วันที่ 14 ก.ย. 65 นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ได้พา นางสาวออย (นามสมมติ) อายุ 34 ปี เสมียนธุรการ พนักงานข้าราชการ ใน ต.หนองบัว อ.มืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งถูก ส.อ.อ๊อฟ (นามสมติ) อายุ 30 ปี บุกรุกเข้ามาทำร้ายถึงบ้านพักข้าราชการทหาร ภายในค่ายทหาร (มทบ.17) จ.กาญจนบุรี และพยายามที่จะข่มขืน เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี
เหตุเกิดขึ้นในวันที่ 24 ส.ค. 65 เวลา 09.00 น. โดยผู้ก่อเหตุ เป็นเพื่อนร่วมงานกับผู้เสียหาย ได้บุกรุกเข้าไปภายในบ้านพัก พร้อมล็อกประตูบ้าน และถามว่า "แฟนอยู่บ้านไหม" เมื่อผู้ก่อเหตุทราบว่าผู้เสียหายอยู่ตามลำพัง จึงได้ก่อเหตุลวนลาม ด้วยการกอดจากด้านหลัง และพูดในทำนองขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย
ผู้เสียหายรู้สึกไม่พอใจ จึงขู่ผู้ก่อเหตุว่าจะห้องแฟนหนุ่ม พร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิป ทำให้ผู้ก่อเหตุโกรธแล้วปัดโทรศัพท์จนตกแตก แล้วปรี่เขามากัดหน้าอกของผู้เสียหาย และถอดกางเกงของผู้เสียหายออก พร้อมใช้มือล้วงเข้าไปในกางเกงในแล้วสอดนิ้วเข้าไปที่อวัยวะเพศ ขณะที่ผู้ก่อเหตุพยายามจะสอดใส่อวัยวะเพศ ผู้เสียหายได้อ้างว่ากำลังมีประจำเดือน ทำให้ผู้ก่อเหตุหยุดการกระทำแล้วหลบหนีไป
นางสาวออย (นามสมมติ) อายุ 34 ปี ผู้เสียหาย บอกว่า ในวันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมา ตนกำลังเปลี่ยนชุด เพื่อออกไปราชการกับหัวหน้าที่กรุงเทพฯ ส.อ.อ๊อฟ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงาน ก็ได้บุกเข้ามาภายในบ้านพัก พร้อมบอกว่า "ขอดูบ้านหน่อย ผัวพี่อยู่ไหม ผมขอมีอะไรด้วยทีหนึ่ง แป๊บเดียวผมก็เสร็จ" ตนรู้สึกว่าอีกฝ่ายบุกรุกเข้ามาแปลก และปรี่เข้ามากอดตนจากด้านหลัง ตนมีประจำเดือน มีลูกสาววัย 5 ขวบ และมีสามีแล้ว ตนขอให้อีกฝ่ายหยุด แต่อีกฝ่ายก็ยังคงลวนลามตน พร้อมบอกว่า "ถ้าวันนี้ผมไม่ได้พี่ พี่ต้องแฉผมแน่" และพยายามสอดใส่อวัยวะเพศ เข้าไปภายในช่องคลอดของตน
จนสุดท้ายตนดิ้นหนีออกมาได้ จึงวิ่งขึ้นชั้น 2 แล้วถ่ายคลิปอีกฝ่ายเอาไว้ ผู้ก่อเหตุที่ใส่แค่กางเกงใน ตนก็แจ้งให้คนมาช่วยเหลือ ส่วนผู้ก่อเหตุก็หนีกลับออกไป
ทั้งนี้ ส.อ.อ๊อฟ ผู้ก่อเหตุ เป็นทหารในหน่วยเดียวกับตน แต่มีผู้มีตำแหน่งหนุนหลัง หลังจากเกิดเหตุ อีกฝ่ายไม่เคยมาทำงาน โดยผู้ก่อเหตุเคยลวนลามผู้หญิงมาแล้วหลายคน แต่ไม่มีใครกล้าสู้ บางคนรอดมาได้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าแจ้งความ เพราะกลัวอับอาย และกลัวอิทธิพล เนื่องจากบางครั้ง ผู้ก่อเหตุก็ถ่ายรูปถ่ายคลิปของผู้หญิงไว้
