ความคืบหน้าคดีพบศพ น.ส.ฟาริดา อายุ 28 ปี เสียชีวิตลอยอืดในน้ำคลองชลประทาน สายท่าสาร-บางปลา หมู่ 1 ต.ดอนชะเอม อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี จนนำไปสู่การไขปริศนาการเสียชีวิต
ล่าสุดวันที่ 28 ต.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีเดินทางไปยัง สภ.ท่ามะกา โดย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.7, พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี, พ.ต.อ.อาริส คูประสิทธิ์ ผกก.สภ.ท่ามะกา พร้อมเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุคดีฆาตกรรมอำพรางฆ่าปาดคอทิ้งศพ ที่บริเวณริมคลองชลประทานสายท่าสาร-วังปลา หมู่ที่ 1 ต.ตระค้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
ซึ่ง พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 มีการสอบปากคำและซักถามข้อสงสัยกับ นายสมโชค เผือกเงิน หรือ ปุ๊ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหา ฆ่า น.ส.ฟาริดา โดยเจตนา โดยใช้เวลาเกือบ 1 ชม.
ภายหลังที่มีการแถลงข่าวเสร็จสิ้น ญาติของผู้ต้องหากว่า 10 คน มายืนฟังตำรวจแถลงข่าวหน้า สภ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี พร้อมยกมือขึ้นเพื่อสอบถามกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ถึงสาเหตุการจับกุมตัวนายปุ๊ในครั้งนี้ว่า มีหลักฐานอะไรที่บ่งชี้ได้ว่า นายปุ๊เป็นผู้ก่อเหตุตัวจริง โดยทางญาติยืนยันว่า นายปุ๊เป็นผู้บริสุทธิ์และตกเป็นแพะในคดีนี้
โดย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการซักถามผู้ต้องหายังคงปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆ่าปาดคอ น.ส.ฟาริดา ตาย แต่ยอมรับว่ารู้จักผู้ตายจริง เนื่องจากหลานชายมีการจำนำรถจักรยานยนต์กับผู้ตาย ซึ่งในส่วนที่ผู้ต้องหามีการปฎิเสธนั้นเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา และยังไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร แต่เรามีพยานหลักฐานมากพอที่ทำให้ศาลออกหมายจับนายปุ๊เพื่อมาดำเนินคดีได้ ซึ่งในส่วนของปมสาเหตุตำรวจยังมุ่งไปในเรื่องของชู้สาว เพราะนายปุ๊มีประวัติการพยายามจะส่งเสียผู้หญิงคนอื่น
โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ซึ่งขอให้มั่นใจว่าการจับตัวผู้ร้ายในวันนี้ เป็นผู้กระทำความผิดจริงไม่ได้มีการจับแพะ แม้ผู้ก่อเหตุจะยังคงปฏิเสธก็ตาม เพราะพยานหลักฐานทางคดีค่อนข้างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่พบโทรศัพท์มือถือที่ตกอยู่ในบ้านของนายปุ๊ และวันนี้ตำรวจจึงมีการแจ้งข้อหาเพิ่มในเรื่องของการลักทรัพย์ผู้อื่นในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย ซึ่งตำรวจเราทำงานกันอย่างรวดเร็วและทำอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดความยุติธรรม
ขณะเดียวกัน ทางตำรวจต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตที่ต้องสูญเสีย น.ส.ฟาริดา ไป แม้ยังอายุน้อย ๆ และยังมีลูกอีกตั้ง 2 คน ส่วนการป้องกันหลังจากนี้กำชับทางด้านผู้บัญชาการ จ.กาญจนบุรี และท้องที่ให้ส่งสายตรวจเข้าไปตรวจดูตามชุมชนให้มากขึ้น รวมถึงฝากไปยังประชาชนว่าให้ระมัดระวังในการไปพบเจอใครผ่านอินเตอร์เน็ต แล้วไปในตอนกลางคืนในที่ลับตาต้องระมัดระวังให้มาก เพราะเราไม่รู้เจตนาความนึกคิดของอาชญากรได้
