แม๊ขำบังแจ็คโชว์ผ้าแหกตาจับกระติกลบรูป อึ้งแฟนวีซิงร้อนตัวขอโทษก่อนโดนฟ้อง (คลิป)
จากกรณีที่เมื่อวานนี้ 6 เม.ย. 65 นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายศูนย์ทนายคลายทุกข์ ในฐานะทนายความดูแลคดี แตงโม-นิดา ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "ทนายคลายทุกข์" ข้อความระบุว่า "วันนี้ (7 เมษายน) เวลา 14.00 น. ทนายเดชา และแม่น้องแตงโม จะเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการสืบสวนภาค 1 เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมกับคนบนเรือ #แตงโมต้องไม่ตายฟรี"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เวลา 14.00 น. ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ พร้อมด้วยนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม เดินทางมาถึงยังกองบังคับการสืบสวนภาค 1 โดยก่อนขึ้นไปพบพนักงานสอบสวน ทนายเดชาระบุว่า เนื่องจากที่ทางพนักงานสอบสวนคดีแตงโมได้มีการเรียกทางคุณแม่ในฐานะผู้เสียหายเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม เพื่อนำไปประกอบสำนวนว่าจะมีการแจ้งข้อหาทำลายพยานหลักฐานเพิ่มหรือไม่ ตาม มาตรา 184 (ผู้ใดเพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ) กับทางด้านกระติก หรือ น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ เพื่อนสนิทของแตงโม หนึ่งในบุคคลบนเรือ
เนื่องจากพนักงานสอบสวนพบว่าจากการตรวจสอบอุปกรณ์สื่อสารของทั้ง 5 คนบนเรือ พบว่าทางด้าน "กระติก" มีพฤติการณ์ลบรูปภาพในช่วงจังหวะที่เกิดเหตุ และทำลายข้อมูลอื่นอีกหลายรายการออกจากมือถือไป ยังไม่ทราบว่ามือถือที่ทางกระติกลบข้อมูลออกไปนั้นเป็นเครื่องของใคร จากพฤติการณ์ดังกล่าวทำให้ทางพนักงานสอบสวนมองว่าเป็นการทำให้การดำเนินคดี หรือเอาผิดบุคคลอื่น ๆ บนเรือหายไป นอกเหนือจากภาพแล้วจะมีพยานหลักฐานอื่นประกอบด้วยหรือไม่ ในส่วนนี้คงต้องรอทางพนักงานสอบสวน
หลังจากนี้ พนักงานสอบสวนจะนำข้อมูลการสอบปากคำของทางนางภนิดาในวันนี้ ไปพิจารณาว่าสามารถแจ้งข้อหาการทำลายพยานหลักฐานกับทางกระติกได้หรือไม่ อาจมีความเป็นไปได้ที่ทุกคนบนเรือจะถูกดำเนินคดีในข้อหาทำลายพยานหลักฐาน เชื่อมโยงไปถึงปมทิ้งแก้วไวน์ ขวดไวน์ แม้ว่าเราไม่ได้กระทำ แต่เรารู้เห็นเป็นใจ หรือมีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ ก็สามารถจะโดนข้อหาได้เหมือนกัน ลักษณะเป็นตัวการร่วม ซึ่งที่ผ่านมามีเพียง "จ๊อบ หรือ นายนิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร" เพียงคนเดียวที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าว เกี่ยวกับการทิ้งแก้วไวน์ ขวดไวน์
