จากกรณี เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 65 เวลาประมาณ 23.45 น. เกิดเหตุชายชุดดำใส่โหม่ง พร้อมอาวุธปืน ประมาณ 7-10 คน มาปล้นผู้เสียหาย ที่แฟลตการไฟฟ้า ธนบุรี 2 พระราม 2 ซอย 6 เขตบางขุนเทียน แขวงแสมดำ
ล่าสุดวันที่ 17 ต.ค.65 ทีมข่าวได้รับคลิปวงจรปิดของตึกอาคารที่เกิดเหตุ เห็นช่วงที่รถกระบะสี่ประตูคันสีขาวของผู้ก่อเหตุขับเข้ามาในบริเวณตึกเคหะ ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปจอดบริเวณด้านหลังของตึก รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้าแจ๊สสีขาวของผู้ก่อเหตุ ขับผ่านเข้ามาบริเวณการเคหะหลังจากนั้นมีการขับวนไปทางด้านหลังของตึก ก่อนจะขับมาบริเวณด้านหน้าของตึก และมีการปรับรถแล้วขับไปบริเวณด้านหลังอีกครั้ง
เห็นช่วงที่รุ่นน้องคนสนิทของผู้บาดเจ็บลงมารับคนก่อเหตุบริเวณด้านหน้าตึกการเคหะ แล้วเดินขึ้นบันไดนำหน้าผู้ก่อเหตุ จำนวน 2 คน ขึ้นไปบนตึก หลังจากนั้นเห็นกลุ่มผู้ก่อเหตุอีกทั้งหมด 4 คน เดินออกมาจากรถกระบะ เดินขึ้นไปยังบริเวณด้านในของตึก
ช่วงก่อนเกิดเหตุเห็นนายวิวัฒน์ ผู้บาดเจ็บ เดินลงมาบริเวณด้านล่าง มีการพูดคุยโทรศัพท์คาดว่าน่าจะมีการคุยกับผู้ก่อเหตุ มีช่วงที่กลุ่มผู้ก่อเหตุอีก 4 คนเดินตามเข้ามาบริเวณด้านในตึก ผู้ก่อเหตุอีก 4 คนเดินตามเข้ามาบริเวณด้านในตึก มีการยืนดักรอบริเวณบันไดทางขึ้นไปยังชั้น 2 ก่อนเดินขึ้นไปยังชั้น 2
จากนั้นผู้ก่อเหตุ 2 คนมีการวิ่งไปยังบริเวณหน้าห้องที่เกิดเหตุ ถืออาวุธปืนเข้าไปด้วย ต่อมาช่วงที่ผู้ก่อเหตุ 4 คน วิ่งหนีลงมาที่ชั้น 1 ก่อนจะมีผู้ก่อเหตุอีก 2 คนวิ่งตามลงมาสมทบ รวมทั้งหมดมีผู้ก่อเหตุ 6 คน
จากนั้นเห็นช่วงที่พ่อของผู้บาดเจ็บและญาติผู้บาดเจ็บเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อดูเหตุการณ์ ก่อนจะลงมาด้านล่างบริเวณชั้น 1 เพื่อร้องขอความช่วยเหลือ พ่อของนางสาวไอซ์ เดินพานายอาร์ม ผู้บาดเจ็บ เดินลงไปบริเวณชั้น 1 ก่อนที่รุ่นน้องคนสนิทของนายอาร์มและญาติของผู้บาดเจ็บ เดินลงมาที่บริเวณชั้น 1
