"ดาวเกิด - ดาวดับ"
ในรอบปีมีหลายคนที่ฉายแสงเป็น "ดาวเกิด" จากความดีที่ช่วยเหลือสังคม อีกฟากฟ้าก็มี "ดาวดับอับแสง" จากคนที่โด่งดัง ไร้คนเคียงข้าง ถูกมิตรสหายตีจาก
ชั่วโมงนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก "หมอปลา มือปราบสัมภเวสี" หรือนายจีรพันธ์ เพชรขาว ตระเวนช่วยเหลือคนทุกข์ยากทั่วทุกภาค ทั้งเรื่องคน เรื่องผี ใครมีปัญหาต้องร้องเรียกหมอปลาช่วยด้วย ภาพจำอาเจียนเมื่อสัมผัสสิ่งลี้ลับ ควงค้อนไล่ทุบศาลเก่า ปราบความไม่สบายใจให้ชาวบ้าน พร้อมยื่นมือช่วยเหลือแบบฟรี ๆ ไร้เงินบริจาค จนทำให้หมอปลากลายเป็นดาวเกิดดังจนฉุดไม่อยู่ ด้วยฝีปากที่กล้าและตรง ไปพร้อมกับทีมงานเบื้องหลัง ขึ้นเหนือล่องใต้ ปราบลัทธิแปลก ๆ ที่สร้างความเดือนร้อนบนความเชื่อของชาวบ้านได้เป็นจำนวนมาก
นอกจากการทุบศาลปราบสัมภเวสี จะเป็นภาพจำของหมอปลาแล้ว หมอปลากลับมามีชื่อฟีเวอร์ในโซเชียลและสังคมอย่างสุดขีด เมื่อเข้ามาเปิดโปงความจริงขบวนการศูนย์บำบัดยานรก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี นำไปสู่การปลดปล่อยอิสระภาพหลายร้อยชีวิตที่ถูกขังอยู่ หากใครเดือดร้อนถูกย่ำยี ไม่ได้รับความเป็นธรรมในสังคม หมอปลาก็ระดมทนายฝีมือดีตบเท้าเข้าช่วย หวังแค่ช่วยเหยื่อให้พ้นทุกข์
อดีตผู้ป่วยวัดท่าพุ เปิดใจพร้อมยกมือไหว้หลังได้รับอิสระว่า "พวกตนต้องขอกราบขอบคุณช่องอมรินทร์ ทีวี ขอบคุณทนายไพศาล ทนายพิพัฒน์ และหมอปลา ที่ให้การช่วยเหลือพวกผมให้ได้ออกมาจากวัดท่าพุ หลังจากออกมาจากสถานบำบัดได้แล้ว ตอนนี้พวกผมอยู่ดี กินดี อยู่สบายครับ ขอขอบคุณนะครับ"
นายจีรพันธ์ เพชรขาว เปิดใจว่า "ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณสื่อมวลชน อมรินทร์ ทีวี เมื่อมีเรื่องราวร้องทุกข์ไป ทางช่องอมรินทร์ก็จะเกาะติดและให้ความช่วยเหลือ ทั้งทางเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ขอขอบคุณโกบอยครัช ทนายไพศาล ทนายโนบิตะ และเสี่ยเปีย ถ้าไม่ได้บุคคลเหล่านี้คอยช่วยเหลือด้วย ผมกล้ายืนยันว่าผมก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือคนได้ โดยเฉพาะบางเคสที่ต้องต่อสู้กับพวกผู้มีอิทธิพล"
จากคดีน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ หายตัวไปจากบ้านกกกอก อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ก่อนพบเป็นศพบนภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 2 กิโลเมตร กลายเป็นข่าวโด่งดังทั่วประเทศ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สังคมรู้จักผู้ชายที่ชื่อไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ลุงเขยของน้องชมพู่ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยทางคดี
กระแสลุงพลฟีเวอร์ถึงขีดสุด ตระเวนสายรับงานบันเทิงอย่างต่อเนื่อง มียูทูเบอร์ติดตามกว่า 40 ช่อง ดารา-ศิลปินเข้าหาไม่ขาดสาย จนค่อย ๆ ถอยหนีหายไปทีละคน ด้วยเหตุผลที่ว่า "ลุงพลเปลี่ยนไป"
ต่อมา วันที่ 19 มกราคม 2564 กระเเสลุงพลร้อนเเรงอีกครั้ง หลังจากเกิดภาพลุงพลฟิวส์ขาด กระชากไมค์สื่อจนตกเป็นคดีทำร้ายร่างกายสื่อมวลชน โซเชียลขึ้นแฮชเเท็ก "ลุงพล" อันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์
ต่อมา 18 กุมภาพันธ์ 2564 ทนายตั้ม ษิทรา ตั้งโต๊ะรับทำคดี ผ่านไปเพียง 4 เดือน กระแสพลิกชะตาชีวิตเปลี่ยน ลุงพลกลับมาครองหน้าจอสื่ออีกครั้ง 1 มิถุนายน 2564 ลุงพลถูกออกหมายจับโยงคดีฆ่าน้องชมพู่ เช้าวันรุ่งขึ้น 2 มิถุนายน 2564 ตำรวจคอมมันโดติดอาวุธล้อมบ้านนายไชย์พลหวังรวบตามหมายจับ แต่ผิดหวังไม่เจอลุงพล ขณะที่นายไชยพลโผล่ที่กรุงเทพฯ หวังมอบตัวกับ ผบ.ตร. แต่ตำรวจรวบตามหมายคาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลุงพลตกเป็นผู้ต้องหา แต่แฟนคลับหลั่งไหลมอบช่อดอกไม้ ส่งกำลังใจถึงหน้าศาล จากนั้นทนายษิทรา ประกาศถอนตัวไม่ขอทำคดีต่อ ด้วยเหตุผลที่ว่า "ถอนตัวเพราะหมดใจ" เกิดกระแสวิจารณ์หรือเพราะว่าทนายเห็นหลักฐานเด็ดมัดตัวลุงพลหรือไม่
นายไชย์พล วิภา เปิดใจว่า บ้านเราไม่ได้สมบูรณ์ หลังจากที่เปลี่ยนแปลงมาเยอะ บางคนก็อาจจะมองว่าเรามีทรัพย์สินมากยิ่งขึ้น จริง ๆ แล้วหนี้สินของเราก็ยังมีเหมือนเดิม ส่วนทางด้านคดีความต่าง ๆ เรายึดหลักความจริงคือมุ่งไปทางศาล และพยานหลักฐานต่าง ๆ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ศาลแล้วตอนนี้ พร้อมจะสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์เช่นเดิม
นางสมพร หลาบโพธิ์ เปิดใจว่า นอกจากเรื่องคดีแล้ว ก็เหมือนว่าเราเองก็ได้เรียนรู้ชีวิต เรียนรู้คน เรียนรู้การทำงาน เรียนรู้ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่เคยพบเคยเจอ เก็บประสบการณ์ตรงนั้นเอามาไว้ เพื่อให้ตัวเองได้เดินต่อไปข้างหน้า ทุกคนที่มีคดีก็คงกังวลกันหมด แต่เราก็จะไม่เอาความกังวลมาทำให้เราถึงทางตัน หรือเดินต่อไปไม่ได้ ต้องทำใจให้โล่งและเผชิญปัญหาตรงนั้นไปให้ได้ก่อน
Advertisement