จับ 5 โจ๋อุ้มฆ่าน้องเดียร์ โบ้ยรุ่นพี่สกรัมดับขัดธุรกิจมืด อึ้งแม่คนตายกล่อมเปิดปาก (คลิป)

กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก “สายไหม ต้องรอด” โพสต์คลิปวิดีโอกล้องวงจรปิด ปรากฏภาพชายวัยรุ่นประมาณ 4 คน ขี่จักรยานยนต์ซ้อนตามกันออกไป 2 คัน พร้อมระบุข้อความว่า "ด่วนวงจรปิดจับภาพกลุ่มคนร้ายเข้าไปอุ้มน้องวีรวุฒิ เกตุสุวรรณ หรือ น้องเดียร์ อายุ 19 ปี ออกไปจากบ้านในหมู่บ้านแสงธรรม ถนนสุขาภิบาล 5 แยก 57 พาไปที่เคหะออเงิน เมื่อคืนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 65 ที่ผ่านมา ก่อนพบกลายเป็นศพ"

กระทั่งวันที่ 5 ก.พ.65 พลตำรวจตรี อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ระบุว่า ขณะนี้ตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว และกำลังเร่งดำเนินการติดตามตัว ล่าสุดผู้ปกครองได้นำตัวผู้ก่อเหตุ 1 ราย ซึ่งเป็นเยาวชนเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.คันนายาวแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 6 ก.พ.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่ สน.คันนายาว หลังจากมีรายงานว่าผู้ก่อเหตุทั้งหมด 6 คน ผู้ปกครองได้พาเข้ามอบตัวแล้ว 5 คน ได้แก่ นายสุเมธ หรือ ฮันเตอร์ อายุ 18 ปี พ่อพามอบตัวคนแรกตั้งแต่เวลา 20.00 น. ของคืนวานนี้

ส่วนนายจิรายุ หรือ โด๊ะ อายุ 15 ปี, นายนาวิน หรือ บีม อายุ 16 ปี, นายณัฐพงษ์ หรือ ฟลุ๊ก อายุ 21 ปี และนายสิริมงคล หรือ กร อายุ 22 ปี ผู้ปกครองพามอบตัวตั้งแต่เช้ามืดของวันนี้

ขณะที่ผู้ก่อเหตุหรือหัวโจก คือ นายจิรวัฒน์ หรือ ยีนส์ อายุ 25 ปี ยังไม่มามอบตัว รวมถึงไม่มีการติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมอบตัวเช่นกัน ซึ่ง 5 คน ถูกเค้นสอบปากคำในห้องสืบสวนจนถึงเวลา 12.30 น. ก่อนส่งมอบให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนโดยละเอียดต่อไป

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน สน.คันนายาว เปิดเผยว่า การนำเด็กทั้งหมด 5 คน ไปสอบปากคำที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางจะเป็นไปตาม พ.ร.บ.เด็กและเยาวชน ในคดีอาญามีเด็กและเยาวชนร่วมกระทำความผิดหรือหลังจากสอบคำให้การแล้ว และบันทึกการมอบตัวแล้ว เยาวชนทั้ง 3 คน จะถูกส่งสถานพินิจ เนื่องจากพนักงานสอบสวนเห็นว่าเป็นคดี อุกฉกรรจ์จึงคัดค้านการประกันตัว ส่วนกระบวนการทางกฎหมายศาลจะเป็นผู้พิจารณากรณีญาติจะขอประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน จะถูกนำตัวกลับมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจ ก่อนจะสรุปสำนวนคดีอีกครั้ง เพื่อส่งศาลฝากขังผัดแรกต่อไป

ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ สนามเด็กเล่นจุดที่มีการรุมทำร้ายนายเดียร์ ผู้เสียชีวิต ไม่พบร่องรอยความเสียหายหรือคราบเลือด แถมเป็นมุมอับวงจรปิดของการเคหะออเงินส่องมาไม่ถึง ในสวนย่อมมีแต่ต้นไม้ ไม่มีไฟส่องสว่าง

