กรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อเยาวชนและสังคม ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กว่า หญิงสาวอายุ 18 ปี เข้ามาปรึกษาข้อกฎหมายเพื่อให้เอาผิดนักการเมืองคนหนึ่ง เนื่องจากหญิงสาวคนดังกล่าวอ้างว่าถูกลวนลาม ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ทั้งนี้ ปรากฏว่ามีแชตสนทนาของชายหนุ่มคนหนึ่ง ชักชวนหญิงสาวให้ช่วยโปรโมตสินค้า โดยฝ่ายชาย ระบุว่า "สวัสดีครับ อยู่ในวงการร้านอาหารหรือเปล่าครับ ทำงานที่ไหน" ฝ่ายหญิงตอบกลับว่า "สวัสดีค่ะ ไม่ได้อยู่ค่ะ แต่ขายเสื้อผ้าออนไลน์"
ฝ่ายชายก็เลยตอบกลับว่า "ดีเลย เทรนด์กำลังมา วันหลังมีโอกาสช่วยมาแชร์โปรโมตแบรนด์สินค้าด้วยได้นะครับ ฝากแอดไลน์ และทักแชตมาด้วยนะครับ"
รองศาสตราจารย์ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการมหาวิทยาลัยเกียวโต ได้โพสต์เฟซบุ๊กแชร์ข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศ ระบุว่า "ลูกบิ๊กการค้าโลก โดนข้อหาข่มขืน บุตรชายของผอ.องค์การการค้าโลกเดินทางขึ้นศาลเมื่อวานนี้ ในข้อหาข่มขืนหยิงสาววัย 18 ปี ภายในที่พักทางตะวันตกของกรุงลอนดอน และอีกครั้งหนึ่งเกิดขึ้นในเวสต์มินสเตอร์"
นอกจากนี้ ชายคนดังกล่าวยังถูกตั้งข้อหาข่มขืนหญิงสาวอีกรายวัย 27 ปี โดยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนพฤจิกายน ปี 2002 รายงานข่าว ระบุว่า ศาลได้อนุมัติให้ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว เนื่องจากมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง โดยจะนัดอ่านคำพิพากษาในเดือนกันยายน
ล่าสุดวันที่ 16 เม.ย.65 นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ประธานเครือข่ายศูนย์ทนายคลายทุกข์ วิเคราะห์คดีนักการเมืองลวนลามหญิงสาวและคุกคามทางเพศว่า การที่ศาลออกหมายจับแสดงว่าตำรวจต้องมีหลักฐาน ว่าผู้กระทำความผิดมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือ ทำผิดอย่างไร แต่ถ้ามีหมายจับแล้วไปโรงพัก อย่างนี้ไม่เรียกมอบตัว เรียกว่าถูกจับและทำบันทึกการจับกุมพร้อมแจ้งข้อหา ทั้งนี้ สิ่งที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงคดีนี้ ได้แก่
1.กล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุสำคัญที่สุด ถ้าชัดเจนไม่ต้องมีพยานก็ยังได้ แต่ตนคิดว่าไม่มี มิเช่นนั้นศาลคงออกหมายจับแล้ว ถ้ามีกล้องวงจรปิดเห็นการล้วง การควัก การจับ จบทันที ติดคุก 10 ปี แต่ต้องดูว่าสมยอมหรือไม่ ถ้าสมยอมก็รอด เพราะอนาจารต้องประทุษร้าย ไม่ยินยอม ดังนั้นภาพสำคัญสุด พอ ๆ กับคดีแตงโม เพราะกล้องวงจรปิดศาลฎีกาถือว่าเป็นพยานชั้น 1 เป็นพยานคนกลาง
