แฉบ่อนโหดอุ้มเซียนตบทรัพย์คลุมถุงซ้อมรีด 5 ล้าน เหยื่อพิศวง 2 เดือนกลายเป็นโต๊ะสนุกฯ (คลิป)

กรณีเพจเฟสบุ๊ก “สายไหม ต้องรอด” โพตส์ข้อความ ระบุว่า “ห่ะ!! บ่อนใหญ่ย่านเลียบด่วนรามอินทรา ปล้นเซียนพนัน จับมัด ถุงดำคลุมหัว อุ้มซ้อม รีดเงิน 5 ล้าน!” จากนั้น มีการโพตส์ต่อเนื่องอีกข้อความว่า “ฉันเปล่านา เขามาเองฉันเปล่าชวนนา เขามาเอง แต แต๊ แต่ แต แต แต้แต่ #ผู้เสียหาย​5คน #บ่อน” นั้น

วันที่ 27 ต.ค. 65  ทีมข่าวเจอกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด โดยเจ้าตัวนั่งพูดคุยกับผู้สื่อข่าว ซึ่งมีหลักฐานเกี่ยวกับรายการโอนออก ซึ่งเป็นการโอนเงินออกจากบัญชีผู้เสียหายจำนวนมูลละค่า 2 ล้านบาท และระหว่างที่พูดคุยกับผู้สื่อข่าวนั้น ยังได้มีชิพซึ่งเป็นเหรียญที่แรกในการเล่นการพนันที่บ่อนที่เกิดเหตุ โดยเจ้าตัวนำมากองรวมเอาไว้ไม่ต่ำกว่า 30,000 บาท โดยเป็นชิพอุปกรณ์ที่ใช้เล่นจริงโดยตัวผู้เสียหายยังไม่ได้มีการแลกกลับแต่ติดตัวออกมาหลังจากวันที่ถูกทำร้าย

และวันเดียวกันนี้ ในช่วงบ่าย นายเอกภพ พากลุ่มผู้เสียหายบางส่วน พร้อมกับสื่อหลายสำนัก เดินทางไปที่บริเวณหน้าโต๊ะสนุกฯ แห่งหนึ่งในพื้นที่ย่านรามอินทรา ตามคำกล่าวอ้างของผู้เสียหาย ที่อ้างว่าได้มีการเล่นพนันที่โต๊ะสนุกฯ ดังกล่าว ก่อนที่จะถูกลากขึ้นไปบริเวณชั้น 2 และทำร้ายร่างกาย

โดยการลงพื้นที่นั้นพบว่าโต๊ะสนุกฯ ดังกล่าวไม่ได้มีการเปิดให้บริการในวันนี้ ซึ่งโต๊ะสนุกฯ ได้มีการขึ้นป้ายอย่างชัดเจนทั้งป้ายขนาดเล็กและขนาดใหญ่ว่าเป็นโต๊ะสนุกฯ และยังมีภาพติดเอาไว้บริเวณทางเข้า พร้อมกับติดข้อความอักษรสีแดงว่า เปิด 24 ชั่วโมง ห้ามพกพาอาวุธ, ภายในตัวอาคารมี 2 อาคารติดกัน ส่วนของโต๊ะสนุกฯ เป็นแบบชั้นเดียว มีทางเข้าออกทางเดียวด้านหน้า ตัวอาคารด้านหลังเป็น 2 ชั้น 

ระหว่างที่ลงพื้นที่ นายหนุ่ม หรือ นายชวโรจน์ ศรีคำ ซึ่งอ้างว่า เป็นตัวแทนที่ออกมาชี้แจงและเจอกับทีมที่มาบริเวณหน้าโต๊ะสนุกฯ วันนี้ ซึ่งได้ออกมาพูดคุยกับ นายเอกภพ โดยได้มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของการคืนเงินให้กับผู้เสียหาย และเกี่ยวกับบุคคลที่มีการทำร้ายร่างกายโดยการใช้ถุงดำคลุมหัว

