กรณีมีผู้ใช้ติ๊กต็อก chaynew01 โพสต์บรรยากาศภายในงานศพ ลูกหลานที่มีทำการรำ ลักษณะท่าทางแปลกไปจากเดิมเหมือนไม่ใช่ลูกหลานตัวเอง โดยคนภายในงานเชื่อว่าผู้ที่ทำการร่ายรำอยู่นั้นเป็นทวดที่เสียชีวิต ซึ่งทวดเป็นครูรำมีอายุ 103 ปี อีกทั้งยังมีการนั่งร้องไห้อยู่บริเวณหน้าโลงศพนั้น
วันที่ 11 ม.ค. 65 ทีมข่าวเดินทางไปที่ตำบลบางคู อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช พิกัดการถ่ายคลิป หลังจากที่ได้มีการตั้งบำเพ็ญกุศลศพของยายเปี้ยว รักภู่ อายุ 103 ปี มีพิธีฌาปนกิจศพไปเมื่อ 2 วันก่อนแล้ว ลูกหลานยังคงอยู่ในพื้นที่ ไม่มีการแยกย้ายเดินทางกลับต่างอำเภอ
ทีมข่าวไปที่ตำหนักมโนราห์ของบรรพบุรุษ มีหุ่นขี้ผึ้งของ "พ่อเริ่ม-แม่เยี้ยน" ซึ่งเป็นลูกของยายเปี้ยว ย่าทวด อายุ 103 ปีที่พึ่เสียชีวิตไป สำหรับพ่อเริ่ม อายุ 85 ปี เสียไปแล้ว 4 ปี ส่วนแม่เยี้ยน อายุ 66 ปี เสียไปแล้ว 19 ปี
นางสาวรุ่งทิวา ตรึกตรอง อายุ 53 ปี ลูกสาวของพ่อเริ่ม หลานสาวของยายเปี้ยว นำธูปจำนวน 9 ดอก พร้อมด้วยเทียนขาว 2 เล่ม ไปจุดบอกกล่าวที่หุ่นขี้ผึ้งของพ่อเริ่ม เพื่อขอให้อนุญาตให้ทีมข่าวสามารถบันทึกภาพและเข้ามาถ่ายทำ จากนั้นท่าทีของนางสาวรุ่งทิวามีอาการเปลี่ยนไป นั่งชันเข่า มือสองข้างวางไว้ที่หน้าตัก ใบหน้ามีลักษณะยิ้มหลับตา สื่อสารบอกทีมข่าวว่า "ดวงวิญญาณของพ่อเริ่มมโนราห์รับรู้แล้ว อนุญาตและดีใจที่ทีมข่าวเข้ามาตำหนักในวันนี้ มีการสื่อสารจิตผ่านร่างของลูกสาว เพื่อให้ทีมข่าวรับรู้" โดนท่านั่งและใบหน้าถ้าเทียบกับหุ่นขี้ผึ้งที่อยู่ด้านในตำหนักมีลักษณะคล้ายกัน
จากนั้นมีผีเสื้อตัวเล็กสีดำเข้ม และมีลายจุดหลากสี คล้ายกับชุดมโนราห์ที่หุ่นขี้ผึ้งพ่อเริ่มสวมใส่อยู่ เดินไปที่นายอรรถชัย ตรึกตรอง อายุ 55 ปี ลูกชายของพ่อเริ่มอีกคน และกางปีกขึ้นลง ทางครอบครัวเชื่อว่าดวงวิญญาณของพ่อเริ่มได้ปรากฏเป็นลักษณะผีเสื้อ เพื่อพยายามสื่อสาร
ด้านนายอรรถชัย ตรึกตรอง และนางสาวรุ่งทิวา ตรึกตรอง ลูกของพ่อเริ่ม เปิดใจว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ปรากฏเป็นไปตามคลิป ในวันนั้นเป็นวันที่ตนเองตั้งใจพาลูกหลานรวม 5 คน สวมใส่ชุดมโนราห์ไปรำถวายที่หน้าโลงศพของยายเปี้ยว ย่าทวด ที่ถึงเสียชีวิตลงด้วยโรคชรา ก่อนหน้านี้ตอนที่ย่าทวดยังมีชีวิตอยู่ ตนเองได้เดินทางไปเยี่ยมยายทวดที่โรงพยาบาล ย่าทวดมีอาการลักษณะรำมโนราห์ขึ้นมาทั้งที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย บร้องเพลงมโนราห์ ทำให้ตนเองเกิดความตกใจ ย่าทวดได้มีการสั่งเอาไว้ว่า "หากกูเป็นอะไรไป ให้ลูกหลานมารำหน้าโลงศพให้ดูด้วย"