2.ถ้าไม่มีกล้องวงจรปิด ก็ต้องดูว่ามีพยานบุคคลในที่เกิดเหตุหรือไม่ ถ้าจดจำรายละเอียดได้ พูดจาน่าเชื่อถือ คดีก็จบเช่นกันหรือพยานแวดล้อมที่เห็นเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ แต่ถ้าไม่มีคนเห็นเหตุการณ์ เช่น จับหน้าอกในรถแบบนี้สู้ลำบาก ภาษากฎหมายเรียกว่า "คำยันคำ" ผู้เสียหายพูดอย่าง ผู้ต้องหาพูดอย่าง อย่างนี้ไม่น่าเชื่อถือ อาจจะถูกยกฟ้อง มีข้อสงสัยตามสมควร เพราะการจะนำคนเข้าคุกได้ต้องปราศจากข้อสงสัยใด ๆ แต่ถ้ามีการข่มขืนในรถจริง มีร่อยรอยอสุจิ ร่องรอยฉีกขาด และแจ้งความทันที แบบนี้ยังพอจะสู่อต่อไปไหว แต่ไม่ใช่ผ่านมาหลายปีแล้วมาแจ้งความ อย่างนี้มีพิรุธ และคงยากที่ศาลจะเชื่อถือได้
ทนายเดชา กล่าวอีกว่า ตนเคยทำคดีให้ลูกความถูกกล่าวหาว่าไปข่มขืนลูกน้องตัวเอง ปรากฏผ่านมา 1 ปี เพิ่งมาแจ้งความในคดีข่มขืน ตำรวจต้องส่งไปตรวจร่างกายและตรวจภายใน ผ่านมา 1 ปีไม่พบร่องรอยการข่มขืน ตำรวจและอัยการจึงสั่งไม่ฟ้อง หลังจากนั้นลูกความของตนจึงฟ้องกลับว่าแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งผู้อื่น มีโทษจำคุก 5 ปี ศาลออกหมายจับ สุดท้ายผู้หญิงคนนี้หนีหมายจับ และคดีอดีต รมช.คมนาคม พาผู้หญิงเข้าโรงแรม มีความสัมพันธ์ และเก็บทิชชูที่มีคราบอสุจิแช่ตู้เย็นไว้ และผู้หญิงไปแจ้งความว่าถูกข่มขืน สุดท้ายเป็นการแบล็กแมล ตบทรัพย์ ศาลดำเนินคดีฝ่ายหญิงแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งผู้อื่นจนต้องติดคุก
นอกจากนี้ สิ่งที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงคดีนี้ 3.เสื้อผ้า ร่องรอยของผู้เสียหายที่ถูกทำอนาจาร มีลายพิมพ์นิ้วมือแฝง มีร่องรอยฉีกขาด ร่องรอยการต่อสู้ บริเวณที่เกิดเหตุ สถานที่เกิดเหตุ มีร่องรอยแสดงถึงการขัดขืนหรือไม่ ถ้าไม่มีพยานหลักฐานก็จะลดน้อยลง ดังนั้นการแจ้งความช้า หรือไม่แจ้งความทันที ก็จะเป็นพิรุธได้ ศาลจะไม่เชื่อ เช่น คดีของลูกความที่ศาลอาญาธนบุรี ข่มขืนเด็ก 6-7 ขวบ ลูกความเป็นคนแก่ มีบ้านติดกับเด็ก คดีนี้ไม่มีประจักษ์พยาน มีแต่พยานแวดล้อมยืนยันว่าเด็กมาหาจำเลยและพาไปห้องนอนหลายครั้ง เด็กไปบอกแม่ให้การตรงไปตรงมาถูกต้อง แม้ไม่มีร่องรอยการข่มขืน แต่ลูกความติดคุก 50 ปี เพราะศาลเชื่อเด็กอายุไม่ถึง 10 ขวบ ผ่านสหวิชาชีพ และมีพยานแวดล้อมประกอบ แต่คดีที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ ผู้เสียหายมีอายุและวุฒิภาวะแล้ว ศาลจะชั่งน้ำหนักเชื่อได้หรือไม่
