ชูวิทย์แค้นจัดลั่น "กูจะจองเวรมึง" สันธนะยิ้มเย้ยแจ้งจับหมิ่น ระทึก "สนธิ" ถกป๋าชูลากไส้ (คลิป)
กรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักผ่าน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปยังสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เพื่อติดตามความคืบหน้า กรณีการทลายบ่อนจีนและธุรกิจเครือข่าย หลังจากที่มีการลงพื้นที่ตรวจค้น 26 จุดทั่วประเทศ จากนั้นได้มีการประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีคนจีนถูกตัดนิ้วเรียกค่าไถ่ ที่ พัทยา จ.ชลบุรี นั้น
ช่วงหนึ่งที่ห้องประชุมชั้น 3 ของ สน.ทองหล่อ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม ในฐานะพลเมืองดี ได้ทำหนังสือและเอกสารข้อมูลบางส่วน ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญโดยอ้างว่าเป็นข้อมูลที่สามารถที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานเกี่ยวกับกระบวนการการเปิดบอลและการทำธุรกิจของกลุ่มชาวจีน
ในระหว่างที่มีการยื่นหนังสือนั้น ปรากฏว่าช่วงที่ นายชูวิทย์ กำลังยื่นหนังสือและพูดคุยอยู่กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ เพื่อที่จะมอบเอกสารหลักฐานสำคัญ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการทำธุรกิจของแก๊งชาวจีน ปรากฏว่า พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ได้เดินทางมาที่หน้าห้องประชุม โดยได้เดินทางมาพร้อมกับทีมงานมาเคาะประตูห้องประชุม เพื่อที่จะเข้าไปร่วมรับฟังและเข้าไปภายในห้องที่มีการแถลงข่าว แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการปิดล็อกยังไม่อนุญาตให้เข้าไป
จนกระทั่งการแถลงข่าวได้การรับหนังสือจากนายชูวิทย์เสร็จสิ้นลง ทางด้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ ได้ทยอยออกจากห้องประชุมพร้อมกับผู้สื่อข่าวและนายชูวิทย์ โดยช่วงหนึ่งระหว่างที่ลงมาจากบันไดนั้น พล.ต.อ. สุรเชษฐ ได้เชิญขอให้ พ.ต.ท.สันธนะ ไปพูดคุยและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางมาในวันนี้ที่ห้องผู้กำกับ สน.ทองหล่อชั้นล่าง
และเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ นายชูวิทย์ เดินลงบันไดตามหลังมา บางช่วงเจ้าตัวได้ตะโกนถาม “สันธนะไปไหน แน่จริงก็มา มีไรก็มาคุย” แต่ในระหว่างนั้นตัวของ นายชูวิทย์ ก็มีผู้สื่อข่าวห้อมล้อมและค่อยสัมภาษณ์ระหว่างเดินทางลงมาจากชั้น 3 จากนั้นนายชูวิทย์ก็ได้มีการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวอยู่ที่หน้าโรงพัก
หลังจากที่ พ.ต.ท.สันธนะ มีการร่วมพูดคุยกับ พล.ต.อ. สุรเชษฐ เสร็จ ได้เดินตามหลังออกมา ตัวของนายชูวิทย์ได้หันไปตะโกนท้าทาย และพยามเดินปรี่เข้าไปหา พ.ต.ท.สันธนะ ซึ่งก็มีลูกน้องและคนสนิทที่เป็นผู้ติดตามคอยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ อีกครั้งได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจของโรงพักทองหล่อเข้ามาช่วยระงับเหตุการณ์ แต่ช่วงเวลาดังกล่าวนั้นค่อนข้างวุ่นวายเพราะเนื่องจากตัวของ นายชูวิทย์ ไม่ยอมต้องการที่จะเผชิญหน้าและท้าดวลตัวต่อตัวกับ พ.ต.ท.สันธนะ แต่ช่วงเวลาชุลมุนก็เกิดขึ้นไม่นาน ทางด้านของผู้กำกับได้ลงมาเคลียร์ปัญหาและขอให้แยกย้ายไปก่อน
