พ่อคลั่งยาจี้ลูก 8 เดือนประเดิม "ประยุทธ์" ลุยล้างยาบ้าจ่อแก้กฎหมาย 1 เม็ดก็คุก (คลิป)

วันที่ 12 ต.ค. 65 เมื่อเวลา 11.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์โดยมีบรรดาคณะรัฐมนตรีรวมทั้ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ร่วมแถลงข่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การประชุมวันนี้เพื่อกำหนดมาตรการสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและเรื่องที่เป็นปัญหาในปัจจุบันคือเรื่องของอาวุธปืน ซึ่งวันนี้ได้มีการหารือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาตรการสำคัญที่ได้มีการหารือกันในวันนี้ เพื่อให้เกิดการบูรณาการให้เป็นรูปธรรมในการแก้ไขปัญหาของอาวุธปืนและปัญหายาเสพติด เรื่องแรกเกี่ยวกับอาวุธปืน เราจะมีการกวดขันการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืน เครื่องกระสุนอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะเรื่องของการออกใบอนุญาต และการต่อใบอนุญาตและการพกพาทั้งหมด ในส่วนของผู้ยื่นขอใบอนุญาตนั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน มีการตรวจสอบและรับรองทางจิต ไม่วิกลจริต ฟั่นเฟือน มีการรับรองจากผู้บังคับบัญชา ชุมชน กำนันผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งต้องไม่มีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม ให้มีมาตรการตรวจสอบและทบทวน เพื่อพิจารณาคุณสมบัติในทุก ๆ รอบ ตามระยะเวลาที่เหมาะสม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีการหารือในเรื่องการเพิกถอนใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน เมื่อพบปัญหาทางจิต พฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม การใช้ยาเสพติด กวาดล้างจับกุมอาวุธเถื่อนและการซื้อขายทางออนไลน์อย่างจริงจัง และจำเป็นจะต้องทบทวนกฎหมายบางฉบับ กฎกระทรวงบางเรื่องที่จำเป็นให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ในส่วนของเรื่องอาวุธปืนยังมีรายละเอียดอีกมาก ซึ่งได้มอบหมายไปแล้วว่าจะต้องมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป เป็นเรื่องของคณะทำงานที่จะต้องเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในเรื่องมาตรการการป้องกันและปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งวันนี้เราก็ทำอย่างเต็มที่ในเรื่องการควบคุมการนำเข้าและส่งออกสารเคมี การเร่งติดตามการสืบสวนและขยายผล ทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดและการยึดอายัดทรัพย์สิน การบูรณาการ การนำผู้เสพเข้าสู่ระบบศูนย์ข้อมูล การทบทวนกรณีผู้เสพเป็นผู้ป่วย ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับประเด็นปริมาณการครอบครองเพื่อนำไปสู่การฟื้นฟู เรื่องนี้ก็ต้องไปทบทวนและพิจารณาดูซึ่งวันเดียวกันนี้ในที่ประชุมก็ได้มีการพูดถึงปริมาณ 5 เม็ด หรือ 15 เม็ด ถ้าจำเป็นก็ต้องมีการปรับแก้กฎหมายเหล่านี้ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา

