กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "วัชรพงศ์ ไทยยากรณ์" โพสต์คลิปวิดีโอความยาว 4 นาที 17 วินาที ปรากฏภาพกู้ภัยกำลังตีกัน บริเวณหน้าห้างฯ บิ๊กซี พุทธมณฑลสาย 3 ซึ่งเหตุเกิดเวลาประมาณ 21.30 น. ของวันที่ 6 ธันวาคม 64
โดยระบุข้อความว่า “ไอ้_ตว์จุดชานธน ฯ สาย 3 มึงรุ่มกระทืบน้องกูนะ ต่อไปนี้กูไม่จบกับพวกมึงแน่ ขนาดหน่วยงานเดียวกันแม่งยังกระทืบกันเลย #แล้วไม่ต้องติดต่อมาให้กูลบคลิปนะ”
ล่าสุดวันที่ 7 ธ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ บริเวณถนนพุทธมณฑลสาย 3 ตรงข้ามบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า มุ่งหน้าถนนพุทธมณฑลสาย 4 พบร่องรอยของรถที่ประสบอุบัติเหตุ ทั้งเศษกระจกที่แตก เศษวัสดุของตัวรถยนต์ รวมไปถึงมีการใช้ทรายโรยคลุมคราบน้ำมันที่อยู่บนผิวถนนไว้ด้วย
นายเรียบ (สงวนนามสกุล) กล่าวว่า ขณะนั้นมีรถกระบะสีเขียว กับรถเก๋งสีดำ วิ่งชนกันประสานงานจนไฟลุก มีพลเมืองดีนำถังดับเพลิงมาดับไฟ แต่ไม่นานกู้ภัยก็มากันเป็นจำนวนมาก ก่อนจะชกต่อยกัน แบบไม่ทราบสาเหตุและไม่รู้ว่ามีใครได้รับบาดเจ็บบ้าง ส่วนตัวไม่ได้อยู่ในเวรเพราะเข้าเวรเช้า แต่หลังรับเวรก็ได้รับแจ้งว่ามีเหตุกู้ภัยชกต่อยกัน ตนจึงมองว่าไม่ควร เพราะมาช่วยคนอื่นก็ไม่ควรมามีปัญหากันเอง
ด้านนายไกรลาศ กองมะณี อายุ 51 ปี พ่อค้าก๋วยเตี๋ยวที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า หลังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็มากันเยอะมาก ก่อนจะมีการทะเลาะวิวาทกันอย่างชุลมุนต่อหน้าตำรวจจราจร และชาวบ้านก็โห่ร้อง เพราะคนเจ็บยังอยู่ในรถ แต่กู้ภัยกลับวิ่งไล่ตีกันประมาณ 2-3 นาที
ส่วนตัวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มากันเยอะควรช่วยกัน เอาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาลก่อน ไม่ควรมาทะเลาะกันแบบนี้ ตนก็ได้แต่ยืนมอง ทำไมทุกคนไม่ใจเย็น ๆ ช่วงนี้หัวร้อนกันบ่อย ถ้าจะช่วยประชาชนจริง ๆ จะเขตใครก็ควรมีสติและช่วยกันไปก่อน
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทีมข่าวสอบถามผู้โพสต์ เปิดเผยว่า ตนได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนหน้าห้างฯ บิ๊กซี พุทธมณฑลสาย 3 เวลาประมาณ 21.30 น. โดยนายสรวง (ไม่ทราบชื่อจริง) ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และทีมงาน เป็นทีมป่อเต็กตึ๊งจากจุดบางแค ไม่ได้สวมเครื่องแบบรีบเข้าไปช่วย โดยที่ยังไม่ได้แต่งเครื่องแบบป่อเต็กตึ๊ง ซึ่งพอไปถึงเห็นรถมูลนิธิคันหนึ่ง (ป่อเต็กตึ๊ง จุดชานธน 3) ซึ่งไปถึงก่อน จอดขวางทางทำให้ไม่สามารถนำรถเข้าไปรับคนเจ็บได้ ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เลยเข้าไปบอกให้ถอยรถ
แต่ฝั่งป่อเต็กตึ๊ง จุดชานธน 3 ซึ่งไปถึงก่อนแล้วไม่พอใจ เพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร ไม่ได้ใส่เครื่องแบบ แล้วมาสั่งให้ถอยรถ จึงเกิดการกระทบกระทั่งกันตามคลิปดังกล่าว นายสรวงกับเพื่อนเจ็บทั้งคู่ แต่นายสรวง เจ็บหนักสุด น่วมทั้งตัว เลือดกำเดาไหล อย่างไรก็ตามทั้ง 2 ฝั่งนัดเครียร์กันที่มูลนิธิ ป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชยในช่วงบ่ายวันนี้