ภายหลังการพูดคุย นายหนุ่ม ตัวแทนโต๊ะสนุกฯ ได้พาทีมข่าวเข้าไปดูภายใน เมื่อเปิดเข้าไปภายในมีลักษณะมืด ไม่ได้มีแสงสว่างมากนัก แต่เมื่อเปิดเข้าไปจะเจอกับโต๊ะสนุกฯ ขนาดใหญ่ซึ่งวางอยู่บริเวณทางเข้า ไม่ได้มีการคลุมผ้าเปิดให้เห็น

ส่วนโต๊ะสนุกฯ อีก 3 โต๊ะ มีการคลุมผ้าเอาไว้ ภายในสังเกตว่ามีพนักงานสาวอีก 3 คน นั่งอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ ใกล้กับประตูทางเข้าจะมีห้องสูบบุหรี่อยู่ฝั่งขวา ซึ่งจุดดังกล่าวมีประตูไม้สีขาว แต่นายหนุ่มอ้างว่ามีการปิดตายแบบนี้ไม่เคยมีใครผ่านเข้าออก ใกล้กันกับห้องสูบบุหรี่เป็นห้องโต๊ะสนุ๊กแบบวีไอพี ซึ่งมีโต๊ะข้างในอีก 1 ชุด พร้อมกับโซฟา ส่วนด้านหลังมีลักษณะคล้ายประตูทางออกแต่เมื่อเปิดออกไปพบว่าเป็นห้องน้ำชายและหญิง เป็นลักษณะห้องน้ำติดแอร์ แต่ไม่มีประตูที่จะเชื่อมขึ้นไปบริเวณชั้น 2 อย่างที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง

ซึ่งตัวของนายหนุ่มอ้างว่าชั้น 2 มีการเลิกใช้บริการไปนานแล้ว ไม่รู้ว่าปัจจุบันเป็นห้องอะไรเพราะถูกปิดตายขึ้นไปไม่ได้ และตนเองก็ไม่เคยรู้ว่าชั้น 2 ขึ้นไปอย่างไร จากนั้นนายหนุ่มได้พาทีมข่าวอ้อมไปดูบริเวณด้านนอก ซึ่งก็พบว่ามีประตูสีขาวอยู่ใกล้กับโซฟาที่สูบบุหรี่ได้แต่เป็นพื้นที่โล่ง ก็พบว่ามีประตูที่มีลักษณะเชื่อมเข้าไปตัวอาคารที่สามารถขึ้นไปชั้น 2 ได้ แต่เจ้าตัวอ้างว่าถูกปิดตายไม่มีใครมีกุญแจที่สามารถเข้าออกได้เหมือนกัน

ดังนั้นจากภาพรวมที่วันนี้ตัวแทนของโต๊ะสนุกฯ พาทีมข่าวเข้าไปสำรวจภายในก็พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะเป็นเหมือนร้านโต๊ะสนุกฯ ทั่วไป ไม่ได้มีอุปกรณ์ที่บ่งบอกว่าเป็นบ่อน และโดยรอบก็ไม่ได้มีโกดังหรือห้องเก็บของ 

นายหนุ่ม เผยว่า สถานที่แห่งนี้คือโต๊ะสนุกฯ ไม่ใช่บ่อนการพนัน แต่เป็นโต๊ะสนุกฯ ที่เปิดให้ทุกคนมาเล่นได้ ไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย ไม่มีโต๊ะพนัน ไม่มีบาคาร่า ไม่มีไพ่ ไม่มีไฮโล ซึ่งสิ่งที่ตัวผู้เสียหายออกมายืนยันคาดว่าผิดสถานที่ไม่ใช่ที่เดียวกัน และเพื่อความสบายใจสามารถที่จะพาทีมเข้าไปดูได้ ภายในนั้นมีแต่โต๊ะสนุกฯ ซึ่งเปิดให้เล่นเป็นกีฬา ไม่ได้มีสิ่งผิดกฎหมาย ที่สำคัญภายในโต๊ะสนุกฯ ไม่มีคนชื่อซาร่า ไม่มีบาร์ด ไม่มีทหาร มีแต่รปภ. ที่มาอยู่เวรกลางคืน

