จากกรณีเมื่อวันที่ 31 พ.ค.65 จ.สมุทรปราการ พลเมืองดีร้องมูลนิธิปวีณาฯ พ่อเลี้ยงโหดติดยาทำร้ายลูกเลี้ยง 3 ขวบ กับ 8 ขวบ เป็นประจำ แม่เด็กเข้าช่วยโดนซ้อมน่วมอีกคน เหตุการณ์นี้สืบเนื่องจากช่วงเย็นวันที่ 30 พ.ค. 65 พลเมืองดีแจ้งมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เด็กชายเอ (นามสมมติ) อายุ 3 ขวบเศษ กำลังถูกนายขวัญ สายฟ้า หรือ เเบน อายุ 27 ปี พ่อเลี้ยงทำร้ายทุบตีอย่างหนัก เตะ ต่อยหน้า และตามลำตัว มีร่องรอบเขียวช้ำทั่วตัว
เมื่อนางวรรณี หรือ หวาน น้อยเนื่องกิจ 30 ปี ผู้เป็นแม่เข้าไปห้ามปรามพ่อเลี้ยง จึงได้มีปากเสียงกันรุนแรง ได้ทำร้ายแม่เด็กจนน่วมอยู่กลางถนนในซอยบ้าน โดยมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะเกิดเหตุไว้ได้
ล่าสุด วันที่ 1 มิ.ย.65 ทีมข่าวเดินทางมาที่ ซอยแบริ่ง 62/32 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ ได้คลิปวงจรปิดจากพลเมืองดี เหตุการณ์วันที่ 30 พ.ค.65 เวลา 17.47 น. จะเห็นเด็กชายเอ เเละนางหวาน ผู้เป็นเเม่เดินออกมาจากบ้าน ก่อนที่ฝ่ายชายจะเดินออกมาชี้หน้าด่า เข้าใจว่ามีปากเสียงกัน จนฝ่ายชายคว้าของที่อยู่บนเข็นขายของปาลงพื้น ก่อนจะเดินไปตบ ก่อนจะต่อสู้กันโดยมีเด็กชายยืนมอง จนเเม่เด็กล้มลงไป เมื่อลุกขึ้นมาได้ ฝ่ายชายก็เหมือนจะทำท่าเข้าไปซ้ำอีก
จนช่วงท้าย ย่าของฝ่ายชายจึงเดินออกมาดูเหตุการณ์ จากนั้นฝ่ายชายไปเข็นรถขายของอีกคันเข้ามาในซอย ก่อนนางหวานก้มดูที่รถ เเละถูกนายเเบนถีบข้างลำตัว จนล้มลง โดยมีเด็กชายเอ กอดอยู่ด้านหลังเเม่ นายเเบนมีการใช้มือผลักหัวนางหวาน ก่อนจะยืนขึ้น ส่วนย่าของนายเเบน เเละลูกชายวัย 8 ขวบ ป่วยออทิสติกได้เเต่ยืนมอง นางหวานเเละนายเเบนมีการใช้เก้าอี้ฟาดใส่กัน โดยมีเด็กชายเอยืนหลบหลังเเม่ ก่อนที่นายเเบนจะคว้าไม้มาทำท่าจะตีคู่เเม่ลูก
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่ สภ.สำโรงเหนือ เพื่อสอบถามข้อมูลจาก พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ ทราบว่าตั้งเเต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลา 08.00 น. ได้มีการควบคุมตัวนายขวัญ หรือ เเบน ผู้ต้องหา ข้อหาฐานเสพยาเสพติด ทำร้ายร่างกาย และพ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว ส่งฝากขังศาลเเขวงจังหวัดสมุทรปราการเเล้ว ทั้งนี้ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ามีการทำร้ายร่างกายเด็กจริง ส่วนเเม่เด็กเเละเด็กทั้ง 2 คน ขณะนี้อยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กเเละครอบครัวจังหวัดสมุทรปราการ