หลังจากที่ย่าทวดเสียชีวิตคืนวันอังคาร 4 ม.ค. จึงได้ทำตามคำสัญญา ให้ลูกหลานสวมใส่ชุดมโนราห์ออกไปรำ ตอนนั้นเกิดอาการแปลก ตัวเองกำลังแจกธูปให้กับลูกหลานที่กำลังจะรำคนละ 1 ดอก จังหวะที่ยื่นธูปให้กับเด็ก 14 ปี เหลนของย่าทวด ก็เริ่มมีอาการแปลก โดยการหนักที่ไหล่ หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก แต่การรำถวายก็เริ่มขึ้นตามปกติ และเด็ก 14 ปี ก็เริ่มรำท่าสวยขึ้น อ่อนช้อยขึ้น ผิดแปลกจากเด็กใหม่ที่พึ่งหัด ตนเองสังเกตว่ามีท่ารำบางอย่างตรงกับท่ารำของย่าทวดที่ไม่เคยสอนใคร ตนเองเคยเห็นจึงยืนยันชัดเจนว่าคนที่อยู่ในร่างของเด็ก 14 ปีคือย่าทวด ตนเองจึงได้เข้าไปพูดคุย ซึ่งย่าทวดมีสีหน้ายิ้ม พร้อมบอกว่า "ย่าทวดชอบมาก ขอบคุณที่ให้ลูกหลานมารำถวาย" โดยตอนนั้นเด็กอายุ 14 ซึ่งมีศักดิ์เป็นเหลนก็รำนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะเริ่มอ่อนแรงลง และนอนลงบนพื้น
เมื่อย่าทวดออกจากร่างของเด็ก 14 ปี ก็ไปเข้าลูกหลานคนอื่น ลักษณะชี้ไปที่ใครคนนั้นก็ออกมารำ ทำให้มีลูกหลานต้องออกไปตามคลิปมากกว่า 8 คน ทุกคนที่เป็นลูกหลานแม้ว่าจะรำมโนราห์ไม่เป็น แต่หลังจากที่ย่าทวด รวมถึงพ่อเริ่มแม่เยี้ยนทยอยหมุนสลับสับเปลี่ยนเข้าร่างของลูกหลาน ทำให้ทุกคนสามารถรำมโนราห์ได้ทุกท่า
ส่วนกรณีที่ทีมข่าวเดินทางมาถึงตำหนักมโนราห์ครูอาจารย์ของต้นตระกูลในวันนี้ ปรากฏว่าเกิดอาการแปลก ตอนแรกที่มีการจดธูปก็เป็นการบอกกล่าวเพื่อขออนุญาตให้ทีมข่าวบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดได้ตามปกติ เป็นการบอกกล่าวให้ดวงวิญญาณของพ่อเริ่มรับรู้ แต่ก็ไม่คิดว่าหลังจากนั้นจะมีการสื่อสารจิตผ่านร่างของตนเอง ส่วนกรณีที่มีผีเสื้อบินมาให้เห็น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เวลาที่มีคนมาที่ตำหนัก ลูกหลานเชื่อกันว่าเป็นดวงวิญญาณของพ่อเริ่ม
นายปิยะเทพ ดำมี อายุ 28 ปี เหลนของย่าทวดคนตาย คนถ่ายคลิป เปิดเผยว่า เหตุการณ์ในวันนั้นทุกคนก็ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นน้องนางรำมโนราห์เริ่มมีอาการแปลก มีท่าทางที่รำหนักขึ้นกว่าคนที่ฝึกรำครั้งแรก เพราะน้องคนดังกล่าวฝึกรำได้ไม่ถึง 3-4 ครั้ง เป็นการออกงานครั้งแรก เมื่อตนเองเห็นอาการแปลก ประกอบกับรำอ่อนช้อยเหมือนกับที่ย่าทวดเคยรำ จึงได้ตัดสินใจถ่ายคลิปเก็บเอาไว้
หลังจากนั้นพวกญาติผู้ใหญ่ก็ได้พากันเข้าไปพูดคุยกับย่าทวด เพื่อที่จะสื่อสารเกี่ยวกับความต้องการที่มาเข้าร่างของเด็ก 14 ปี แต่ทุกคนก็ทราบว่าเป็นเรื่องของความเป็นห่วงที่ยายทวดมีความเป็นห่วงลูกหลาน มีเหตุการณ์แปลกก่อนหน้านี้ หลังจากที่ย่าทวดเสียชีวิตในคืนของวันอังคาร 4 ม.ค. บ่ายของวันเดียวกัน ญาติพี่น้องและลูกหลานตกลงพูดคุยกันจะพาร่างของย่าทวดไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดบางคู ทันทีที่ร่างของย่าทวดไปถึง หลานชายของย่าทวดเกิดอาการแปลก ทั้งที่ยังไม่มีการตั้งสวดอภิธรรม ไม่มีการรดน้ำศพ หลานชายคนดังกล่าวก็เกิดอาการแปลกเหมือนถูกเข้าสิงห์ พูดจาสื่อสารทำนองว่า "กูจะกลับบ้าน พากูกลับบ้าน กูไม่อยู่วัด" ทุกคนจึงมีความเชื่อว่าเหตุการณ์ครั้งแรกนั้นย่าทวดต้องการบอกกับลูกหลานให้พากลับไปที่บ้าน
Advertisement