นายทรงกรด (นามสมมติ) ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าให้ฟังว่า เวลาประมาณ 21.00 น. ตนเห็นกลุ่มวัยรุ่นวิ่งไล่กันโวยวายเสียงดัง แต่ผ่านไปสักพักตนเห็นลากเด็กคนหนึ่งเดินไปที่สนามเด็กเล่น ก่อนจะถูกรุมกระทืบ ตนจึงรีบลุกไปหยิบวิทยุแจ้งเหตุ ก่อนวิ่งออกมาอีกครั้งก็เห็นว่า มีกลุ่มคนที่เตะตะกร้อ ตะโกนให้หยุด ๆ แต่เด็กกลับยิงปืนขู่ จึงแตกกระเจิง จากนั้นเห็นลากเด็กเข้าไปรุมทำร้ายซ้ำ รวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานกว่า 2 ชม. พอทำร้ายกันเสร็จตนเห็นวัยรุ่นกว่า 10 คน ต่างวิ่งกรูเข้ายังตึก 10 กับตึก 11 และก็หายเงียบไป ตนก็ไม่ได้สังเกตอีกว่าเด็กที่ถูกทำร้ายเป็นอย่างไร แต่มองแล้วน่าจะเจ็บหนัก ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

นางแหม่ม (นามสมมติ) อายุ 40 ปี แม่ของนายจิรายุ เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตนรู้ข่าวจากตำรวจจึงพาลูกชายมามอบตัวกับตำรวจทันที เพราะลูกของตนทำผิด และร่วมกันทำร้ายคนอื่นจริง ๆ คนทำผิดต้องยอมรับผิด ตนยืนยันว่าถ้าตนเห็นเหตุการณ์ก็ต้องห้าม และไม่อยากให้เหตุแบบนี้เกิดขึ้น ส่วนสาเหตุเป็นเรื่องอะไรตนไม่รู้ แต่ลูกชายบอกตนเสมอว่า "ผมพยายามช่วยห้ามแล้ว แต่ก็ช่วยไม่ได้" เพราะก็ถูกรุ่นพี่ทำร้ายเหมือนกัน

"เขาโดนบังคับหรือไม่ แม่ไม่ทราบ น้องบอกเท่านี้ แต่เหตุแบบนี้น้องเดียร์ไม่ใช่ศพแรก ก่อนหน้ามีประมาณ 2-3 ศพ แต่ลักษณะต่างกัน แต่แม่ยืนยันเคสนี้ไม่ใช่การอุ้มฆ่าแม่เสียใจ ส่งสารลูกและสงสารน้องเดียร์ ที่ผ่านมาแม่เลี้ยงลูกตามวัย แม่พยายามบอกให้ทำในสิ่งที่ถูกและสิ่งที่ดี วันนี้อยากบอกสังคมว่าตอนนี้ลูกเข้าสู่กระบวนการ ลูกทำผิดต้องรับผิด แม่ไม่ปกป้อง" แม่ของผู้ก่อเหตุ กล่าว 

อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะขอโทษ แต่คงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว จริง ๆ ตนไม่อยากให้เกิดเรื่องขึ้น ลูกชายของตนยังเด็กและไม่มีวุฒิภาวะ ลงมือทำไปโดยพลการ ถ้าตนรู้ก็คงจะช่วยแก้ไขและไม่ให้เกิดอะไรแบบนี้ จึงเป็นบทเรียนทั้งตนและสังคมต้องช่วยกันรวมใจกันดูแลลูกหลานตัวเองให้ดีกว่านี้ 

ในระหว่างคุมตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 5 คน นำโดยนายโด๊ะ นายบีม นายฮันเตอร์ นายกร และนายฟลุ๊ก ทีมข่าวพยายามสอบถามนายกร ว่าทำไมถึงลงมือก่อเหตุอุกอาจอย่างนี้ และถูกข่มขู่จริงหรือไม แต่ทั้งหมดก็พูดเพียงแค่ว่า ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่กล่าวถึงสาเหตุใด ๆ 