สำหรับตัวของผู้เสียหายที่มาพร้อมกับนายเอกภพวันนี้นั้น ตนเองรู้จักเพียงคนเดียวคือนายอ้วน ที่พอเห็นหน้าคาดตาบ้างว่าเคยมาใช้บริการ แต่ส่วนผู้เสียหายคนอื่นนั้นตนเองไม่เคยเห็น

และระหว่างที่มีการสัมภาษณ์นั้นทีมข่าวได้ถามย้ำเกี่ยวกับการจ่ายเงินและการทำร้ายร่างกายผู้เสียหายตามคำกล่าวอ้าง โดยระหว่างนั้นนายหนุ่ม หลุดปากพูดออกมาว่า “กำลังทยอยเคลียร์เงินให้ ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้ใหญ่บางคน ให้เป็นคนไปเคลียร์เงินให้กับผู้เสียหาย” แต่เมื่อทีมข่าวถามรายละเอียดที่ลึกกว่านั้นว่าเป็นใครสั่งให้มาเคลียร์เงิน หรือเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ หรือมีเหตุผลอะไรต้องมีการเคลียร์เงินปรากฏว่าตัวของนายหนุ่มปฏิเสธที่จะตอบเลยบอกว่า “เป็นเรื่องที่พูดไม่ได้” แต่ตนเองมีหน้าที่ที่จะไปดำเนินการเคลียร์เงินให้ ซึ่งตอนนี้ก็มีการเคลียร์ให้แล้วบางส่วน แต่กล่าวย้ำทิ้งท้ายว่าโต๊ะสนุกฯ ไม่เคยปล่อยให้มีการเล่นการพนันและไม่ใช่บ่อนอย่างที่ถูกกล่าวหา

ด้าน นายเดียร์ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เปิดใจว่า ตนเองรู้จักกับบ่อนดังกล่าวได้ซักระยะหนึ่งแล้วจึงได้ตัดสินใจไปเล่น ซึ่งไปเล่นต่อเนื่องประมาณ 3 วัน มีทั้งได้และเสีย

จากนั้นในวันเกิดเหตุคือวัน ที่ 19 ส.ค. 65 เวลาประมาณ 18:00 น. กลุ่มของตนเองได้ถูกล็อกตัวและพาขึ้นไปที่ห้องชั้น 2 ของบ่อน จากนั้นก็ปล่อยนั่งเงียบอยู่ภายในห้อง ซึ่งมีการล็อกกักขังเอาไว้ ตั้งแต่ 18.00-22.00 น. โดยช่วงระหว่างนั้นตนเองได้แอบเอาโทรศัพท์โทรหาตำรวจ191 สน.โคกคราม โดยแจ้งว่าถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว โดยมีการส่งสายตรวจเข้ามาที่บริเวณด้านหน้าจริง แล้วตำรวจโทรกลับมาว่า “อยู่ตรงไหน” เมื่อตนเองแจ้งว่าอยู่ข้างใน ตำรวจจึงถามกลับว่า “บ่อนใช่ไหม” เมื่อตนเองตอบว่า “ใช่คะ” ตำรวจก็ขับรถออกไปแล้วไม่เกิดอะไรขึ้น

จากนั้นคาดว่าน่าจะมีการประสานติดต่อกันระหว่างตำรวจโรงพักที่ตนเองโทรไปหากับเจ้าของบ่อน เวลาประมาณ 23.00 น. จึงได้มีชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คน มาคุมตัวกลุ่มของตนเองขึ้นรถตู้ออกไปจากบ่อน เอาไปพักไว้ที่ศูนย์การค้าย่านรามอินทรา ประมาณ 1 ชั่วโมงและพากลับมาที่บ่อน

