อาสาฯ ยิงหมู่พีทเดือดสื่อลำเอียง น้องสาวเผยปมเครียดแม่ป่วย ร่ำไห้ขอขมาญาติเหยื่อ (คลิป)
จากกรณี วันที่ 28 มิ.ย. 65 มีกระแสข่าวระดับสูงเปิดเผยเหตุการณ์ เมื่อเวลา 21.00 น. ของคืนวันที่ 27 มิ.ย. 65 ที่มีอาสาสมัครทหารพราน อายุ 40 ปี ก่อเหตุจ่อยิงทหารพรานยศสิบเอก อายุ 28 ปี 5 นัดซ้อนในระยะเผาขน เสียชีวิตคาที่บริเวณหน้ากรมทหารพรานที่ 21 ค่ายศรีสองรัก จ.เลย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โดยทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาคือ สิบเอกพงศธรณ์ ฤทธิศักดิ์ หรือ หมู่พีท อายุ 28 ปี ส่วนมือปืนคือ อาสาสมัครทหารพราน สังข์วร ร่องจิก อายุ 40 ปี ซึ่งตามรายงานข่าวสาเหตุเบื้องต้นเกิดมาจาก ผู้เสียชีวิต ได้เข้าไปตักเตือนมือปืนผู้ก่อเหตุที่กำลังตั้งวงเหล้า ให้คุยเสียงเบาลง จนทำให้ผู้ก่อเหตุไม่พอใจ ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. จ่อยิงผู้ตายระยะเผาขน 5 นัดซ้อน ก่อนขับรถหลบหนีออกไปจากค่ายทหารตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา
ล่าสุดเช้าวันที่ 29 มิ.ย.65 เมื่อเวลา 13.45 น. ตำรวจชุดสืบสวนของ สภ.เมืองเลย ได้นำตัวนายสังข์วร ออกมาจากห้องคุมขัง เพื่อนำตัวขึ้นรถตู้ของตำรวจ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่กรมทหารพรานที่ 21 ค่ายศรีสองรัก จ.เลย ซึ่งระหว่างที่ตำรวจนำตัวนายสังข์วรเดินไปขึ้นรถ ทีมข่าวได้มีโอกาสสอบถามกับว่าทำไมถึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุยิงหมู่พีท ถึง 6 นัด นายสังข์วรไม่ตอบ เดินขึ้นรถตู้ของตำรวจไปด้วยอาการที่ค่อนข้างเครียด
โดยทันทีที่ขบวนรถของตำรวจไปถึงที่บริเวณหน้ากรมทหารพรานที่ 21 ค่ายศรีสองรัก จ.เลย ก็มีทางทหารเวร คอยตรวจคัดกรอง อนุญาตให้แต่ทางตำรวจเข้าไปบริเวณด้านในของค่ายทหาร และไม่อนุญาตให้ทีมข่าวเข้าไป
จากนั้นประมาณ 30 นาที ขบวนรถของตำรวจ ก็ได้นำตัวนายสังข์วรกลับมาที่ สภ.เมืองเลย ทันทีโดยไม่ได้พาตัวไปทำแผนในจุดที่มีการจับกุม โดยระหว่างที่ตำรวจกำลังนำตัว นายสังข์วรกลับไปเข้าห้องคุมขัง ทีมข่าวก็ได้สอบถามกับนายสังข์วรอีกครั้ง ว่าหลังจากตำรวจนำตัวไปทำแผนหายเครียดบ้างหรือไม่ แต่นายสังข์วรไม่ตอบคำถาม บอกกับนักข่าวในน้ำเสียงค่อนข้างจะโกรธว่า "ทำข่าวอย่าฟังความฝ่ายเดียว อย่าเขียนข่าว ฟังแต่ฝ่ายเดียวละกันนะ"
ขณะเดียวกันในการทำแผนวันนี้ ทางกรมทหาร ไม่อนุญาตให้ตำรวจมอบภาพขณะการทำแผนทางด้านในให้กับสื่อ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ความมั่นคง และเป็นความลับทางราชการ เกี่ยวกับที่ตั้งฐานปฏิบัติการของทางทหาร
ซึ่งการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายสังข์วรยังคงยืนยันเป็นลงมือยิงหมู่พีท 6 นัด แต่พฤติกรรมการก่อเหตุไม่ได้ไปหยิบปืนที่รถ ได้ควักปืนที่เอวขึ้นมาจ่อยิงหมู่พีททันทีหลังจากโต้เถียงกัน และกระสุนที่เข้าตามลำตัวหมู่พีทเพียง 4 นัด เป็นเพราะว่าขณะที่หมู่พีทถูกนายสังข์วรจ่อยิง หมู่พีทอยู่ในชุดเครื่องแบบที่ใส่เสื้อเกาะกันกระสุนติดตัวอยู่
