กรณี พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมประชุมเร่งรัดคดี และเรียกชุดสืบสวนสอบสวนในคดีที่นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับคดีข่มขืนและอนาจารหญิงสาวหลายราย เนื่องจากในวันที่ 18 เม.ย.65 เวลา 16.00 น. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ จะเดินทางเข้ามาพร้อมผู้เสียหาย เพื่อเข้าแจ้งความเพิ่มเติม
ล่าสุดวันที่ 18 เม.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานว่า เวลา 14.30 น. ที่สน.ลุมพินี นายษิทรา พร้อมด้วยน.ส.เก้า (นามสมมติ) ผู้เสียหายที่อ้างว่าถูกนักการเมืองคนหนึ่ง ลวงไปข่มขืนและกระทำอนาจาร เข้ามาแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติม โดยได้นำหลักฐานต่าง ๆ เป็น CD ที่ระบุว่ามีภาพ คลิปเสียง และคลิปวีดีโอ ที่สามารถเอาผิดบุคคลดังกล่าวได้
นายษิทรา กล่าวว่า ในวันนี้ตนได้นัดหมายกับผู้เสียหาย ให้เดินทางเข้ามาแจ้งความ 6-7 ราย แต่บางรายไม่สะดวกที่จะเดินทางมาในวันนี้ ซึ่งผู้เสียหายที่ตนพามาเป็น น.ส.เก้า (นามสมมติ) อายุ 26 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว และเป็นผู้ที่อัดคลิปเสียงเป็นหลักฐานการพูดคุยกับผู้ก่อเหตุ เพราะเหยื่อรายนี้เคยถูกข่มขืนในปี 63 ตนคาดว่ายังอยู่ในอายุความ เพราะมีการแก้ไขกฎหมายใหม่ไม่ให้เป็นคดียอมความได้
"ในตอนแรกเหยื่อไม่ยอมครับ จะไปแจ้งความตั้งแต่เกิดเรื่อง แต่กลัวจะดำเนินคดีไม่ได้ อีกทั้งผู้ก่อเหตุยังเสนอเงินมาให้เรื่องจบไป 2-3 ครั้ง ทางด้าน น.ส.เก้า ก็ได้รับเงินไว้ เนื่องจากโดนข่มขู่ว่าพ่อผู้ก่อเหตุใหญ่มาก ๆ แต่ตอนนี้ไม่ได้รับเงินแล้ว ส่วนอีกรายถูกกระทำที่ประเทศอังกฤษ จะเข้ามาเป็นพยาน นอกจากนี้ เรื่องตำรวจ ยศพันตำรวจเอก จะให้เงินปิดปากเหยื่อนั้น ผมยังไม่มีข้อมูล แต่ได้ให้ผู้ใหญ่ตรวจสอบแล้ว สำหรับเรื่องคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นขบวนการของพรรคหนึ่ง ผมขอยืนยันว่าไม่รู้จักกับคนในพรรคนี้ เพราะผมไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ถ้าจะกลั่นแกล้งทางการเมือง ผมไปทำคนที่มีโอกาสได้มากกว่านี้" นายษิทรา กล่าว
นายษิทรา กล่าวยืนยันว่า ตนไม่กลัวการฟ้องกลับเพราะเหยื่อทุกคนมั่นใจให้ตนดำเนินคดี ถ้าตนกลัวคนอื่นก็เสียขวัญ แต่ตนยอมรับว่าสับสนกับข้อมูล เพราะเหยื่อมีจำนวนหลายคน แต่ทว่าพฤติการณ์ส่วนใหญ่ของนักการเมืองคนนี้ คือ พาเหยื่อไปคุยที่ร้านอาหาร และพาไปขืนใจที่ห้องเชือด ตนยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มีใครถอนแจ้งความ แต่บางคนไม่ให้ความร่วมมือต่อ ให้ดูว่าใครยังสู้หรือใครจะเงียบ
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าผู้ก่อเหตุไม่มีประวัติการรักษาอาการทางจิต และไม่น่าจะนำมาเป็นข้ออ้างในการต่อสู้คดี เพราะเขายังไปเป็นวิทยากรเวทีต่าง ๆ ได้ มีสติปกติดี เขาจะซื้อบริการก็ยังได้ แต่ดูว่ามีรสนิยมชอบคนที่ขัดขืน ทั้งนี้ ตนขอชื่นชมตำรวจ สน.ลุมพินี ที่ประสานกับตนมาโดยตลอด ทั้งการเตรียมพนักงานสอบสวน และจะให้ผู้เสียหายที่มาแจ้งความทั้งหมดรวมเป็นสำนวนคดีเดียว เนื่องจากพยานหลักฐานเป็นมูลความผิดเดียวกัน