ขณะเดียวกันช่วงคุมตัวผู้ก่อเหตุขึ้นรถผู้ต้องขังแล้ว ผู้ปกครองต่างพากันร่ำไห้ โดยเฉพาะแม่นายบีม พยายามเอื้อมมือเข้าไปในรถเพื่อจับมือลูกชายด้วยความโศกเศร้า ก่อนจะตะโกนบอกลูกเป็นภาษาอีสานว่า “บีมฟังแม่นะ ถ้าบีมทำบีมรับกับตำรวจนะ เชื่อแม่ฟังแม่นะ”

นายหวัง (นามสมมติ) อายุ 36 ปี พ่อนายฮันเตอร์ เปิดเผยว่า ตนได้กลับมานั่งคิดว่าทำไมลูกชายของตนโหดขนาดนี้ ตนจึงกล่อมลูกชายเข้ามอบตัว ตอนแรกลูกชายไม่พูดอะไรเลย จนแม่น้องเดียร์มากอดที่โรงพัก น้องถึงยอมเปิดปาก เพราะว่าทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน จากการสอบถามลูกชายบอกว่า ไม่ได้กลัวรุ่นพี่ และไม่ได้ร่วมกระทำ แต่ยอมรับว่าไว้ใจรุ่นพี่ รักรุ่นพี่ จึงเปิดปากยอมรับผิดคนเดียว

"เดียร์ติดค้างเงินค่าล้อรถมานาน รุ่นพี่จึงโมโหเข้าไปต่อยเดียร์ ก่อนเดินขึ้นตึกไป ดังนั้นปมเหตุที่เดียร์ถูกทำร้ายจนตายไม่เกี่ยวกับลูกชายผม ซึ่งจุดนี้อยู่ในสำนวน ผมยืนยันเรื่องนี้ไม่ใช่การอุ้มฆ่า เดี๋ยวความจริงก็ปรากฎ ทั้งนี้ตำรวจมีหลักฐานว่าเหตุเกิดขึ้นยังไง ฝากคนหนีจงอย่าหนี เพราะหนีไม่รอดแน่ ขอให้มามอบตัว มาสู้คดี เป็นคนทำก็ต้องรับกรรม ลูกผมทำก็รับกรรมอย่างลูกผู้ชาย เขาจะมาให้เด็ก ๆ รับฝ่ายเดียวไม่ได้" พ่อนายฮันเตอร์ กล่าว 

นางสาวสุกัญญา ขวัญจิตร์ หรือ หนู อายุ 37 ปี น้าผู้เสียชีวิต เดินทางมาที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้จะได้ตัวทั้ง 5 คนแล้ว แต่ทุกคนสนิทกับหลานของตน จึงคิดว่าเด็กพวกนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ตนยังวางใจไม่ได้ เพราะตนติดใจคำว่า "เด็กถูกผู้ใหญ่บังคับ และผู้ใหญ่พวกนั้นอยู่ที่ไหน" ตนอยากให้ตำรวจนำตัวมารับโทษให้ได้ โดยเฉพาะนายยีนส์หัวหน้าแก๊ง 

เพราะว่านายยีนส์ เพิ่งออกจากคุกมาไม่ถึง 2 เดือน น้องเดียร์เคยบอกว่า "ไม่อยากเข้าเคหะเลย ช่วงนี้พี่ยีนส์ออกจากคุกมาแล้ว กลัวโดนทำร้าย เพราะไปอยู่กลุ่มคู่อริ" อีกทั้งตนจำได้สนิทว่าต้องเป็นรุ่นพี่คนนี้แน่ ๆ ที่เคยให้น้องเดียร์ เป็นเด็กเดินยา เนื่องจากวัฒนธรรมที่นี่เป็นแบบนี้มานานแล้ว เพราะเด็กโทษน้อย