หลังเกิดเหตุ ในวันเดียวกัน ตนได้เข้าไปแจ้งเหตุกับผู้บังคับบัญชาแล้ว ซึ่งผู้บังคับบัญชายืนยันกับตนว่าจะให้ผู้ก่อเหตุมาขอโทษ แต่เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่ 29 ส.ค. กลับไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ตนจึงเดินทางมาลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจรับเรื่องไว้ โดยแนะนำให้ตนไปพูดคุยกับผู้บังคับบัญชาก่อน หากยังไม่ได้รับความเป็นธรรมค่อยกลับมาแจ้งความ
โดยผู้บังคับบัญชาแจ้งว่าภายในคืนวันที่ 29 ส.ค. จะสั่งให้ผู้ก่อเหตุเข้ามาขอโทษแล้วชดเชยค่าเสียหาย ซึ่งตนได้ปฏิเสธค่าเสียหายไป แต่ผู้ก่อเหตุก็ยังไม่เข้ามาขอโทษ ต่อมาตนได้ร้องเรียนไปยังผู้บังคับบัญชา ซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุที่เกิดขึ้น แต่ในวันที่ 8 ก.ย. คณะกรรมการสอบสวนได้สอบสวนตนหาว่าตนทำให้ค่ายเสื่อมเสียชื่อเสียง เนื่องจากมีภาพของผู้ก่อเหตุที่ก่อเหตุลวนลามผู้หญิงคนอื่นในค่ายหลุดออกมา แล้วคณะกรรมการสอบสวนคิดว่าตนเป็นผู้ปล่อยภาพดังกล่าว แต่ไม่สอบสวนผู้ก่อเหตุที่ลวนลามตน
หลังจากตนให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเสร็จในวันที่ 10 ก.ย. แล้วนั้น วันนี้ตนจึงขอร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน เนื่องจากมีนายทหารยศสูงหลายนายเข้ามาขอเจรจากับตน และเสนอเงินให้ตน เพื่อขอให้เรื่องจบ แต่ตนเป็นผู้เสียหาย ตนถูกคุกคาม แต่กลับไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งเหตุที่เกิดขึ้นยังต้องขึ้นศาลทหาร ซึ่งตนกลัวว่าจะมีการช่วยเหลือผู้ก่อเหตุ ตนจึงขอร้องเรียนกับสื่อมวลชน
ด้านนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง กล่าวว่า ผู้เสียหายแจ้งเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชามาหลายวันแล้ว แต่ไม่มีการดำเนินการที่ชัดเจน ซึ่งเป็นที่น่าตกใจ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานไวกว่าคณะกรรมการสอบสวนของทหาร ซึ่งตนขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่แจ้งกับตนว่าจะแยกแยะระหว่างเพื่อนฝูงกับความเป็นธรรม
อย่างไรก็ตาม ตนจะส่งทนายของตนเข้าไปช่วยเหลือผู้เสียหายเพิ่มเติม เพื่อความสบายใจของผู้เสียหาย และจะช่วยเหลือเท่าที่ตนทำได้ ทั้งนี้ ตนขอบอกค่ายทหารว่าไม่ต้องกลัวเสียชื่อเสียงที่ผู้เสียหายแจ้งเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชา การที่ค่ายทหารไม่จัดการดำเนินโทษผู้ก่อเหตุให้ถูกต้อง เสียชื่อเสียงมากกว่า เพราะขณะนี้เรื่องได้ถูกร้องเรียนมาถึงสื่อมวลชนแล้ว ดังนั้นค่ายทหารอย่าปกป้องผู้ที่กระทำผิด
Advertisement