บีบใจเมียตำรวจถูกซ้อมต่อหน้าลูกเตรียมฆ่าตัวตาย ได้ "กัน" ช่วย แฉผัวชอบพี้ ผกก.เมินช่วย (คลิป)

จากกรณีนางสาวเจี๊ยบ อายุ 44 ปี ภรรยาของเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจังหวัดเชียงใหม่ (สภ.ฮอด) ได้เดินทางมาพบ "กัน จอมพลัง" หรือ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ เนื่องจากสามีติดยาเสพติด ชอบมึนเมาทำร้ายร่างกายอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังใช้ถุงดำคลุมหัวตัวเองกับลูก เมื่อร้องเรียนไปยังผู้บังคับบัญชาก็คืบหน้า

วันที่ 9 พ.ย. 65 กัน จอมพลัง ได้พาผู้เสียหายมาร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยมี พ.ต.อ.เสกสรร วัฒนพงษ์ รองผบก.สพฐ.ตร. นายตำรวจเวรอำนวยการเป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ

นางสาวเจี๊ยบ (นามสมมติ) อายุ 44 ปี ผู้เสียหาย ขณะนี้เลี้ยงลูกชายวัย 6 ขวบเพียงลำพัง เปิดใจเล่าว่า ตนรู้จักสามีผ่านเฟซบุ๊กในช่วงปี 2557 สามีได้เข้าบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจพอดีที่ จ.ปัตตานี หลังจากที่อีกฝ่ายเข้ารับการอุปสมบทแล้ว ตนกับอีกฝ่ายก็ได้ตกลงแต่งงานกัน จดทะเบียนสมรสกันในวันที่ 22 พ.ค. 58 สามีเป็นคนดีรักครอบครัว และอยากจะสร้างครอบครัวมีลูกกับตน

แต่เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นคนก้าวร้าว และมีพฤติกรรมติดเพื่อน ทำให้อีกฝ่ายเริ่มมีปัญหากับผู้บังคับบัญชา ดื่มน้ำกระท่อมเป็นประจำ คาดว่าน่าจะเริ่มพัวพันยาเสพติด ทำให้นิสัยเปลี่ยนไป แต่ยังจับไม่ได้ จนถูกสั่งย้ายไปเป็นครูฝึกที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 9 ที่จังหวัดยะลา ตั้งแต่ปี 2558-2565 ในขณะช่วงปี 2558 ตนตั้งครรภ์ ตนจึงได้ย้ายกลับมาอยู่กับครอบครัวที่ จ.สงขลา เพื่อดูแลลูกหลังคลอด เนื่องจากตนไม่สามารถดูแลลูกเพียงลำพังในขณะที่สามีทำงานได้

แต่เมื่อตนปล่อยให้สามีอยู่ลำพังที่ จ.ยะลา สามีก็เริ่มเปลี่ยนไป เริ่มไม่ส่งเงินมาให้หรือส่งมาน้อย ปกติจะส่งให้เดือนละ 5,000 บาท อ้างว่ามีความจำเป็นต้องใช้เงิน จนสุดท้ายตนจับได้ว่าอีกฝ่ายนำเงินไปซื้อยาเสพติด ตนจึงพาลูกชายขณะนั้นอายุ 6 เดือนไปอยู่กับสามีที่ศูนย์ฝึก จ.ยะลา เพื่อควบคุมพฤติกรรมของสามี อีกทั้งตนยังรับจ้างขับรถ และรีดผ้า ทำความสะอาดภายในศูนย์ฝึก เพื่อหาเงินเพิ่มเติมในการเลี้ยงลูก

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ที่ตนย้ายมาอยู่ศูนย์ฝึก จ.ยะลา ตนถูกซ้อมบ่อยครั้ง เนื่องจากตนเริ่มมีปากเสียงกับสามีเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่ไม่พอใช้ สามีเสียงเงินในการซื้อยาเสพติดสัปดาห์ละ 2,000 บาท ทำให้ตนถูกตบถูกข่วน นับวันยิ่งมีแต่หนักขึ้น ถูกกระทืบด้วยรองเท้าคอมแบท ถูกถุงดำคลุมหัวรัดคอ ถูกนำน้ำมันมาราด เพื่อจะจุดไฟเผา อีกทั้งสามียังทำลายข้าวของภายในห้องพักจนได้พักได้รับความเสียหาย ซึ่งผู้บังคับบัญชารับทราบมาโดยตลอด เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจรายอื่นร้องเรียน เนื่องจากสามีของตนนำน้ำกระท่อมและยาเสพติดไปขายนักเรียน

จนช่วงเดือน มิ.ย. 64 สามีถูกสั่งให้เข้ารับการบำบัดยาเสพติด แต่ไม่นานสามีก็ถูกปล่อยออกมา พร้อมกล่าวหาว่าตนเป็นตนเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายต้องเข้ารับการบำบัด กระทั่งวันที่ 1 มี.ค. 65 สามีถูกย้ายไปประจำอยู่ที่สถานีตำรวจใน จ.เชียงใหม่ ตนกับลูกชายวัย 6 ขวบ ก็ได้ย้ายตามสามีขึ้นไปด้วย โดยนั่งรถขับจาก จ.ยะลา ไป จ.เชียงใหม่ ซึ่งสามีได้ซุกน้ำกระท่อมและยาเสพติดซ่อนไว้ภายในรถ แต่ด่านต่าง ๆ เมื่อเห็นสามีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด่านก็ปล่อยผ่านทุกด่าน