"จะต้องนัดสืบว่าสาเหตุมีเรื่องโกรธเคืองกับผู้เสียหายมาก่อนไหม หรือมีปัญหากันมาก่อน เป็นคู่แข่งทางการเมือง สถานที่เกิดเหตุ น่าเชื่อหรือไม่ว่ามีการกระทำอนาจาร ศาลก็จะเอามาพิจารณาด้วย ส่วนการที่อ้างว่าศาลอังกฤษยกฟ้อง ก็ไม่สามารถนำมาใช้ในการกล่าวอ้างได้ การที่มีผู้เสียหายจำนวนมากถึง 20 ราย อ้างว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ จนเป็นสันดาน กระทำความผิดซ้ำซาก อาจจะเป็นประโยชน์กับผู้เสียหาย แต่ต้องมีพยานหลักฐาน เพราะผู้ต้องหาอาจแจ้งความกลับได้ในอนาคต เช่น แจ้งความเท็จ หรือหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากการให้สัมภาษณ์ออกสื่อ" ทนายเดชา กล่าวให้ฟัง
อย่างไรก็ตาม พยานในคดีจะต้องรู้เห็นเหตุการณ์จริง ๆ ไม่เช่นนั้นจะถูกดำเนินคดีเช่นกัน ตนขอย้ำว่าเป็นการให้ความรู้ ไม่รู้ฝ่ายใดถูกกรือผิด และการแจ้งข้อกล่าวหา การออกหมายจับ เป็นแค่กระบวนการเริ่มต้นของกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น เหมือนคดีแตงโม แจ้งข้อหา 5 คนบนเรือ ไม่ได้หมายความว่า กระทำความผิด ใครไปด่าคนบนเรือระวังถูกดำเนินคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เพราะตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้สันนิษฐานว่าบุคคลที่กระทำความผิดอาญา ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นผู้กระทำความผิด
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนมีหน้าที่ 2 อย่าง คือ พิสูจน์ความผิด กับพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และต้องเป็นกลางให้ความเป็นธรรมทั้งผู้เสียหายและผู้ต้องหา เพราะคดีข่มขืน คดีอนาจาร ถ้าเกิดในที่ลับ เช่น ในห้องส่วนตัว ในคอนโดฯ ไม่มีใครเห็น มีอายุความแค่ 3 เดือน นับแต่วันเกิดเหตุ ดังนั้น ส่วนใหญ่ที่เป็นข่าวขณะนี้จึงขาดอายุความ แต่อาจมาเป็นพยานให้กับผู้เสียหายอายุ 18 ได้
นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ กล่าวว่า หากถามว่าผู้ที่ถูกกระทำไม่ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ภายในอายุความ จนเป็นเหตุให้อายุ
ความขาดลง การกระทำดังกล่าวจะเป็นเช่นไร ในฐานะทนายอยากชี้แจงว่า กรณีนี้ความเป็นจริงหากอายุความขาดแล้ว ก็คงไม่สามารถทำอะไรได้ ถ้าอยู่ในห้อง 2 ต่อ 2 หรืออยู่บนรถที่ไม่ใช้กำลังบังคับ ระยะเวลาขาดอายุความ 3 เดือน เพราะเป็นคดียอมความได้
แต่ในส่วนนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ของผู้ที่กระทำว่า มีการข่มขู่ หรืออยู่ต่อหน้าธารกำนันหรือไม่ ใช้กำลัง ใช้อาวุธ บังคับข่มขืน กอดจูบ จับมือ จับกัน แจ้งความได้ เพราะในส่วนนี้จะมีอายุความสูงสุด 15 ปี แต่ถ้าไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์ ภายในอายุความ 15 ปี อายุความก็จะขาดลง ทั้งนี้ ถึงแม้กฎหมายไม่สามารถพิจารณาคดีได้ แต่ทางสังคมก็ต้องพิจารณา หรือควรลงโทษด้วยการต่อต้าน เนื่องจากเป็นอันตรายต่อสังคม
Advertisement