นางติ๋ม (นามสมมติ) อายุ 67 ปี ย่าของนายเเบน ผู้ต้องหา เปิดเผยว่า เดิมบ้านนี้ ตนอยู่กับสามี นายเเบน ลูกชายของนายเเบน อายุ 8 ปี ป่วยออทิสติก เเละมีนางหวาน เด็กหญิงบี อายุ 8 ปี เด็กชายเอ อายุ 4 ปี ลูกติดผู้หญิงทั้งคู่ โดยนางหวานเพิ่งจะย้ายมาอยู่บ้านตนได้ประมาณ 6 เดือน ก่อนหน้านี้ที้งคู่ทำงานเเบกของในคลังสินค้า ได้เงินวันละ 500 บาทมาดูแลครอบครัว แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำงานอีก จนนางหวานเป็นหนี้สินเยอะ ตนจึงออกรถเข็นเพื่อให้นางหวานได้ไปขายลูกชิ้น ส่วนตนก็ขายข้าวแกง
ส่วนประเด็นที่หลานชายทำร้ายร่างกายเด็ก ตนยืนยันว่า นางหวานจะเป็นคนตีลูกส่วนใหญ่ ทั้งตี เหยียบคอ มัดมือกับเสาบ้าน ส่วนนายเเบน จะไม่ค่อยได้ตีเด็ก มีตีบ้างบางครั้งเวลาเด็กดื้อเท่านั้น ตนสาบานได้ เวลา 01.00-02.00 น. นางหวานก็ตีลูกเเล้วตนก็ไม่เข้าใจจริง ๆ เเต่ที่ชาวบ้านได้ยินว่านายเเบนเสียงดัง เป็นเพราะพูดกับเด็กขายเอที่ถูกเเม่ตีว่า “มึงเงียบได้หรือยัง” ทำให้คนเข้าใจว่า นายเเบนตีเด็ก
อีกทั้งนางหวานยังเคยบอกให้นายเเบนตีลูกของตัวเองที่ป่วยออทิสติกด้วย ตนป่วยเป็นโรคหัวใจ จึงเข้าไปยุ่งเยอะไม่ได้ เคยพยายามห้ามเเล้ว เเต่นางหวานก็ไม่ฟัง บอกว่า “ไม่กลัวตำรวจ เพราะยังไงก็เป็นเเม่ลูกกัน ทำไมจะตีไม่ได้” เวลาขายของไม่ดี หรืออารมณ์ไม่ดีก็ตีลูก เรียกได้ว่าตีลูกแทบทุกวัน ซึ่งส่วนใหญ่เด็กที่โดนตีจะเป็นเด็กชายเอ เพราะดื้อ ส่วนเด็กหญิงบี จะไม่ค่อยถูกตี เพราะตนเอาไปดูแลเอง
เมื่อสัปดาห์ที่เเล้ว น้องบี ลูกสาวคนโต ไปขโมยเงินเพื่อนที่โรงเรียน พอกลับมานางหวานก็ตีลูก ตนเข้าไปห้ามเเละถามว่าเพราะปล่อยให้ลูกอด ลูกจึงต้องขโมยเงินคนอื่นหรือไม่ ตนก็บอกเด็กหญิงบีว่าห้ามทำแบบนี้อีก เเต่เด็กหญิงก็อ้างว่าเพื่อนให้ยืมเงิน ตนจึงบอกว่าต่อจากนี้จะให้เงินวันละ 20 บาทไปโรงเรียน
ส่วนเหตุการณ์เมื่อวันที่ 30 พ.ค.65 ตอนเย็น ตนไม่ทราบจริง ๆ ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพราะตอนนั้นอยู่บนบ้าน เเต่ได้ยินเสียงนายเเบนเเละนางหวานทะเลาะกัน เเต่ไม่ทราบว่าเรื่องอะไรกันเเน่ คาดว่านายเเบนน่าจะไปเอาลูกชิ้นจากนางหวานมาให้เด็กชายเอกิน เเต่พอลับหลัง เด็กโยนลูกชิ้นทิ้ง ทำให้นายเเบนเกิดความโมโห จึงตีเด็ก เเต่นางหวานเข้ามาห้ามจึงมีปากเสียงกัน ตนพยายามบอกว่าอย่ามีเรื่อง อายคนอื่น เเต่นางหวานไม่ยอม จนเกิดเรื่องขึ้น