ญาติผู้บาดเจ็บ เปิดใจกับทีมข่าวว่า ผู้บาดเจ็บเคยเป็นพ่อค้าขายกัญชา โดยรับกัญชามาจากนายพจน์และนายกล้า ซึ่งเป็นเครือข่ายขายกันชารายใหญ่ จากนั้นเมื่อ 2 ปีที่แล้วในอาร์มถูกจับพร้อมกับภรรยา และแม่ภรรยา ข้อหามีกัญชาครอบครอง 500 กิโลกรัม ซึ่งตอนนั้นกฎหมายยังไม่เสรี พอกฎหมายเปิดเสรี เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวในอาร์ม ภรรยา และแม่ของภรรยาออกมา ปรากฏว่านายอาร์มก็ได้รับกัญชา 500 กิโลกรัมกลับคืนมาด้วย จึงนำมาขายต่อ
จากนั้นเมื่อวันที่ 23 ส.ค.65 นายอาร์มถูกนายพวกนายกล้า และนายพจน์อุ้มตัวไปทำร้ายร่างกาย โดยใช้ปืนตบหน้า อ้างว่านายอาร์มบิดเงินค่ากัญชาไว้ 4 แสนบาท แต่ถูกปล่อยตัวมาเพราะได้ให้ดูหลักฐานการโอนเงินให้กับนายกล้า และนายพจน์ จำนวน 400,000 บาทแล้ว จากนั้นก็มีการเคลียร์กันเรียบร้อย มีการโทรมาขอโทษขอโพยกัน
วันที่ 27 ส.ค. 65 นายกล้าก็โทรมาหานายอาร์ม บอกว่า "จะเอาให้อยู่ไม่ได้เลย" วันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา นายอาร์มก็ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ เกือบ 10 คนบุกเข้ามาล่อซื้อ แต่เหมือนตั้งใจมาทำร้ายร่างกายมากกว่าหรือกะจะมาอุ้มอีกครั้ง ส่วนตัวเชื่อว่ากลุ่มที่มาก่อเหตุล่าสุดเป็นกลุ่มนายกล้า และนายพจน์ เพราะเป็นพ่อค้าขายกัญชาที่นายอาร์มเคยไปรับมาขาย จนนายอาร์มถูกตำรวจจับติดคุก
พอพ้นโทษออกมาหลังจากที่มีการปลดล็อกกัญชา นายอามก็นำกัญชากลับมาขายตัดราคา ลูกค้าจึงมาซื้อกัญชาที่นายอาร์มจำนวนมาก จึงเชื่อว่าครั้งนี้เป็นฝีมือของทั้ง 2 คน เพราะก่อนหน้านี้นายกล้าก็โทรมาข่มขู่ก่อนเกิดเหตุไม่กี่วัน แต่ชุดที่จ้างมาทำร้ายอาจเป็นคนละชุดที่มาอุ้ม แต่เชื่อคนบงการคนเดียวกันแน่นอน นายอาร์มก็เชื่อแบบนั้น ตอนนี้อาการนายอาร์มเลือดออกเยื่อหุ้มสมอง ปืนตีทั้งหมด 4 รู เย็บทั้งหมด 60 เข็ม
ด้านนางสาวไอซ์ ภรรยานายอาร์ม เผยว่า ที่ต้องออกข่าวเพราะคดีความไม่คืบหน้า แม้ตนและตนจะมีพฤติกรรมขายกัญชา แต่ได้รับโทษจำคุก และออกมาหลังจากกฎหมายปลดล็อก หลังจากนั้น ตนและสามีเดินทางสายนี้แล้วจึงได้ไปขอใบอนุญาตทางกระทรวงสาธารณสุข ให้สามารถขายมีไว้อย่างถูกกฎหมาย จึงออกมาแล้วขายกัญชา
แต่พอออกมาได้ไม่นาน สามีถูกกลุ่มคนมีอิทธิพลที่อ้างตัวว่าตำรวจทำอะไรพวกเขาไม่ได้ อุ้มไปทำร้ายร่างกายแล้วครั้งหนึ่ง จากนั้นโทรมาข่มขู่ จนที่สุดเข้ามาทำร้ายร่างกายสามี และชิงทรัพย์ไป คนก่อเหตุมีทั้งอาวุธสงครามหลายกระบอก แต่จนถึงวันนี้ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ ก่อนหน้านี้สามีเคยถูกอุ้ม ได้เข้าแจ้งความที่ สน. แต่ตำรวจและผู้ก่อเหตุขอเคลียร์จบเรื่องด้วยเงิน 20,000 บาท และที่ยอมออกมาให้สื่อช่วย เพราะกลัวความไม่ปลอดภัย ของครอบครัวมีลูก 3 ขวบ 5 ขวบและ 9 ขวบถูกคนร้ายใช้ปืนจ่อหัว จนลูกต้องกราบเท้าขอชีวิตพ่อ รับไม่ได้