เวลา 19.46 น. นายษิทรา กล่าวให้สัมภาษณ์ผ่านรายการทุบโต๊ะข่าว อมรินทร์ ทีวี 34 ระบุว่า ในวันนี้ตนนำหลักฐานมามอบให้ตำรวจเป็นคลิปทั้งหมด 3 คลิป ส่วนผู้เสียหายบางคนอาจจะส่งหลักฐานเพิ่มเติมให้ตำรวจในช่วงที่แจ้งความ เพราะตนก็ยังไม่ได้สรุปข้อมูลทั้งหมด ทั้งนี้ มีผู้เสียหายที่ปรากฏตัวรวมแล้ว 16 คน ซึ่งถูกกระทำในออฟฟิศ คอนโดมีเนียม และในต่างประเทศ ส่วนน้องผู้เสียหายรายที่ 6 ที่เขาไม่แจ้งความในทันที เขาคิดว่าเมื่อถูกขืนใจแล้วการไปแจ้งความก็คงจะไม่มีใครเชื่อ เขาจึงยินยอมรับเงิน แต่ในช่วงที่ถูกข่มขืนเขายืนยันว่าไม่ได้รับความยินยอมอย่างสมัครใจ
"เมื่อรับเงินแล้ว หากกลับไปเจอกันในครั้งที่ 2 และ 3 แบบนี้กฎหมายจะเรียกว่า สมยอม แต่ถ้ามีครั้งที่ 4 ไม่ยิมยอม 5 ไม่ยินยอม ก็จะเข้าข่ายข่มขืน เพราะตำรวจจะดูเจตนาเป็นครั้ง ๆ ฉะนั้นจึงเป็นวิธีการสู้คดี เพราะครั้งที่ 2 และ 3 อาจจะยอม แต่ครั้งแรกไม่ยอมก็เข้าข่ายข่มขืน และตามกฎหมายเก่ายังเป็นความผิดอันยอมความได้ จึงต้องแจ้งความภายใน 3 เดือน ต่างจากข้อกฎหมายใหม่ที่แก้ไขแล้ว มีอายุความถึง 20 ปี น้องคนที่ 6 บอกว่าเรื่องเกิดขึ้นปี 63 เจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานสอบสวน จึงสามารถแจ้งความกล่าวโทษเองได้ เนื่องจากเป็นความผิดคดีอาญาแผ่นดิน" ทนายตั้ม กล่าวให้ฟัง
นอกจากนี้ ตนทราบว่า น.ส.แอนนา ลงพื้นที่ไปชี้จุดเกิดเหตุที่คอนโดฯ แห่งหนึ่ง แต่เจ้าหน้าที่ของอาคารไม่สะดวกให้ขึ้นไปด้านบน ตนจึงคิดว่าหากจะปรับหรือเปลี่ยนแปลงห้องดังกล่าวให้เป็นสภาพอื่น ๆ อาจจะเข้าข่ายปกปิดและมีข้อพิรุธ ซึ่งหากเป็นข้อเท็จจริงในทางกฎหมายศาลก็อาจจะมองในมุมนี้ก็ได้ ตนจึงต้องตั้งรับไว้ทั้งหมด ทั้งการถูกฟ้องกลับหากศาลยกประโยชน์ความสงสัยให้จำเลย เพราะคงไม่มีเหยื่อรายใดอยากออกมาทำให้ชื่อเสียงตัวเองเสียหายซ้ำ ๆ อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ผลตรวจที่ยืนยันว่าจะถูกข่มขืนหรือไม่ ตนบอกตามตรงว่าขณะนี้ถ้าจะตรวจคงไม่มีแล้วเพราะเวลาผ่านมานาน แต่ตนก็จะต้องใช้พยานหลักฐานนอื่น ๆ เช่น การสอบปากคำ ลักษณะห้องเชือด ถ้าเหยื่อไปที่ห้องดังกล่าวจริง ก็จะต้องตอบคำถามได้ว่าห้องมีลักษณะใด โดยวันนี้หนึ่งในเหยื่อที่ตนพาเข้ามาแจ้งความนั้น มีความน่าสนใจมาก ๆ เพราะเคสนี้เขาถูกนัดหมายให้ไปที่คอนโดฯ แห่งหนึ่ง โดยมีหลักฐานเป็นแชตการคุยกับพนักงานขายของคอนโดฯ ระบุทั้งวัน เวลา และสถานที่ ให้ไปพบที่ห้อง แต่เมื่อสบโอกาส นักการเมืองคนก็ลงมือข่มขืนเหยื่อทันที ทำให้เหยื่อรายนี้รู้สึกแย่มาก ๆ หลังจากนั้นจึงรีบเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์หนี
Advertisement