กรณีชายคลั่งยิงคนกลางทุ่งนาตาย 1 เจ็บ 1 ตำรวจเข้าระงับเหตุถูกยิงเจ็บอีก 1 โดยเหตุอุกอาจดังกล่าวเกิดขึ้นวันที่ 9 พ.ย. 65 เวลา 15.30 น. นายพีระ อมรศิริวัฒนา หรือ อาห่า อายุ 55 ปี ซึ่งมีอาการทางจิต เกิดอาการคลั่งใช้อาวุธปืนพกปืนสั้นยิงคนกลางทุ่งนา ขณะกำลังเกี่ยวข้าวในพื้นที่ หมู่ที่ 9 ต.จางเหนือ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง
วันที่ 10 พ.ย. 65 เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการด่วนให้ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 และ พล.ต.ต.มงคล สัมภะวะผล ผบก.ภ.จ.ลำปาง นำชุดปฏิบัติการพิเศษร่วมกับกำลังตำรวจ สภ.แม่เมาะ ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดลำปาง กำลังอส. ประมาณ 100 นาย เข้าไล่ล่าและกดดันมือปืนผู้ก่อเหตุ
โดนเจ้าหน้าที่ได้นำโดรนจับความร้อนบินขึ้นบนกลางป่าข้าวโพดในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกผู้ก่อเหตุยิงได้รับบาดเจ็บและยังเป็นจุดที่อยู่ใกล้บ้านของผู้ก่อเหตุ
กระทั่งเวลา 10.00 น. ตำรวจได้จับกุมตัว นายพีระ อมรศิริวัฒนา หรือ อาห่า ผู้ก่อเหตุ และควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณแนวป่าลึกที่คนร้ายหลบหนีไปซ่อนตัว นายพีระ ยังอยู่ในอาการหลอนพูดคนเดียวพึมพำจินตนาการไปต่าง ๆ นานา
หลังจากนั้นมีการคุมตัวผู้ต้องหามาที่สถานีตำรวจภูธรแม่เมาะ ทีมข่าวได้เข้าไปพูดคุยกับผู้ต้องหา โดยเจ้าตัวยังอยู่ในอาการมึนงงสับสน ทีมข่าวสอบถามว่าทำไปเพราะอะไรเจ้าตัวบอกว่า ตัวเองเบลอ ๆ ยังบอกอีกว่าไม่ได้นอนมาเป็นระยะเวลา 3 วัน และมีการพึมพำบางอย่างซึ่งไม่สามารถจับใจความได้
จากนั้นมีการนำตัวนายพีระขึ้นไปบนห้องประชุมชั้น 2 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบปากคำเบื้องต้นและมีเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเดินทางมาเก็บดีเอ็นเอของ นายพีระ พร้อมทั้งตรวจสอบอาวุธปืนพกสั้นและเครื่องกระสุนด้วย
เบื้องต้นจากการสอบสวนปมเหตุมาจากการที่ผู้ต้องหามีความฝังใจ เนื่องจากเคยก่อเหตุมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 51 โดยขณะนั้นก่อเหตุฆ่าภรรยาและชายที่สนิทสนมกับภรรยา ครั้งนี้ผู้ต้องหาคิดไปเองว่า พี่สะใภ้กำลังจะมีชู้จึงลงมือก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงพี่สะใภ้เสียชีวิต ก่อนจะยิงผู้อื่นได้รับบาดเจ็บอีก ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าปิดล้อมตรวจค้นตั้งแต่เวลา 15.30 น. จนกระทั่งเวลา 17.00 น. มีการยิงปะทะสู้กับคนร้าย จนมีตำรวจ 1 นายได้รับบาดเจ็บ จนจับตัวได้เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา
นายอาโก หมื่นวิฒนน์ ผู้บาดเจ็บ เผยว่าในตอนที่เกิดเหตุตนดำนาอยู่ ตอนนั้นไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ ตนได้รับปาดเจ็บคือถูกกระสุนยิงเข้าที่นิ้วมือด้านซ้ายจำนวน 1 นัด
สิบตำรวจโทนิพัฒน์ ตำรวจที่เข้าระงับเหตุแล้วได้รับปาดเจ็บ กล่าวว่า หลังรับแจ้งถึงพฤติกรรมคนร้ายส่วนตัวพร้อมพวกรวม 8 คน จึงรีบเข้ากดดันคนร้ายเพื่อจับกุม แต่บริเวณดังกล่าวมีภูมิประเทศเป็นป่าละเมาะ จึงถูกคนร้ายใช้ปืนยิงกระสุนถูกที่ต้นขาขวา 1 นัด ตอนนี้อาการปวดลดลงแล้ว ยอมรับว่าขณะนี้มีสภาพจิตใจดีขึ้นตามลำดับ หลังได้กำลังใจที่ดีจากครอบครัวและผู้บังคับบัญชา