และเมื่อเวลา 19.30 น. พ.ต.ท.สันธนะ ได้เข้าไปพูดคุยกับพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นร้อยเวรประจำวันของสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ โดยได้มีการดูคลิปย้อนหลังและนำข้อมูลมามอบให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อที่จะดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท หลังจากที่มีการไลฟ์สดและมีการกล่าวถึงหลายต่อหลายครั้ง และเตรียมที่จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในข้อหาหมิ่นประมาทซึ่งหน้า หลังจากที่มีการท้าดวลตัวต่อตัวต่อหน้าผู้สื่อข่าวบริเวณหน้าโรงพัก
ขณะที่นายชูวิทย์ เดินตามลงมาแสดงความรู้สึกมีอารมณ์ขึ้นและประกาศว่าจะยืนรอจนกว่านายสันธนะออกมาจากห้องเพื่อจะขอถามว่ามันเกี่ยวข้องอะไร แล้วมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำไม ในฐานะอะไร หลังจาก 10 นาทีผ่านไปนายสันธนะออกจากห้องผกก.สน.ทองหล่อ ลงมาที่ชั้นล่างพบกับนายชูวิทย์ที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอยู่ นายชูวิทย์ออกปากว่าให้มาคุยกันตัวต่อตัวพร้อมกับกระชากเนกไทตัวเองออก ขณะที่นายสันธนะอยู่ในอาการยิ้มที่มุมปาก เมื่อทั้งสองคนมาเจอกันนายชูวิทย์ปรี่เข้าไปประจันหน้ากับนายสันธนะ เกือบมีการวางมวยกัน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ เข้าควบคุมสถานการณ์ไว้โดยจับทั้งคู่แยกออกโดยไม่มีการปะทะกันแต่อย่างใด
ขณะที่นายชูวิทย์นั้นประกาศตัดขาดกับนายสันธนะ และขอจองล้างจองผลาญกับนายสันธนะตลอดไป ไม่ว่าจะไปโผล่ที่บ่อนไหน หรือที่ไหนก็ตาม ก่อนนายชูวิทย์จะแยกย้ายกลับไป ขณะที่นายสันธนะเดินไปพักในห้องพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ยกนิ้วโป้งให้นายชูวิทย์ แล้วบอกว่า “เยี่ยมๆ” โดยนายสันธนะเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีกับนายชูวิทย์ฐานข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า
โดยนายชูวิทย์กล่าวว่า ยืนยันว่ามาทำหน้าที่เป็นพลเมืองดี เพื่อเปิดเรื่องนึ้ให้สังคมไทยเห็นว่ากลุ่มทุนจีนดังกล่าวมีความอันตรายอย่างไร พูดเรื่องนี้มานานหลายเดือนแล้ว กระทั่งมาพูดถึงกลุ่ม 5 เสือจีนที่ถูกจับกุมไป 2 คน เหลือ 3 คนที่ยังหลบหนี ถ้า 5 คนนี้บริสุทธิ์จริงจะหลบหนีทำไม ไม่จำเป็นต้องหลบหนีจะซื้อรถอะไรก็ซื้อได้ไม่ต้องใส่ชื่อคนอื่นมาสวม ที่ผ่านมาไม่เคยเอ่ยชื่อนายสันธนะแม้แต่คำเดียว จู่ ๆ นายสันธนะก็โผล่มาที่โรงแรมตนแล้วก็ถ่ายคลิปว่ามีการจัดงานมั่วสุมในโรงแรม
ตนเป็นผู้ใหญ่อายุ 60 ปีแล้ว ผ่านอะไรมาเยอะ โรงแรมตนเป็นระดับ 5 ดาว ต้องต้อนรับแม้ตำรวจจะมีการปิดกั้นพื้นที่ทำให้เกิดความเสียหายแต่ตนยินยอมแต่โดยดี แต่นายสันธนะกลับมีพฤติกรรมที่ประหลาดมาด่าว่าพลเมืองดีอย่างตนเห็นควรที่ทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ควรจะปกป้องตนด้วย