ที่ผ่านมาในฐานะทนายความ การแจ้งข้อหาช้าหรือเร็ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน หน้าที่ของทนายคือการพาผู้เสียหายมาให้การเพิ่มเติม ยืนยันว่าผู้เสียหายจะดำเนินคดีหรือไม่ ซึ่งคุณแม่ในฐานะผู้เสียหายสามารถยื่นเรื่องจะเเจ้งเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญาได้ แต่การจะแจ้งหรือไม่แจ้ง ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน ส่วนถามว่าแล้วทำไมพนักงานสอบสวนถึงไม่แจ้งก่อนหน้านี้ทั้งที่มีพยานหลักฐานอยู่ในมือแล้ว ส่วนนี้ตนไม่ทราบ แต่จะสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ เพราะไม่ทราบว่าพยานหลักฐานที่เพิ่มเติมมานี้เพิ่งได้มาเมื่อไร ประจวบกับในมุมของการดำเนินคดีนั้น อย่าลืมว่าการจะแจ้งข้อหาดังกล่าวได้ ต้องรอผลการพิสูจน์จากกองพิสูจน์หลักฐานเสียก่อน ซึ่งผลดังกล่าวเพิ่งออกมา
"ไม่แปลกใจว่าทำไมเขามีพยานหลักฐานแต่ทำไมไม่แจ้งความ แต่กลับพาสำนวนของกระติกไปส่งอัยการเพื่อสั่งฟ้อง หวังคล้ายปิดคดีให้ไว ในส่วนนี้ตนต้องฟังจากปากของพนักงานสอบสวนก่อนว่าเหตุผลคืออะไร ส่วนการจะแจ้งเอาผิดกระติกในวันนี้เป็นความประสงค์ของพนักงานสอบสวนหลังพบพยานหลักฐาน ประจวบกับทางคุณแม่เองก็มีความประสงค์สอดคล้องเช่นกัน ยืนยันไม่ใช่เป็นความประสงค์ของทนาย เพราะไม่ได้มีอำนาจไปชี้นำในเรื่องนี้ ยืนยันว่าหลังจากนี้ คนบนเรืออาจจะมีข้อหาเพิ่มก็ได้ ภายหลังที่เมื่อวันก่อน ผบช.ภ.1 ได้ไปพบกับทางอัยการจังหวัดนนทบุรี เมีการพูดคุยถึงเรื่องสำนวน อาจจะมีความเป็นไปได้ที่ทุกคนอาจจะโดนข้อหาทำลายหลักฐาน ส่วนคนที่โดยแล้วก็คงไม่โดนอีก"
นางภนิดา แม่ของแตงโม เปิดเผยว่า สำหรับการเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนในวันนี้นั้น ตนไม่ทราบเรื่องของรายละเอียดว่าเป็นเรื่องการแจ้งข้อหาอะไร แต่พอจะทราบว่าเป็นเรื่องราวของคดี โดยในรายละเอียดส่วนตัวอยากจะให้ถามกับทางทนายเดชาจะดีกว่า ส่วนพยานหลักฐานในวันนี้ก็ไม่ได้มีการเตรียมอะไรมาแต่อย่างใด เมื่อถามว่าส่วนตัวยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ก็ไม่ได้กังวลในเรื่องของคดี ส่วนที่กระติกมีการลบภาพหรือข้อมูลในมือถือ สื่อความหมายว่าจะปิดบังอะไรหรือไม่ ตนยังไม่ทราบรายละเอียด ส่วนตัวในมุมของคดีอยากให้ทางทนายเดชาเป็นคนตอบจะดีกว่า