นายสุรัตน์ อมรศิริวัฒนา พี่ชายผู้ก่อเหตุและเป็นพี่เขยผู้ตาย เปิดเผยว่านายพีระเริ่มติดยามา 10 ปีแล้ว โดยมีอาการขึ้น ๆ ลง ๆ หากไม่มีอาการคลั่ง ก็จะนอนหลับทั้งวัน เคยพาไปบำบัดรักษาแล้วแต่ไม่นานก็ถูกปล่อยออกมา เคยแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พาตัวไปรักษามากกว่า 10 ครั้ง ก็ไม่เป็นผล จากการตรวจสมองและสภาพจิตพบว่าปกติไม่มีความผิดปกติ
ส่วนคดีเก่าของนายพีระ เมื่อปี 51 นั้น ช่วงเวลาดังกล่าวนายพีระระแวงภรรยาตัวเองว่าจะปันใจให้ชายอื่น ช่วงที่ออกไปทำงาน เคยพูดให้ตนเองฟังอยู่ว่าสงสัยเมียจะมีชู้ วันที่เกิดเหตุนายพีระไปทำงานช่วงกลางคืน และกลับมาบ้านในช่วงเช้า เปิดห้องนอนพบภรรยา นอนอยู่กับชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นชาว จ.พิษณุโลก จึงใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงทั้งคู่คาที่นอนในสภาพกอดกัน โดยปมก่อเหตุครั้งนั้นมาจากบันดาลโทสะไม่มีเรื่องยาเสพติดเกี่ยวข้อง
หลังจากนั้นตนเองเป็นคนเกลี้ยกล่อมให้น้องชายไปมอบตัว ช่วงที่กำลังจะเดินทางไป สภ.แม่เมาะ ตำรวจจึงเดินทางเข้าจับกุม หลังจากนั้นนายพีระถึงตัดสินจำคุกประมาณ 2 ปีกว่า หลังจากออกจากคุกมาประมาณปี 53 และเริ่มเสพยาเสพติด จากนั้นก็มีภรรยาคนที่ 2 เป็นชาว อ.งาว จ.ลำปาง คบหากันไม่นานก็เลิกไป กระทั่งประมาณปี 55 มีภรรยาคนที่ 3 เป็นชาว จ.เชียงใหม่ มีลูกด้วยกัน 1 คน แต่ลูกเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ ระยะหลังนายพีระเสพยาภรรยาจึงหนีออกจากบ้านไป
ส่วนผู้ตาย เป็นคนใจดี เป็นที่รักของทุกคน ทั้งคู่ไม่เคยมีปัญหากันมาก่อนปมเหตุที่เกิดขึ้นมาจากนายพีระคลั่งจากฤทธิ์ยา ซึ่งในชุมนก็ยังมีปัญหายาเสพติดอีกมาก ที่มองว่าการแก้ไขของหน่วยงานภาครัฐ ตำรวจ เข้ามาไม่ถึง ก่อนหน้าที่จะพบตัวนายพีระ เมื่อวานครอบครัวคุยกันแล้วว่าอยากให้ตำรวจจับตาย แต่ตอนนี้เขายังไม่ชีวิตอยู่พอหลังออกมาจากติดคุกคนในชุมชนก็คงหวาดกลัวยังไม่รู้จะทำอย่างไร
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ได้เดินทางมาสอบสวนด้วยตัวเอง เปิดเผยว่าเบื้องต้นกำลังเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ หลังจากนี้จะนำส่งต่อเพื่อหาสารเสพติดต่อไป ตำรวจแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ คาดว่าศาลคงตัดสินให้รับโทษสูงสุดเพราะมาก่อเหตุซ้ำ
ส่วนปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ทางตำรวจภูธรภาค 5 ได้มีการปิดล้อมตรวจค้นตามวงรอบและต้องทยายเครือข่ายยาเสพติด ทั้งรายใหญ่และรายย่อยในชุมชน รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่
ในวันเดียวกันนี้ เวลา 16.30 น. ญาติได้นำร่างของ นางศศิประภา มายังบ้านเพื่อประกอบพิธีตามศาสนาคริสต์ โดยตามธรรมเนียมอาข่าจะมีการจุดกองฟืนไว้หน้าบ้านและแบกโลงศพข้ามกองฟืน เพื่อสื่อเป็นนัยยะว่าจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ไม่ดีอีก ให้เหตุการณ์นี้เป็นครั้งสุดท้าย โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
Advertisement