ในส่วนเจ้าหน้าที่และข้าราชการ ที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการลงโทษอย่างเด็ดขาดในทุกกรณีในการเข้าไปเกี่ยวข้องโดยทันที สำหรับมาตรการการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดจำเป็นต้องเร่งค้นหาคัดกรองผู้ป่วยเข้าสู่สถานฟื้นฟูภาคีเครือข่าย เร่งจัดตั้งศูนย์คัดกรองให้ครบและครอบคลุมในทุกตำบล ทั้งกระทรวงสาธารณสุข ส่วนท้องถิ่น และสถานบำบัดรักษาให้เป็นไปตามมาตรฐานของสากล ซึ่งกระบวนการบำบัดให้ใช้ชุมชนเป็นฐานซึ่งวันนี้ต้องหาให้ได้ว่าในพื้นที่ ในท้องถิ่น ชุมชนหมู่บ้าน มีจำนวนผู้ติดยาเสพติดมากน้อยแค่ไหนอย่างไร เพราะก็มีการพูดกันไปมาว่าพื้นที่ตรงนั้นตรงนี้มีมากก็ต้องเข้าไปเอกซเรย์คัดคนพวกนี้ออกมา เพื่อเข้าสู่กระบวนการเหล่านี้ให้ได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนของชุมชนถือเป็นส่วนสำคัญในการที่จะต้องช่วยกันกับทางรัฐ และส่วนราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่มีพฤติกรรมเกี่ยวกับเรื่องที่ชอบความรุนแรง มีปัญหาส่วนตัวติดยาเสพติด ที่ประชุมได้มีข้อเสนอว่าจะต้องมีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อติดตามดูแลคนเหล่านี้ เรื่องต่อไปคือการพัฒนาแก้ไขปัญหาในเรื่องของสุขภาพจิตวันนี้ก็ได้เน้นย้ำให้ไปดูแลระบบสุขภาพจิตในโรงเรียน สถานศึกษาทุกแห่ง สถานประกอบการต่าง ๆ ที่มีพนักงานจำนวนมาก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอาวุธร้ายแรงจะต้องหารือร่วมกันในส่วนของการบำบัดฟื้นฟูต้องดำเนินการโดยทันที ทั้งกลุ่มงานจิตเวช และการปราบปรามยาเสพติดในทุกอำเภอ มีการตั้งกองอำนวยการจิตเวชฉุกเฉินทุกอำเภอ เพื่อที่จะได้ดูแลเบื้องต้นเรื่องจิตเวชในทุกโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล โดยใช้วิธีการชุมชนบำบัด มีสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ในการรักษาจิตตเวชทางไกล เพื่อที่จะสามารถดูแลต่อเนื่องในชุมชน

"วันนี้มีการหารือในหลายเรื่องด้วยกัน ซึ่งความจริงแล้วรัฐบาลก็เข้มงวดกับเรื่องเหล่านี้มาโดยตลอดอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ อีกทั้งวันนี้มันเป็นปัญหาที่ซ้อนปัญหาไปในเรื่องของการใช้อาวุธปืน และเรื่องการก่อเหตุรุนแรง อีกทั้งมีพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากผู้ที่ติดยาเสพติดและผู้ที่ไม่ติดยา เป็นเรื่องที่ผมห่วงใยในฐานะของรัฐบาลผมก็จับว่าพยายามจะทำให้ดีที่สุด ซึ่งวันนี้ในที่ประชุม ทั้งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีได้ให้ความกรุณาในการเสนอแนะข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์หลายอย่างได้มีการทบทวนและใช้เวลาในการดำเนินการ แต่อะไรที่ทำได้เราจะทำทันที จึงขอเตือนไว้ด้วยว่าทุกคนต้องช่วยกัน วันนี้ก็มีการแจ้งข่าวในช่องทางพิเศษอยู่แล้ว ก็ขอให้แจ้งกันมาในช่องทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการโดยทันที ยืนยันอีกครั้งว่ารัฐบาลให้ความสำคัญอย่างที่สุดอย่างยิ่งยวด ซึ่งในการหารือกันก็พูดถึง อุปสงค์และอุปทานรวมทั้งการแก้ไขปัญหากับผู้เสพรายใหม่ การดูแลว่าจะต้องทำอย่างไรในชุมชน ทั้งหมดเป็นระบบทั้งในเรื่องของการป้องกันและป้องปราม การปราบปรามและการบำบัดรักษา จะต้องทำอย่างครบถ้วนซึ่งก็ต้องขอทางสื่อมวลชนช่วยทำความเข้าใจด้วยว่ารัฐบาลไม่เคยปิดกั้นใครในการรับข้อมูลก็ขอให้แจ้งเข้ามา จะได้นำไปสู่การแก้ปัญหาได้"

ขณะที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร, พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด 2 คดี

คดีแรกตำรวจจับกุม นายตนุภัทร อนันต์สิริพิทักษ์ และนายสืบศักดิ์ แซ่กือ กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง บริเวณริมถนนสายสิงห์บุรี-ลพบุรี ขณะกำลังขับรถหลบหนีด่านตรวจ เพื่อลำเลียงยาเสพติดไปส่งลูกค้าใน จ.สระบุรี ตรวจสอบภายในรถพบกระสอบ 33 ใบ บรรจุยาบ้าจำนวน 6.5 ล้านเม็ด ห่อหุ้มด้วยกระดาษสาสีขาวจำนวน 3,250 มัด พบกระเป๋า 2 ใบ ด้านในบรรจุคีตามีนน้ำหนัก 50 กิโลกรัม บรรจุอยู่ในห่อชาสีเขียว 50 ห่อ พร้อมโทรศัพท์ 3 เครื่อง เงินสด 51,000 บาท พร้อมรถของกลาง 3 คัน