ตอนที่ตำรวจมา ตนก็ยังบอกให้ตำรวจจับนายเเบนไปได้เลย ตนดีใจด้วยซ้ำที่หลานชายออกจากบ้านไปได้ เพราะหลานชายของตนมีการเสพยาเสพติดจริง เเต่ก็เสพ ๆ เลิก ๆ อยู่แบบนั้น ตนห้ามก็ไม่ฟัง ตนเลี้ยงหลานมาตั้งเเต่เล็ก เเต่หลานไม่สงสารตนเลย ส่วนนางหวานเเละเด็กอีก 2 คน ตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน เเละไม่สามารถติดต่อได้
นางหน่อย (นามสมมติ) อายุ 53 ปี แม่เลี้ยงของนางหวาน เผยว่า เมื่อ 4-5 ปีที่เเล้วตนเองรู้จักกับนางหวาน เนื่องจากพ่อของนางหวานมาคบหากับพี่สาวของตน ต่อมานางหวานก็มีลูก 4 คน อีก 2 คนอยู่ ต่างจังหวัดกับญาติที่ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเด็ก 2 คนล่าสุดนี้ ไม่ทราบว่าใครเป็นพ่อเด็ก เเต่เมื่อพ่อของนางหวานเสียชีวิตไป พี่สาวของตนก็ไม่รับเลี้ยงหลาน ตนเองจึงเป็นเลี้ยงดูเด็กหญิงบีตั้งเเต่ อายุ 2 ปี รวมถึงเด็กชายเอตั้งเเต่เกิด
เวลานางหวานมีปัญหาอะไรก็จะชอบมาปรึกษาหรือขอยืมเงิน เพราะตนเปรียบเสมือนญาติคนเดียวของนางหวาน ผู้หญิงคนนี้จริง ๆ เเล้วเป็นคนนิสัยใจคอดีใช้ได้ เสียเเต่ชอบออกจากบ้านไป เวลาท้องกลับมาก็เอาหลานมาให้เลี้ยง ตอนที่ยังอยู่ด้วยกัน ก็ไม่เคยเห็นตีลูก มีเเต่ชอบพูดเสียงดัง ขึ้นเสียงใส่ลูกเท่านั้น เวลาอยู่กับตน นางหวานจะไม่กล้าตีลูก ส่วนลับหลัง หรือตอนที่ออกจากบ้านมาเเล้ว ตนก็ไม่ทราบว่าหวานตีลูกหรือไม่
ซึ่งตนทราบเรื่องราวว่าหวานตีลูกอย่างโหดร้าย เอาสายไฟรัดคอ มาจากย่าของผู้ต้องหาอีกที ตนเคยไปบอกหวานว่า “หากตีลูกอีก กูจะเอาตำรวจมาจับมึง” โดยที่นางหวานก็ไม่ได้อธิบายหรือเถียงอะไรตนกลับมา เอาจริงตนเองไม่เเน่ใจว่าหวานตีลูกขนาดนั้นจริง เพราะหวานเป็นคนรักลูกมาก ตนเคยขอเอาเด็กทั้ง 2 คนมาเลี้ยง เเต่หวานก็บอกว่าถ้าจะเอาไปต้องเอาเงิน 300,000 บาทมาแลก ซึ่งหวานรู้อยู่เเล้วว่าตนไม่มีปัญญาหาเงินขนาดนั้นมาได้ จึงขอให้ย่าของผู้ต้องหาช่วยดูแลเด็ก ๆ ให้ได้เรียนหนังสือ
พอตนไปถามเด็กหญิงบีว่าใครทำร้ายเด็กชายเอ ก็ตอบว่า "แบนทำน้อง" เด็กไม่เคยพูดว่าเเม่ตี ไม่เเน่ใจว่าเพราะกลัวหรือไม่ เหตุการณ์เมื่อวันที่ 30 พ.ค.65 ที่เกิดขึ้นตนเพิ่งจะมาทราบวันถัดมา พอไปที่โรงพัก ก็รู้ว่านายเเบน พ่อเลี้ยงถูกจับเเล้ว เเต่นางหวานกับลูกไม่รู้อยู่ที่ไหน ตอนนี้ตนยังติดต่อหวานกับลูกไม่ได้ ตนเชื่อว่าอีกไม่นานหวานจะติดต่อกลับมาหาตน เพราะตนคือญาติคนเดียวที่เหลืออยู่
Advertisement