ส่วนนายสังข์วรเอ่ยปากขึ้นมาว่าอย่างฟังความข้างเดียว เป็นเพราะทางนายสังข์วรได้ดูข่าวอมรินทร์ ทีวี แล้วอยากจะอธิบายในพฤติกรรมที่จะขอความเห็นใจจากทางศาลเพื่อลดโทษ ในเรื่องของการขอเข้ามอบตัว ซึ่งจากการสอบถามทางตำรวจยืนยันในการคุมตัวนายสังข์วร มาที่โรงพักเมื่อวานนี้ เป็นการไปจับกุมตัวนายสังข์วรได้ขณะที่อยู่ในห้องพักของภรรยา ไม่ใช่การติดต่อขอเข้ามอบตัว และทางตำรวจยังให้ข้อมูลกับทีมข่าวอีกว่าที่ทางญาติทักไลน์ไปหาทีมข่าวเมื่อคืนนี้ว่าข้องใจ กับภาพใบเดียวที่เห็นมีกระดาษปิดหน้า นายสังข์วร ตำรวจไปจับกุมตัวจริงมาหรือไม่
โดยทางตำรวจได้ชี้แจงถึงเรื่องภาพ เมื่อวานนี้ว่าในระหว่างการจับกุมตำรวจไม่สามารถถ่ายภาพตอนจับกุมตัวนายสังข์วรได้ในขณะบุกจับ เนื่องจากนายสังข์วรมีอาวุธปืนติดตัวอยู่ และที่นายสังข์วรถือกระดาษปิดหน้า เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่สามารถทำได้
โดยวันนี้ในช่วงเย็นที่ผ่านมา มีทางญาติของหมู่พีทเดินทางมาที่ สภ.เมืองเลย เนื่องจากอยากจะมาดูตัวนายสังข์วร ว่าตำรวจจับตัวจริงมาหรือไม่ เพราะตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ ทางญาติไม่ได้รับข้อมูลจากตำรวจและทางทหารต้นสังกัดของหมู่พีท รวมไปถึงสื่อทางช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ก็ไม่ได้มีการลงข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่หมู่พีทถูกยิงดับในค่ายทหาร
ซึ่งขณะที่ทางป้าของหมู่พีทเดินทางมาถึงบริเวณหน้าห้องขัง ก็ได้เจอกับนางหนูแดง น้องสาวของนายสังข์วรที่นั่งรอเยี่ยมพี่ชายอยู่ โดยเมื่อทั้งสองฝ่ายได้เจอหน้ากัน นางหนูแดงก็ได้เข้าไปกอดป้าของหมู่พีททันที พร้อมทั้งคุกเข่ายกมือไหว้ป้าของหมู่พีททั้งน้ำตาว่า "หนูขอโทษแทนพี่ชายด้วย ป้าจะไม่ยกโทษให้ ก็แล้วแต่ป้า หนูรู้ว่าทางครอบครัวของหมู่พีทยังเสียใจอยู่ แต่เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่มีใครไปบังคับจิตใจพี่ชายได้ หนูรู้ว่าหัวอกคนเป็นป้าก็รักหลาน หนูก็มีลูก หนูถึงเข้าใจ ไม่มีใครอยากจะให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หนูอยากให้ป้ายกโทษให้ หนูขอโทษแทนพี่ชายของหนูด้วย"
ซึ่งทางป้าของหมู่พีท ก็บอกว่าการยกโทษให้หรือการที่จะอนุญาตให้ทางครอบครัวของนายสังข์วรไปขอขมาศพ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวป้าคนเดียว และต้องกลับไปถามญาติทุกคนว่ายกโทษให้นายสังข์วร และอนุญาตให้ทางครอบครัวไปร่วมงานศพหมู่พีทหรือไม่
นางหนูแดง อายุ 35 ปี เป็นน้องสาวของนายสังข์วร บอกว่า หลังเกิดเหตุยอมรับว่าพี่ชายได้ขับรถหนีออกมาจากค่ายทหารจริง แต่พี่ชายเล่าว่าไม่ได้คิดจะขับรถหนีไปไหน ที่ต้องขับรถออกมาเป็นเพราะอยากจะออกมาสงบสติอารมณ์ จากนั้นเมื่อพี่ชายคุมสติได้แล้ว ก็ขับรถกลับไปหาภรรยาที่ อ.วังสะพุง เพื่อปรึกษาการขอเข้ามอบตัวกับทางตำรวจ เนื่องจากพี่ชายสำนึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ตนยอมรับว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาพี่ชายเป็นเสาหลักของครอบครัว ที่ต้องดูแลแม่ที่ป่วย และพี่สาวที่มีอาการทางจิต ซึ่งการตัดสินใจก่อเหตุลงไป เชื่อว่าพี่ชายเครียดที่ต้องแบกรับภาระของครอบครัว และต้องมารับแรงกดดันเรื่องงานที่เก็บกดมานานแล้ว เมื่อวานได้ดูข่าวจากทางอมรินทร์ ทีวี เห็นทางครอบครัวสิบเอกเสียใจก็อยากจะไปขอโทษแทนพี่ชาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีใครอยากจะให้เกิด หากมีโอกาสก็อยากจะไปขอขมาศพสิบเอกแทนพี่ชาย ยืนยันหลังเกิดเหตุพี่ชายไม่คิดจะหนีไปไหน
Advertisement