คดีที่ 2 ตำรวจ บช.ปส. นำกำลังเข้าจับกุมนายเล่ง แซ่ม้า บริเวณป่าละเมาะ ริมถนน ทล.12 ตาก-สุโขทัย ต.ริมน้ำ อ.เมือง จ.ตาก หลังขับรถบรรทุกฝ่าการเรียกตรวจค้นของตำรวจ เพื่อลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ อ.เทิง จ.เชียงราย นำไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง ตรวจสอบภายในรถพบยาบ้าจำนวน 5,184,000 เม็ด ห่อหุ้มด้วยกระดาษสาสีขาวจำนวน 2,529 มัด ยาไอซ์ 2 กิโลกรัม บรรจุอยู่ในห่อชาสีเขียวจำนวน 2 ห่อ พร้อมยึดรถบรรทุกที่ร่วมขบวนการจำนวน 2 คัน โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เงินสด 8,000 บาท จึงแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีจำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (แอมเฟตามีนหรือยาบ้า)

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 12 ต.ค. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือและเจ้าหน้าที่กู้ภัยจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจสอบชายคลั่งถือมีดจับตัวเด็กน้อยวัย 8 เดือน เป็นตัวประกัน เหตุเกิดภายในลานจอดรถหอพักแห่งหนึ่ง ภายในซอยภัทรนิเวศ ต.บางเมือง อ. เมือง จ.สมุทรปราการ ที่เกิดเหตุภายในด้านในลานจอดรถ พบชายอายุประมาณ 35 ปี อุ้มลูกตัวเองวัย 8 เดือน ส่วนอีกมือถือมีดทำกับข้าว เป็นที่หน้าหวาดเสียว โดยผู้ก่อเหตุอยู่ในลักษณะเอะอะโวยวาย เครียดเนื่องจากภรรยาหนีกลับต่างจังหวัดไปนั้น

ทีมข่าวได้เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุ ลานจอดรถของหอพักไม่มีชื่อแห่งหนึ่ง ในซอยหมู่บ้านภัทรนิเวศน์ สอบถามข้อมูลจากชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง ทราบว่า ผู้ก่อเหตุเพิ่งจะมีพฤติกรรมติดยาเสพติดหลังจากที่ถูกภรรยาที่ทอดทิ้งไป แต่น้องชายของผู้ก่อเหตุนั้น พวกตนเคยเห็นว่ามีพฤติกรรมเสพยาเสพติดมานานแล้ว เคยถูกตำรวจคุมตัวและพาไปรักษาอยู่หลายครั้ง แต่เมื่อกลับมาอยู่ที่บ้าน ก็มีพฤติกรรมเหมือนคนปกติทั่วไปแค่เพียง 7 วันเท่านั้น สุดท้ายก็กลับไปเสพยาเหมือนเดิม กทั้งยังเคยเห็นลูกชายคนเล็กชกต่อยแม่จนใบหน้าบวมช้ำอีกด้วย

นายมิตร จันทร์โท อายุ 57 ปี พ่อของผู้ก่อเหตุ เปิดใจว่า ตนเองทำอาชีพขายกับข้าวมาตั้งแต่ก่อนมีลูกเเล้ว ตนและภรรยามีลูกชาย 2 คน นายอัครเดช จันทร์โท หรือ บอล อายุ 36 ปี ลูกชายคนโต และนายศุภชัย จันทร์โท อายุ 31 ปี ลูกชายคนเล็ก โดยในช่วงที่ลูกยังเล็กก็ได้ฝากไว้กับพ่อเเม่เลี้ยงที่ จ.หนองคาย ตนจะส่งเงินค่าเลี้ยงดูไปให้ เมื่อลูกชายเริ่มโตเป็นวัยรุ่น ก็มีภรรยาและมีลูกตั้งเเต่อายุ 18 ปี ตอนนี้หลานสาวคนโต ลูกผู้ก่อเหตุ อายุ 17 ปี ส่วนหลานคนเล็กที่เพิ่งคลอดอายุ 8 เดือน

