บอกตนเองว่าไม่ได้บังคับให้มารับน้อง แต่ลักษณะการกระทำคือมายืนล้อมและพูดกดดันตนเอง ด้วยความไม่รู้ ทำให้ตนเองตัดสินใจไป จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนเองไม่รู้จะฝากบอกอะไรถึงรุ่นพี่ เพราะเหตุการณ์รับน้องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ตนเองจะเตรียมใจมาแล้วว่าจะถูกรับน้องก็ตาม แต่ไม่คิดว่าจะโหดร้ายขนาดนี้ ซึ่งล่าสุดตนเองได้ตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยนี้แล้ว เนื่องจากกลัวความไม่ปลอดภัย และเสียใจมากที่ไม่ได้เรียนต่อในสิ่งที่ตนเองอยากจะเรียน เพราะต้องมาเจอกับรุ่นพี่พวกนี้ อยากให้ตำรวจช่วยตามคดีให้กับตนเองด้วย
ล่าสุด มีแชตการสนทนาระหว่างแฟนสาวของผู้เสียหาย กับนายเฟรม รุ่นพี่ปี 3 ที่ทำร้ายอีกด้วย นายเฟรมพยายามตกลงว่าจะช่วยค่ารักษาพยาบาลและค่ากินอยู่ให้กับน้องเอ็ม แต่มีข้อแม้ว่าทุกค่าใช้จ่ายจะต้องเขียนรายละเอียด และถ่ายรูปอาหาร สลิปการจ่ายเงินทุกอย่างให้เป็นหลักฐานด้วย นายเฟรมอ้างว่ากลัวทางฝั่งผู้เสียหายบวกเงินเพิ่ม ขนาดซื้อข้าวยังต้องถ่ายรูปมาให้ดูว่ากินอะไร
แต่หลังจากนั้นนายเฟรมได้จ่ายเงินช่วยเหลือให้แค่ 3 วันแรก คือ 31 ต.ค.- 2 พ.ย. 65 หลังเกิดเหตุ รวมเป็นเงินประมาณ 1,200 บาท จากนั้นนายเฟรมได้ส่งข้อความมาบอกในวันที่ 7 พ.ย. 65 ว่าเดี๋ยวจะหยุดให้เงินค่ากินและค่ารักษาแล้ว ส่วนฝั่งผู้เสียหายเรียกค่าเสียหาย 20,000 บาท อีกฝ่ายขอทยอยจ่ายและต่อรองว่า "ขอให้ไม่ดึงเรื่องเข้ามหาวิทยาลัยได้ไหม"
ต่อมาตำรวจชุดสืบสวน สน.บางพลัด พาผู้เสียหายและและแม่ผู้เสียหายชี้จุดเกิดเหตุ ภายในอะพาร์ตเมนต์ ย่านจรัญสนิทวงศ์ 68 โดยชุดทำงานได้พาผู้เสียหายขึ้นไปชี้ที่ห้องพัก ตามคำให้การบริเวณชั้น 6 ของอะพาร์ตเมนต์ ก่อนที่จะลงมาดูภาพกล้องวงจรปิดของหอพัก เก็บภาพจากกล้องวงจรปิดบางส่วนไว้แล้ว จุดนี้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เบื้องต้นไม่พบตัวรุ่นพี่ที่ก่อเหตุอยู่ในห้องพัก
จากนั้นพาผู้เสียหายไปชี้จุด ด้านหน้าอะพาร์ตเมนต์ในละแวกใกล้เคียงที่ผู้เสียหายเอารถจักรยานยนต์มาจอดเข้าไปหารุ่นพี่ เพื่อหาภาพกล้องวงจรปิดประกอบสำนวน ดำเนินคดีกันคู่กรณี ซึ่งจากข้อมูลในการไล่ภาพกล้องวงจรปิด พบว่าผู้เสียหายและรุ่นพี่มีทั้งหมด 8 คน แบ่งเป็นรุ่นน้องปี 1 ทั้งหมด 4 คน และรุ่นพี่อีก 4 คน เข้ามาในอะพาร์เมนต์เวลาประมาณ 14.00 น. และเดินออกจากห้องพัก 18.10 น. ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างไล่ไทม์ไลน์ทั้งหมดตามคำให้การของผู้เสียหาย
จากนั้น ได้นำตัวผู้เสียหายมาสอบสวนต่อที่ สน.บางพลัด ขณะเดียวกันทางตำรวจอยู่ระหว่างการประสาน ติดตามตัวรุ่นพี่ที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี ซึ่งตำรวจคาดว่าจะได้ตัวไม่เกินวันที่ 17 พ.ย. 65 ก่อนเที่ยง
Advertisement