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ทางตำรวจจะสอบสวนนายปุ๊อย่างละเอียด แต่เบื้องต้นยังไม่มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพเนื่องจากหากผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ โดยคาดว่าจะฝากขังที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรีได้ไม่เกินวันพรุ่งนี้
ด้าน น.ส.ธัญลักษณ์ ศรีนวล อายุ 45 ปี พี่สาวผู้ต้องหา บอกกับทีมข่าวว่า ตนไม่เชื่อว่านายปุ๊เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ เนื่องจากน้องชายไม่เคยเป็นคนเกเร ส่วนใหญ่อุปนิสัยเป็นคนเงียบ ๆ และเป็นคนขยันตั้งใจทำงาน ได้เงินมาก็ส่งให้กับลูกสาว 2 คน และไม่เคยมีประวัติการชู้สาวกับใคร
ในตอนแรกเจ้าตัวก็ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ จึงเดินทางมาให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งตำรวจจะขอค้นบ้านซึ่งในตอนนั้นไม่มีหมายค้น แต่เจ้าตัวก็ยอมให้ค้นบ้านเพราะบริสุทธ์ใจ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพบโทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิตอยู่บริเวณทางด้านหลังบ้านก็รู้สึกตกใจ และตั้งข้อสงสัยว่ามีใครเอามาโยนไว้หรือไม่ เพราะถ้าหากว่าน้องชายของตนเป็นผู้ก่อเหตุจริง ทำไมถึงไม่โยนทิ้งโทรศัพท์ลงน้ำ หรือโยนทิ้งข้างทางระหว่างหลบหนี ทำไมถึงเลือกที่จะเก็บกลับมาไว้ที่บ้านด้วย หลังจากนั้นก็มาทราบในภายหลังว่าน้องชายถูกตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งจากการพูดคุยกับน้องชายก็คงยืนกรานชัดว่าไม่ได้เป็นคนลงมือก่อเหตุ ซึ่งตนก็มั่นใจว่าน้องชายไม่ได้โกหก
ที่เดินทางมาในวันนี้ อยากขอตำรวจอย่าเพิ่งด่วนสรุป อยากให้ผลตรวจดีเอ็นเอออกมาก่อน อยากขอโอกาสให้คนจน คนไม่มีเงิน ได้ต่อสู้เพื่อคืนความยุติธรรมให้นายปุ๊ด้วย โดยหลังจากนี้จะไปรวบรวมเงินมาประกันตัวในปุ๊ให้ออกมาต่อสู้คดี ตอนนี้ยังไม่ได้พูดอะไรกับญาติของผู้ตายแม้จะเจอกันแล้ว แต่ก็อยากขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตด้วย ว่าทางครอบครัวก็เสียใจ และเข้าใจความสูญเสีย
ขณะที่ นายนพดล เหมือนละม้าย สามีผู้เสียชีวิต บอกกับทีมข่าวว่า โทรศัพท์มือถือที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานพบบริเวณด้านหลังบ้านของนายสมโชค ผู้ต้องหานั้น ยืนยันได้ว่าเป็นของภรรยาตนจริง โดยโทรศัพท์รุ่นออปโป้สีดำ ฝาหลังโทรศัพท์สีแดง ไม่มีการใส่เคสมือถือ เพราะเพิ่งซื้อมือ 2 มาได้ไม่นาน และลูกสาวคนโตก็ยืนยันอีกเสียงว่าใช่มือถือของ น.ส.ฟาริดา ผู้เสียชีวิต เพราะลูกสาวคนโตยืมมือถือของ น.ส.ฟาริดา ผู้เสียชีวิต เล่นเกมทุกวัน
การที่ทางญาติผู้ต้องหายืนยันว่า นายสมโชค เป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นคนดีไม่ได้เป็นคนก่อเหตุ มองว่าในส่วนนี้เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะพูด ตนก็เข้าใจเพราะเป็นญาติพี่น้องกัน ก็คงไม่มีใครเชื่อว่าญาติตัวเองเป็นคนไม่ดี แต่ถ้าไม่ได้ทำจริงทำไมโทรศัพท์มือถือของภรรยาตนถึงไปตกอยู่ที่บ้านของนายปุ๊ได้ เอามาโยนทิ้งไว้ที่บ้านของตนไม่ดีกว่าหรอ ทำไมเขาถึงเอาไปโยนบ้านนายปุ๊ ซึ่งในส่วนนี้ตนเชื่อมั่นในกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรวบรวมพยานหลักฐาน และขอขอบคุณตำรวจที่เร่งรัดในการทำงานจนสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ ส่วนกรณีทางญาติผู้ต้องหามีการจะหาหลักทรัพย์ไปประกันตัวนั้น ในส่วนของครอบครัวตนก็จะไปยื่นคัดค้านการประกันตัวที่ศาลฯ เช่นกัน
Advertisement