นายชูวิทย์เปิดเผยอีกว่า นายสันธนะให้สัมภาษณ์สื่อหนึ่งที่ระบุว่ารู้จักกับคนจีนทั้ง 5 คน และอ้างว่าคนจีนเป็นกลุ่มบริสุทธิ์ตนมีคลิปหลักฐานที่นายสันธนะให้สัมภาษณ์ว่ารู้จักกับกลุ่มจีน 5 เสือ และเอ่ยชื่อพาดพิงถึงนักการเมืองคนหนึ่ง ว่ารู้จักดีและฝากให้ดูแลกลุ่มทุนจีนดังกล่าว อย่าให้ใครรังแกจึงนำคลิปหลักฐานและเอกสารทั้งหมดมายื่นแก่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และขอให้ความเป็นธรรมแก่พลเมืองดีที่ทำเพื่อสังคมที่นำข้อมูลมาเปิดเผยเรื่องนี้มันเป็นขบวนการมีการเอาคนออกมาปกป้องเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ
ด้าน พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล เผยว่า ตนเองตั้งใจที่จะเดินทางมาเพื่อแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทกรณีที่นายชูวิทย์มีการลงคลิปและให้สัมภาษณ์กับสื่อบางสำนัก โดยมีการพาดพิงกล่าวถึงคำว่า ”สันขวาน” ซึ่งเป็นการสื่อถึงตนเองทำให้เกิดความเสื่อมเสียและเป็นการหมิ่นประมาท ดังนั้นจึงตั้งจัยเดินทางมาที่ สน.ทองหล่อ แต่ปรากฏว่าทันทีที่เดินทางมาถึงได้ขึ้นไปที่ห้องประชุมพบว่านายชูวิทย์กำลังมีการยื่นหนังสือเกี่ยวกับเอกสารชุดหนึ่งเป็นการให้ข้อมูล เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของชาวจีน แต่ได้มีการกล่าวถึงชื่อของตนเองว่าเข้าไปเกี่ยวข้องและปกป้องธุรกิจกลุ่มจีน ทำให้ตนเองตัดสินใจที่จะเคาะประตูห้องประชุมเพื่อที่จะเข้าไปทำการชี้แจงกับสื่อ แต่ในเมื่อถูกกีดกันไม่สามารถเข้าไปได้ ตนเองก็ได้รลงมาเจอกับรองโจ๊กข้างล่างเพื่อที่จะสอบถามเกี่ยวกับการเข้ามาให้ข้อมูลดังกล่าวของนายชูวิทย์
แต่ปรากฏว่าช่วงหนึ่งตามที่สื่อเกือบทุกสำนักมีการบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ได้ ตัวของนายชูวิทย์มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมบริเวณพื้นที่สถานที่ราชการ คือหน้า สน. และมีการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมหยาบคายในการท้าทายท้าตีท้าต่อย ซึ่งส่วนตัวก็ยังเคารพสถานที่ราชการรวมทั้งเคารพพื้นที่โรงพัก ไม่ได้มีอาการหรือพฤติกรรมที่จะลงไปมีเรื่องกับนายชูวิทย์ และตนเองก็แยกแยะถูกว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ราชการไม่ใช่เวทีมวย ดังนั้นจึงอยากให้แยกแยะและเคารพสถานที่ ส่วนตอนที่ถูกหาเรื่องนั้นตนเองก็ได้แต่ยืนยิ้มเพราะไม่ได้เข้าไปมีเรื่องกับเจ้าตัว
แต่ส่วนการกระทำที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการให้สัมภาษณ์หรือการไลฟ์สด มีการพาดพิงถึงตนเองนั้นก็ต้องว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งตอนนี้ได้มีการส่งหลักฐานเหล่านั้นให้กับพนักงานสอบสวนไปแล้ว และที่สำคัญก็จะมีการแจ้งเพิ่มในข้อหาหมิ่นประมาทซึ่งหน้า โดยการกระทำของนายชูวิทย์วันนี้ต่อหน้าสื่อมวลชนทั้งการใช้คำพูดและพฤติกรรม ถือว่าความผิดเกิดขึ้นแล้วดังนั้นก็ต้องว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย และหลังจากนี้ตนเองก็ไม่มีอะไรที่จะร่วมพูดคุยส่วนตัวกับนายชูวิทย์ มีอะไรก็ว่าไปตามกระบวนการ
ขณะที่เฟซบุ๊ก คุยทุกเรื่องกับสนธิ ของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้เผยแพร่ภาพนั้งคุยกับ นายชูวิทย์ พร้อมระบุข้อความว่า "จะมีเรื่องอะไร? ศุกร์นี้รู้กัน"
Advertisement