จากนั้นได้มีการตามพรรคพวกซึ่งเป็นทหาร 3 คน เข้ามา และได้มีการข่มขู่เรียกเอาเงินทำนองว่า ”มึงมีเท่าไหร่เอามา” แต่เมื่อกลุ่มของตนเองขัดขืนจึงถูกริบโทรศัพท์ จากนั้นก็มีการเริ่มทำร้ายร่างกาย โดยบุคคลที่ถูกเรียกมาเพิ่มที่อ้างว่าเป็นทหารเอาเก้าอี้มาวางด้านหลังนั่งล็อกพร้อมกับมัดมือตนเอง อีกคนนั่งบริเวณขาที่เหยียดตรง ส่วนอีกคนใช้ถุงดำคลุมหัวและพูดข่มขู่สั่งให้บอกรหัสผ่านมือถือ รหัสผ่านแอพพลิเคชั่นธนาคารแบงค์กิ้ง และถามหารหัสบัตรเอทีเอ็ม ซึ่งหากขัดขืนก็ยิ่งรับจนกระทั่งหายใจไม่ออก บางช่วงถึงขั้นช็อกและเบลอไปหมด

ตนเองจึงตัดสินใจที่จะบอกรหัสเพื่อที่จะรักษาชีวิตเอาไว้ โดยกลุ่มที่อยู่ด้วยก็ได้มีการกดเปิดโทรศัพท์ พร้อมกับเข้าแอปพลิเคชั่นแบงค์กิ้ง โอนเงินออกประมาณ 2,000,000 บาท จากนั้นก็นำเอทีเอ็มไปกดเพิ่มอีก 25,000 บาท และในตัวยังมีชิพอีกประมาณ 20,000 กว่าบาท รวมเบ็ดเสร็จตนเองถูกนำเงินออกไปทั้งสิ้นประมาณ 2,500,000 บาท

โดยอ้างว่ากลุ่มของตนเองนั้นไปโกงบ่อน ทั้งที่กลุ่มตนเองก็ไปเล่นเหมือนลูกค้าทั่วไปมีทั้งได้และเสีย และที่สำคัญกลุ่มของตัวเองทั้งหมดที่โดนเรียกมา 7 คน ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เพิ่งจะรู้จักกันก็ตอนที่เล่นด้วยกันภายในบ่อนดังกล่าว

เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา พล.ต.ต.อรรพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล2 เดินทางมาร่วมประชุมติดตามกับ พ.ต.อ.ศรีสันต์ เพื่อวสังข์ ผกก.สน.โคกคราม พร้อมกับชุดสืบสวน สายตรวจ และพนักงานสอบสวน โดยมีการสืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นการโพสต์ดังกล่าว เพื่อที่จะหาคำตอบและรอการยืนยันว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นบ่อนการพนันจริงหรือไม่

ภายหลังประชุมเสร็จ พล.ต.ต.อรรพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล2 เผยว่า เบื้องต้นได้มีการส่งสายตรวจไปตรวจสอบสถานที่ดังกล่าว แต่ยังยืนยันไม่ได้ว่าเป็นบ่อนการพนันหรือไม่อยู่ในการขั้นตอนการตรวจสอบ แต่โดยเบื้องต้นทราบจากสิ่งที่ปรากฏว่า เป็นโต๊ะสนุกฯ แต่รายละเอียดอื่น ๆ นั้น รอการตรวจสอบเชิงลึก และไม่พบอุปกรณ์เล่นการพนันในอาคารดังกล่าว ส่วนกลุ่มผู้เสียหายนั้น พรุ่งนี้เตรียมที่จะเรียกเข้ามาสอบปากคำเพื่อให้เกิดความชัดเจน โดยทราบว่าก่อนหน้านี้ตัวของผู้เสียหาย 2 คน ได้เข้ามาลงบันทึกประจำวันแต่แจ้งว่าทำให้ ”เสียทรัพย์” ซึ่งรายละเอียดไม่ตรงตามที่ได้มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อหรือไปแจ้งกับเพจสายไหม โดยเบื้องต้นจะต้องมีการเรียกมาสอบปากคำในวันพรุ่งนี้ใหม่ ช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. และเตรียมที่จะออกหมายเรียกกลุ่มที่ถูกกล่าวหา ซึ่งหากมีการออกหมายเรียกแล้วไม่มาพบก็จะมีการออกหมายจับต่อไป