จนวันที่ 8 มี.ค. 65 ยาเสพติดของสามีเริ่มหมด สามีจึงเริ่มมีอาการอยากยา อาละวาด กระทืบตนและบีบคอลูกชาย ตนได้แต่กอดปกป้องลูกชายเอาไว้ พร้อมบอกให้ลูกชายอย่าร้อง เพราะเดี๋ยวอีกฝ่ายจะยิ่งคลั่ง จนสามีเหนื่อยแล้วหลับไป ตนทนไม่ได้ที่สามีทำร้ายลูก ถือเป็นครั้งแรกที่ทำร้ายลูก ตนจึงได้เก็บของแล้วพาลูกชายหนีออกมาฟ้องผู้บังคับบัญชาในสถานีตำรวจ แต่ผู้บังคับบัญชาแจ้งว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว หากแจ้งความจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ หากคืนดีกันจะก่อให้เกิดปัญหาตามมา

ตนที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ตนจึงซื้อตั๋วรถทัวร์หนีกลับมายัง จ.สงขลา แต่ตนก็ถูกสามีโทรศัพท์มาข่มขู่อยู่ตลอดว่าจะเอาชีวิต พร้อมสั่งห้ามไม่ให้ตนร้องเรียนกับผู้บังคับบัญชา เนื่องจากตนได้แจ้งไปยังผู้บังคับบัญชาว่าตนต้องการจะหย่า โดยในวันนี้ ตนตัดสินใจเดินทางมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะตนทนไม่ไหวอีกต่อไป ที่อีกฝ่ายแค้นและกล่าวหาว่าตนเป็นต้นเหตุทำให้อีกฝ่ายต้องเข้ารับการบำบัดยาเสพติด ตนทนมาตลอดเพื่อลูก ตนปกป้องลูกชายมาตลอด จากนี้ตนจะขอแยกออกมาใช้ชีวิตใหม่กับลูก

เพราะที่ผ่านมาตนเครียดและกดดันจนคิดกระโดดสะพานติณสูลานนท์ จ.สงขลา พร้อมลูกชาย ในวันที่ 13 ก.ย. 65 แต่โชคดีที่ทางรายการ "Help Rangers ร่วมด้วยช่วยสู้" รายการออกอากาศทางอมรินทร์ ทีวี เอชดี ช่อง 34 ติดต่อมาหาตนพอดี ตนจึงเปลี่ยนใจ

"กัน จอมพลัง" กล่าวว่า ตนค่อนข้างตกใจเมื่อทราบว่าเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นกับนางสาวเจี๊ยบ เรื่องราวที่เกิดขึ้น ผู้เสียหายได้ติดต่อมายังรายการ "Help Rangers ร่วมด้วยช่วยสู้" ออกอากาศทางอมรินทร์ ทีวี เอชดี ช่อง 34 ซึ่งทางรายการได้ติดต่อกลับไปในวันที่ 13 ก.ย. 65 เป็นวันที่ผู้เสียหายจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตายพร้อมลูกชายวัย 6 ขวบพอดี ไม่เช่นนั้นผู้เสียหายคงไม่ได้เดินทางมาร้องเรียนกับรอง ผบ.ตร. ในวันนี้

หลังจากการที่ตนได้พูดคุยกับผู้เสียหาย ทราบว่าทางสถานีตำรวจต้นสังกัดของผู้ก่อเหตุไม่รับแจ้งความ เนื่องจากมองว่าเป็นเรื่องสามีภรรยา ตนไม่อยากให้ใครก็ตามคิดว่าการทำร้ายร่างกายเป็นเรื่องภายในครอบครัว เพราะไม่มีครอบครัวใดดูแลกันด้วยการทุบตีกระทืบแล้วใช้ถุงดำคลุมหัว "ผู้เสียหายขอความช่วยเหลือจากผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่กลับถูกมองว่าเป็นเรื่องของครอบครัว"

โดยในวันนี้ตนได้พาผู้เสียหายมายื่นหนังสือ ซึ่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ค่อนข้างตกใจกับเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าคดีต้องรักษาไว้ คนไม่ดีต้องดำเนินการจัดการ

ขณะนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานไปยัง พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ให้จับตาดูผู้ก่อเหตุอย่างใกล้ชิด พร้อมยึดอาวุธปืน เนื่องจากเกรงว่าอาจจะเกิดกรณีคลั่ง อย่างไรก็ตาม ต่อไปตนจะพานางสาวเจี๊ยบ ผู้เสียหายไปที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อเข้าพูดคุยกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ตามขั้นตอน

ตนเชื่อว่าผู้เสียหายต้องการสู้ ต้องการตัดขาดกับสามีตำรวจเพื่อลูก แต่สิ่งที่ตนสงสัยว่าทำไมผู้ก่อเหตุซึ่งติดยาเสพติดจึงยังรับราชการตำรวจอยู่ได้ เพราะการเสพยาเสพติดต่อกันมาเป็นเวลานาน สติสัมปชัญญะไม่น่าจะสมบูรณ์ อีกทั้งผู้กำกับท่านหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ยังออกตัวไม่ให้ผู้เสียหายออกมาร้องเรียนกับสื่อมวลชน และยังขอให้ผู้เสียหายมองถึงสวัสดิการข้าราชการ แต่ตนอยากถามว่าหากวันหนึ่งท่านผู้กำกับย้ายตำแหน่ง แล้วใครจะคุ้มหัวดูแลผู้เสียหายให้

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรื่องถึงรอง ผบ.ตร. แล้ว ท่านผู้กำกับคงต้องไปตอบคำถามผู้บังคับบัญชาเอาเอง เพราะหากดำเนินการอย่างเด็ดขาดตั้งแต่แรก เรื่องจะไม่บานปลายมาถึงวันนี้