กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “Indy Intuon” ได้โพสต์ภาพและเล่าเรื่องราวของหญิงชราคนหนึ่งที่นั่งอยู่หน้าที่ทำงาน ในสภาพกระเป๋าและเอกสารกระจัดการะจาย โดยมีไม้เท้าค้ำยันวางอยู่ใกล้ ๆ พร้อมกับโพสต์ข้อความระบุว่า เหตุเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 65 คุณยายโดนเด็กแถวบ้านหลอกว่าจะพามาทำบัตรประชาชนอันใหม่ แล้วก็มาปล่อยคุณยายทิ้งไว้หน้าสำนักงาน แล้วก็เอากระเป๋าคุณยายไป โดยบอกว่าจะเอาไปลงทะเบียนให้ ยายก็เลยหยิบบัตรประชาชนอันเก่าให้ แต่คนร้ายไม่ยอมและกระชากเอากระเป๋าตังค์คุณยายไป แล้วก็ขับรถหนีไปพร้อมกับเงินในกระเป๋ากว่า 1 หมื่นบาท ยายร้องหนักมากเพราะเงินที่โจรเอาไปนั้นเป็นเงินเก็บของยาย
ทีมข่าวเดินทางไปชุมชนริมทางรถไฟ ในเขตเทศบาลนครราชสีมา ต.ในเมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งพบว่าเป็นบ้านของ นางเจือ ศรีสวัสดิ์ อายุ 88 ปี เปิดใจว่า ตนเองรู้จักกับ นายสุธีร์ หรือ ต๋อง เพราะเป็นเด็กแถวบ้าน และทราบว่าช่วงระยะหลังนายต๋อง มาเป็นลูกเขยของคนในชุมชน ก่อนที่จะถูกหลอกออกไปทำบัตรประชาชนและขโมยเงินไปนายต๋องได้มานั่งเล่นนอนเล่นอยู่ที่ศาลากลางหมู่บ้าน และมีเจ้าหน้าที่มาบอกว่าบัตรประชารัฐของตนเองจะเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการเบิกจ่าย หรือการนำไปรูดซื้อสินค้า เนื่องจากหน้าบัตรประจำตัวประชาชนไม่ชัดเจน หลังจากที่นายต๋องรู้ว่าบัตรตนเองไม่ชัด จึงได้อาสาพาไปทำบัตรในวันเกิดเหตุ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าถือเป็นน้ำใจของเด็กที่จะพาไปส่ง ก็เลยขึ้นรถซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ออกไป แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีพฤติกรรมทำกับตนเองแบบนี้
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ คือหน้าสำนักงานท่องเที่ยว จ.นครราชสีมา นายต๋อง บอกว่าถึงแล้ว ซึ่งตนเองก็แปลกใจว่าไม่ใช่ด้านหน้าเทศบาล แต่เป็นหน้าที่ว่าการอำเภอ แต่ตัวของนายต๋องตอบว่าจะทำที่ไหนก็ได้บัตรประชาชนไม่จำเป็นต้องเลือกที่ ตนเองจึงลงจากรถมอเตอร์ไซต์ที่ซ้อนท้ายอยู่ และนายต๋องทยอยคืนสัมภาระให้ทีละอย่าง อาทิ กระเป๋า ไม้เท้า และตอนนั้นตัวของนายต๋องได้ถามหาบัตรประจำตัวประชาชนใบเก่า จึงได้ยื่นให้พร้อมทั้งกระเป๋าตังค์ที่มีเงินจำนวน 10,200 บาท ปรากฏว่าตัวของนายต๋องหยิบเอาบัตรประจำตัวประชาชนใบเก่ายื่นให้ และหยิบเอากระเป๋าเงินทั้งหมดขับเร่งเครื่องหนีทันที ในขนะนั้นยอมรับว่าใจแทบสลาย ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ
นางเจือ เผยอีกว่า เงิน 10,200 บาท เป็นเงินที่ตนเองหามาทั้งชีวิต กว่าจะได้เงิน 10,000 บาท ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตนเองนั้นต้องเก็บผักไปขาย ออกไปรับจ้างหาเงินตั้งแต่สมัยเดือนละ 400 บาท จึงได้เก็บหอมรอมริบ และนำเงินจากเบี้ยผู้สูงอายุมารวมเพิ่ม จากนั้นก็เก็บเงินไว้กับตัวมาตลอด แต่ก็ไม่คิดว่าเงินที่หามาทั้งชีวิตจะต้องสูญเสียไปเพราะถูกนายต๋องหลอกเอาไป ส่วนการกระทำของนายต๋องที่มีการเอาเงินตนเองไปนั้น ก็คงไม่ถือโทษโกรธอะไรอีกแล้วแต่ถ้าหากสำนึกผิดเอาเงินมาคืนก็ดี แต่ถ้าไม่ได้คืนก็ว่าไปตามกระบวนการของกฎหมายเพราะหลานสาวพาไปแจ้งความแล้ว