ส่วนบุคคลที่ออกมาเจอกับผู้สื่อข่าวในวันนี้ คือ นายหนุ่ม หรือ นายชวโรจน์ เบื้องต้นก็ยังไม่ทราบว่าบุคคลดังกล่าวเกี่ยวข้องอะไรกับโต๊ะสนุกฯ ขอดำเนินการตรวจสอบก่อน และในวันพรุ่งนี้เตรียมที่จะมีการลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งคาดว่าจะเป็นช่วงเวลาประมาณ 10:00 น. เพื่อที่จะหาข้อเท็จจริงและคลายข้อสงสัยสังคมว่าเป็นบ่อนการพนันหรือโต๊ะสนุกฯ กันแน่

ภายหลัง พล.ต.ต.อรรพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล2 ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวบริเวณห้องประชุมชั้น2 ของสน.โคดคราม พบว่าหลังจากที่ผู้สื่อข่าวทยอยเดินทางกลับ นายหนุ่ม หรือ นายชวโรจน์ ได้เดินทางมาพร้อมกับเพื่อนพนักงานภายในโต๊ะสนุกฯ อีก 2 คน ซึ่งได้เดินทางมาพบกับผู้บังคับการตำรวจนครบาล2 เพื่อที่จะให้ปากคำเบื้องต้นกับพนักงานสอบสวน 

โดยจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางทีมข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับทาง "นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" อดีตนักการเมือง กล่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าตัวมองว่าเรื่องนี้ตนข้อตั้ง 3 คำถามว่าในเมื่อคุณรู้อยู่แล้วว่าประเทศไทยไม่มีบ่อยที่ผิดกฎหมาย แล้วสิ่งที่คุณต้องการคืออะไร ต่อให้คุณจะไปร้องที่ไหน แต่สิ่งที่คุณทำถามว่าคุณเองกล้าพูดเต็มปากหรือไม่ว่าคุณเองถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นต์ คุณรู้อยู่แล้วว่าบ่อนที่คุณเข้าไปมันผิดกฎหมาย

เมื่อคุณเล่นได้แล้วเขาจับตัวคุณไปแล้วกล่าวหาว่าคุณโกง คุณจะออกมาบอกสังคมหรือออกมาปฎิเสธแล้วจะได้อะไร เพราะต้นทางที่คุณไปมันคือสิ่งที่อยู่นอกเหนือกฎหมาย ไม่มีการคุ้มครองความปลอดภัย หรือคุ้มครองว่าถ้าคุณโดนอะไรมาจะมีกฎหมายคุ้มครองคุณ คุณเองต้องรู้ตัว ทั้งนี้สิ่งที่คุณโดนต้องยอมรับว่าคุณเองเข้าไปในพื้นที่สีเทาเอง มองว่าคดีนี้เองคุณก็คือส่วนหนึ่งในฐานะผูัสนับสนุนให้ทางบ่อนทำผิด บ่อนเองเป็นตัวการทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นวัฎจักรปกติของบ่อนอยู่แล้ว ย้อนกลับกันถ้าคุณเองเล่นแล้วเสีย ก็จะกลับกันจะมีการแจ้งตำรวจว่ามีบ่อนตรงนั้นตรงนี้ ถามว่าตำรวจรู้ไหมตนบอกเลยเขารู้อยู่แล้ว เคสนี้ไม่มีประโยชน์ที่จะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