ลังจากที่รู้ว่าลูกชายมีลูกสาว ตนก็รับหลานสาวคนโตมาเลี้ยงดูเอง ต่อมาลูกชายและสะใภ้ก็มาทำงานอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับตน เท่าที่ทราบพฤติกรรมของลูกชายชอบทำร้ายร่างกายสะใภ้เสมอ เวลาไม่ได้ดั่งใจ ทุบทำลายข้าวของประจำ เคยถึงขั้นทำร้ายเมียต่อหน้าลูกค้าที่มาซื้อของด้วยซ้ำ ซึ่งเท่าที่ตนเห็นทั้งคู่ก็คบหากันมานานกว่า 10 ปี ลูกชายเองก็ไม่ทำงานอะไรเลยปล่อยให้เมียทำงานอยู่เพียงลำพัง สุดท้ายเมียทนไม่ไหวหนีและย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดได้ยังไม่ถึงเดือน หลังจากนั้นลูกชายของตนก็เก็บข้าวของ หอบลูกคนเล็กวัย 8 เดือนมาอยู่กับตน

เหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา ลูกชายของตนก็เข้ามาในห้องพัก และเข้ามาอุ้มลูกวัย 8 เดือนออกไปจากอ้อมอกของผู้เป็นย่า ภรรยาของตนพยายามห้าม ก่อนลูกชายจะบอกให้ลูกสาวคนโตของเขาโทรหาภรรยาที่หนีไปให้ แต่เขาไม่รับสาย ก่อนหน้านี้ประมาณ 4-5 วันลูกชายคนโตก็เคยก่อเหตุในลักษณะเช่นเดียวกันมาแล้ว มีการอุ้มลูกคนเล็กเดินออกไปบริเวณถนน ตนเองต้องออกตามหาอยู่นานกว่าจะเจอ พากลับบ้านอย่างปลอดภัย

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหานายอัครเดช ไว้ 5 ข้อหา คือ กระทำความรุนแรงในครอบครัว, เสพยาเสพติด ให้โทษประเภท 1 (เมท แอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย, เสพสุราหรือของเมาอย่างอื่น จนเป็นเหตุให้ตนเมา ประพฤติวุ่นวายหรือครองสติไม่ได้ขณะอยู่ในสาธารณะสถาน, พาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุอันควร, ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจโดยการขู่เข็ญ โดยจากการตรวจสอบประวัติยังไม่เคยพบประวัติเรื่องถูกจับในข้อหาเสพยาเสพติดมาก่อน

จากการสอบถามข้อมูลจาก พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ ทราบว่า ตอนนี้นายศุภชัย หรือ บอส ลูกชายคนเล็ก ได้ถูกส่งตัวเข้ารับการบำบัดรักษาที่โรงพยาบาลปากน้ำแล้ว จากการตรวจสอบประวัติของนายศุภชัยทราบว่าเมื่อช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมานายศุภชัย เพิ่งถูกจับในข้อหาเสพยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบของโรงพักสำโรงเหนือ

สำหรับช่วงบ่ายที่ผ่านมาทางตำรวจ พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ เเละตำรงจ สภ.สำโรงเหนือ ได้เข้ามาที่เกิดอีกครั้งเพื่อมาคุมตัว นายศุภชัย หรือ บอส อายุ 30 ปี น้องชายของนายอัครเดช คนก่อเหตุใช้มีดจี้คอลูกไปที่โรงพักอีกคน หลังครอบครัวขอให้ตำรวจพานายบอสไปรักษาอีกคน เพราะทั้ง 2 คนติดยาเสพติดทั้งคู่ ตำรวจพยายามเอาตัวนายบอสไปที่โรงพัก แต่นายบอสไม่ยอม เพราะไม่อยากไปบำบัด จนตำรวจและครอบครัวต้องช่วยเกลี้ยกล่อม

ทีมข่าวได้พยายามสอบถามนายบอสว่ายังเสพยาเสพติดอยู่ไหม นายบอสก็ตอบว่าเสพยาม้าอยู่ เสพวันละ 1 เม็ด พี่ชายเป็นคนไปซื้อ ตนไม่ทราบราคา ม่ทราบว่าพี่ชายเอามาจากไหน พี่ให้ตนก็รับไว้เสพ ตนเพิ่งจะเสพไปเมื่อวันก่อน 1 เม็ด เสพกับพี่ชาย แต่ตนก็ยังกินยาที่หมอสั่งควบคู่ไปด้วย หลังจากนั้น นายบอสก็พยายามสอบถามตำรวจว่า ตนเองจะต้องไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาอะไร ตนกำลังรักษาตัวเองอยู่ ตนไม่ได้อาละวาดใส่ใคร ก่อนจะมีการขัดขืนเล็กน้อย ผู้กำกับและเเม่ของนายบอสต้องเข้ามาช่วยคุยให้ บอกว่าไม่ได้มาจับ จะพาไปรักษาเท่านั้น