ทีมข่าวได้มีการตรวจสอบกล้องจากที่ว่าการ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งมีกล้องสาธารณะบริเวณถนนรอยต่อจากหน้าสำนักงานท่องเที่ยวฯ มีกล้องวงจรปิดจับภาพได้ในวันเกิดเหตุ 13 ก.ย. 65 จะเห็นว่าช่วงเวลาประมาณ 13:12 นาที จะเป็นลักษณะมุมไกล เห็นว่าตัวของนายสุธีร์ ขับรถมอเตอร์ไซค์สีแดง สวมใส่เสื้อสีเขียว กางเกงขาสั้น สวมหมวกแก๊ปสีขาว ทิ้งยายเอาไว้ที่หน้าสำนักงานท่องเที่ยว
จากนั้นจะขับรถผ่านกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอ โดยจะมีช่วงหนึ่งลักษณะหันเหลือบมองมุมกล้องก่อนที่จะขับรถออกไปที่สามแยกถนนราชการ เลี้ยวขวามุ่งหน้าออกไปที่สี่แยกไฟแดงหลบหนี แต่ตลอดทางสามารถจับภาพพฤติกรรมของเจ้าตัวได้ โดยเห็นว่ามีบางช่วงจะมีลักษณะพะวงกระเป๋าเงินที่ขโมยมาจากยาย โดยตัวของนายสุธีร์ จะมีลักษณะก้มมองฝั่งขวาเป็นระยะ
ล่าสุด ในช่วงเย็นของวันที่ 19 ก.ย. 65 พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เปรมกมล ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครราชสีมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุรายนี้ได้แล้ว คือ นายสุธีร์ เสตะจันทร์ อายุ 32 ปี ชาวบ้าน ต.หนองไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยจับกุมตัวได้บริเวณใกล้กับบ้านพักของผู้ต้องหา
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนกับคุณยายผู้เสียหายรู้จักกันมาก่อน เพราะอาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน โดยในวันเกิดเหตุตนตั้งใจจะขับขี่รถจักรยานยนต์พาคุณยายไปทำบัตรประชาชนใหม่จริง ๆ แต่เมื่อขับไปถึงที่และกำลังส่งคุณยายลงรถ ตนได้เหลือบมองไปเห็นเงินสดในกระเป๋าคุณยาย ทำให้ตนเกิดความโลภแอบฉกเงินคุณยายแล้วทิ้งคุณยายไว้ ก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ส่วนเงินที่ได้ไปตนก็นำไปใช้เที่ยวเตร่จนหมดแล้ว ตนอยากฝากขอโทษคุณยายผู้เสียหายด้วย
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ แก่ นายสุธีร์ ก่อนนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายเอ็ม (นามสมมติ) คนรู้จักกับ นายสุธีร์ (ผู้ก่อเหตุ) เปิดเผยว่า ย้อนกลับไปตนเองเคยมีคดีความถูกจับกลุ่มในข้อหายาเสพติดเมื่อหลายปีก่อน แต่ตอนนั้นทั้งตนเองกับนายสุธีร์ถูกจับร่วมกัน แต่ปรากฎว่าตนเองถูกคุมตัวไปดำเนินคดีในเรือนจำ จากนั้นก็มีการรายงานตัวกลับกรมควบคุมความประพฤติ แต่ในทางกลับกันนายสุธีร์ ซึ่งถูกจับพร้อมกันได้รับการปล่อย โดยอ้างว่าเป็นเด็กสายตำรวจ ซึ่งตนเองก็แปลกใจว่าเด็กสายตำรวจทำอะไรไม่ผิดหรืออย่างไร และเท่าที่รู้ตัวของนายสุธีร์ก็ไม่ต้องเข้ารายงานตัวกับกรมควบคุมความประพฤติ ตนเองก็แปลกใจในเรื่องของขั้นตอนและหลักการทำงานในขณะนั้น
ซึ่งก่อนที่จะมาก่อเหตุกับนางเจือ ได้ไปก่อเหตุกับป้าแขก ซึ่งเป็นสาวแก่ในหมู่บ้านอีกคน โดยไปหลอกเอาเงินคนแก 500 บาท และยังทราบว่ามีคนแก่ในหมู่บ้านทั้งในชุมชนนี้ และชุมชนอื่นถูกนายสุธีร์ไปหลอกเอาเงินอีกนับครั้งไม่ถ้วน แต่สุดท้ายก็อ้างแต่ว่าเป็นเด็กตำรวจจึงไม่มีใครกล้าทำอะไร และที่สำคัญทุกครั้งที่มีคนไปแจ้งความนายสุธีร์ก็จะไม่พอใจบุกมาทำร้ายและก่อเหตุข้ำ ๆ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ที่มีคนไปแจ้งความ รวมทั้งออกมาแฉเกี่ยวกับพฤติกรรมเก่า ก็เชื่อว่าถ้าหากตำรวจไม่ยอมจับเสียที สุดท้ายตัวของนายสุธีร์ก็จะออกมาก่อเหตุซ้ำซากไม่จบไม่สิ้น
Advertisement