ด้านนายมีน (นามสมมติ) อายุ 25 ปี น้องชายคนสนิทผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า วันนั้นตนเองมานั่งเล่นที่ห้องพักของผู้บาดเจ็บ ก่อนที่นายอาร์มผู้บาดเจ็บจะให้ตนลงไปรับผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คนขึ้นมาดูกัญชาที่จะมีการซื้อขายกัน โดยตอนนั้นตนทราบแค่ว่านายอาร์มนัดผู้ซื้อมาแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ผู้ซื้อกลับมา 2 คน หลังจากนั้นภายในห้องพักก็จะมีตนนายอาร์ม และหลานชายวัย 9 ขวบ รวมถึงผู้ก่อเหตุอีก 2 คน ส่วนนางสาวไอซ์ พี่สาว ได้ออกไปซื้อน้ำเพื่อที่จะมารับแขก
หลังจากผู้ก่อเหตุดูเนื้อกัญชากันเรียบร้อยแล้ว ตนก็ได้ยินเสียงผู้ก่อเหตุพูดขึ้นว่า "เอาเลย" หลังจากนั้นทั้งตนและพี่ชาย ก็ถูกผู้ก่อเหตุรุมทำร้ายร่างกาย และมีการใช้อาวุธปืนสั้นนำมาจ่อหัวแต่นายอาร์ม พี่ชายของตนได้มีการต่อสู้กลับ และพยายามที่จะแย่งปืนออกมาจากมือผู้ก่อเหตุ แต่ปืนเกิดลั่นประมาณ 2 นัด เเต่ไม่โดนใคร ผู้ก่อเหตุจึงพูดว่า "มึงจะไม่หยุดใช่ไหม" โดยตอนนั้นตนเองนั่งอยู่ใกล้หลานชายวัย 9 ขวบ โดยหลานชายได้มีการร้องไห้ ยกมือไหว้ผู้ก่อเหตุโดยบอกว่า "อย่าทำพ่อเลย" แต่ผู้ก่อเหตุก็ไม่ยอมหยุดและทำร้ายร่างกายตนจนหูดับ ไม่สามารถต่อสู้ได้ส่วนผู้ก่อเหตุจะมีการนำปืนจ่อหัวหลานชาย พร้อมกับข่มขู่อีกด้วย
ต่อมาพี่สาวที่อยู่บริเวณด้านนอกห้องกลับมาจากซื้อน้ำก็ได้ยินเสียงเกิดการต่อสู้ภายในห้องจึงได้นำแม่กุญแจมาล็อกบริเวณด้านนอกห้องไว้ เพื่อที่จะรอตำรวจมาหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ตำรวจจะได้จับตัวผู้ก่อเหตุได้ทันท่วงที หลังจากนั้น บริเวณด้านนอกห้องตนเองก็ได้ยินเสียงกลุ่มผู้ก่อเหตุอีก 4 คน เดินขึ้นมาด้านหน้าห้อง มีการสาดกระสุนปืนบริเวณประตู หลังจากเหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้นเสร็จตนเองก็รีบตะโกนร้องขอความช่วยเหลือให้คนมาช่วย เนื่องจากเข้าใจว่าตอนนั้นพี่ชายถูกยิง
Advertisement