กรณีปมผ้าขาวที่ทาง ส.ส.เต้ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ออกมาระบุหลังได้รับข้อมูลจากบังแจ็ค ตนหัวเราะหลังเห็นข่าว ยืนยันว่าไม่ใช่ผ้าของแตงโมแน่นอน เพราะผ้าผืนจริงจะต้องมีที่คาดเอวอันใหญ่ แล้วแต่ทาง ส.ส.เต้ จะพิจารณา ยืนยันว่าไม่ถึงขั้นฟ้องร้องเอาผิด ปล่อยให้เขาทำไป ซึ่งจริง ๆ แล้วเรื่องราวที่เกิดขึ้นต้นตอที่ทำให้เกิดความสับสนนั้นน่าจะเป็นบังเเจ็คมากกว่า ที่ออกมากุเรื่องจนสังคมสับสน อีกทั้งบังแจ็คก่อนหน้านี้ทางเจ้าตัวยังพยายามโทรมาหาตน เพื่อที่จะแอบอัดเสียงนำไปตัดต่อเผยแพร่ในสื่อโซเชียล ตนไม่เคยอนุญาต อีกทั้งยังนำไปดัดแปลงเปลี่ยนแปลงข้อมูลไปทำคลิปตัดต่อ เอาหน้าคนอื่นมาใส่เสียงตน ทั้งที่พูดกับตนแค่ 4 คำก็เอาไปสร้างเรื่องได้
ส่วนคนที่เกาะกระเเสหวังสร้างชื่อบนความสูญเสียของคุณแม่ อยากจะบอกว่าค่อนข้างมีหลายคนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง เกี่ยวพันกับคดี หากเข้ามาเดี่ยวพันเฉย ๆ โดยที่ไม่ต้องด่าคุณแม่ ให้ทำไปเลย แต่หากเกี่ยวพันแล้วเข้ามาด่า พูดต่อว่าในข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ตนรับไม่ได้ ตั้งใจจะฟ้อง ส่วนคนที่จะเกาะกระเเสก็ให้เขาเกาะไป เขาได้กระเเส ได้ทั้งแสง ปล่อยเขาไป แค่อย่ามาต่อว่าตน
ส่วนเรื่องฟ้องหมิ่นประมาทเกรียนคีย์บอร์ด เตรียมจะดำเนินคดีกับบุคคลที่เข้ามาต่อว่าตนอย่างหยาบคายในแอปพลิเคชันวีซิง ซึ่งเป็นแอปร้องเพลง ตนมีข้อมูลเเละเตรียมจะดำเนินคดีแล้ว มี 2 รายได้อินบอกซ์ส่วนตัวมาหาตน พร้อมกับบอกว่าขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ แต่ตนก็เปิดอ่าน ไม่ได้ตอบกลับ
ขณะที่กรณี "ปอ-โรเบิร์ต" หลังจากสึกทั้งคู่ได้ติดต่อมาพูดคุยสั้น ๆ บอกว่าเขาเองสารภาพกับทางตำรวจไปแล้ว แต่ไม่ได้สารภาพกับตน พอตนถามเขาก็บอกว่าตามที่ได้พูดไปก่อนหน้านี้ ตนเองก็ไม่ได้ซีเรียส เขายังบอกว่าเขาเองไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์กับทางสื่อ ส่วนเรื่องของการดูแลและเยียวยา ยืนยันว่าปอและโรเบิร์ตยังคงรับผิดชอบเหมือนเดิมตั้งแต่ตอนที่พูดครั้งก่อน ส่วนรายละเอียดว่าจะเป็นอะไรนั้น ตนยังไม่ได้มีการพูดลุกถึงเงินหรือสิ่งที่เขาเยียวยา ยืนยันว่าส่วนตัวยังรู้สึกดีกับทั้งคู่เหมือนเดิม
ขณะที่การฟ้องร้องคนในวีซิง อาจจะเป็นเร็ว ๆ นี้ รอข้อมูลหลักฐานที่รวบรวมก่อนแล้วจะแจ้ง เรื่องของการเปลี่ยนศาสนานั้น ตอนนี้ก็คืบหน้าไปแล้ว 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะตนเองก็ได้เริ่มปฏิบัติมาตั้งแต่ตอนที่แตงโมยังมีชีวิตอยู่ ในใจตอนนี้ถือว่าตนอาจจะนับถือศาสนาคริสต์ไปแล้ว เหลือแค่เรื่องของพิธีที่ต้องรอให้แล้วเสร็จเรื่องของคดีและงานศพก่อน โดยงานศพนั้นจะมีการเผาร่างแตงโมเสร็จ คงไม่มีการนำไปลอยอังคารตามหลักศาสนาพุทธ
Advertisement