ทั้งนี้ ที่มูลนิธิ ป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย พบว่าทั้ง 2 ฝ่ายได้เข้ามาพูดคุยกันนานกว่า 1 ชม. ก่อนจะออกมาเครียร์ใจต่อหน้าสื่อมวลชนที่มารอติดตาม ทราบชื่อผู้บาดเจ็บนายณัชธฤต ไทยยากรณ์ หรือ สรวง อายุ 35 ปี ทำงานอาสามา 18 ปี รหัสจุดสน.ภาษีเจริญ 005 พื้นที่รับผิดชอบห่างจุดเกิดเหตุ 10 กม. ซึ่งได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาข้างขวา ส่วนคู่กรณีทราบชื่อ นายพร้อมพงษ์ เอี่ยมสมบูรณ์ หรือ จุก อายุ 39 ปี ทำงานอาสามา 20 ปี รหัสจุดกระทุ่มแบน 010 พื้นที่รับผิดชอบห่างจุดเกิดเหตุ 10 กม. ทั้งคู่จับมือ และโอบกันเล็กน้อย
นายสุชีพ บุญเส็ง หัวหน้าแผนกอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยว่า จากการสอบสวนทราบว่ามีอุบัติเหตุรถเก๋งสีดำ คนขับ 1 คน ผู้โดยสาร 1 คน วิ่งมาจากถนนพุทธมณฑลสาย 3 พุ่งข้ามเกาะกลางถนน ชนประสานงานกับรถกระบะสีเขียว มุ่งหน้าไปถนนพุทธมณฑลสาย 4 ขณะนั้นรถเก๋งชนกับกระบะมีไฟลุกไหม้ ซึ่งเหตุเกิดที่ปากเพชรเกษม 73 ฝั่งขาออก รวมมีคนเจ็บ 4 คน
"อาสาทุกคนประสงค์ช่วยคนเจ็บนำส่งโรงพยาบาล และคนเยอะพื้นที่กว้าง มืดด้วย จึงส่งเสียงดังใส่กันเหมือนด่าทอกัน จึงเกิดการเข้าใจผิด และอารมณ์ขึ้น ทำร้ายร่างกายกัน แต่ในชั่วโมงนั้นดำเนินการอะไรไม่ได้ วันนี้จึงเชิญทั้ง 2 คนมาให้ข้อมูล ผมยืนยันว่ามูลนิธิจะไม่มีการสอนให้อาสาทะเลาะวิวาทกันเอง ทำงานต้องทำด้วยความสามัคคีเพื่อช่วยคนให้ปลอดภัย" นายสุชีพ กล่าว
ทั้งนี้ แม้นายสรวง จะไม่ติดใจเอาความ และนายจุก ยอมรับผิดที่ลงมือก่อเหตุก่อน แต่มูลนิธิมีกฎระเบียบ
จึงลงโทษนายจุก ตามระเบียบคือพักรหัส 1 ปี ในการทำงาน เพราะถ้าทำงานด้วยกันแล้ว ไม่มีความสามัคคีกันก็ต้องได้รับโทษ หลังจากนี้ สามารถใส่ชุดมูลนิธิได้ แต่หากตรวจสอบพบว่าไปก่อเหตุในทางที่ผิดกฎหมายอีกก็จะมีบทลงโทษที่รุนแรงมากขึ้น
นายพร้อมพงษ์ อายุ 39 ปี ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ขณะนั้นมีอาสาจุดสน.หนองค้างพลู เข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว และจะมีอาสาอีก 6-7 จุด รวมอาสากว่า 50 คน รถเครื่องอุบปกรณ์ต่าง ๆ กว่า 20 คัน ขณะนั้นต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ทั้งการช่วยเหลือผู้ป่วยในเบื้องต้น ดูจราจร และมีผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย ติดค้างในรถทั้ง 2 คัน จากนั้นตนอยู่ระหว่างจะนำอุปกรณ์ตัดถ่างออกไปช่วยเหลือ แต่ไม่ทันได้หยิบอะไร นายสรวง ก็เข้ามาบอกให้ตนถอยรถ เพื่อเครียร์การจราจรและนายสรวง ซึ่งแต่งกายชุดธรรมดา เป็นเหตุให้ตนไม่รู้ว่านายสรวง เป็นอาสาด้วยกัน เพราะไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน
"ประกอบกับมีการใช้คำพูดจาเสียงดัง ในระหว่างนั้นศอกกระแทกไปโดนตาของนายสรวง จึงเกิดเหตุทะเลาะกันขึ้น ผมยืนยันมีสติดี ไม่ได้ดื่มหรือมึนเมา ส่วนอาสาคนอื่น ๆ ก็พยายามห้าม ส่วนตัวยอมรับผิดทุกอย่าง จากนี้ก็จะพยายามปรับตัวให้ใจเย็น และก็จะช่วยเหลือสังคมเหมือนเดิม แม้จะไม่ได้ใสชุด แต่ก็จะช่วยเหลือคนต่อไป" นายพร้อมพงษ์ กล่าว
ด้านนายณัชธฤต อายุ 35 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ในช่วงนั้นตนก็ได้รับแจ้งเหตุเหมือนกัน เวลา 23.00 น. มีคนติดอยู่ในรถ 2 คน จึงรุดออกจากหน้าตลาดบางแค แต่ไม่ได้ใส่ชุดอาสา และไม่เคยเห็นหน้านายจุก และเขาก็ไม่คุ้นหน้าตน ตนก็พูดเสียงดังด้วย จากนั้นก็ชกต่อยกัน โดยที่ยังไม่ได้คุยกันเรื่องอุปกรณ์ว่าตนก็ตั้งใจจะเอาอุปกรณ์ไปช่วยคนเจ็บเหมือนกัน
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าไม่มีการแย่งเคส หรือแยกพื้นที่รับผิดชอบกันแน่นอน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เคลียร์กันจบเรียบร้อย ตนไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี ส่วนอาการบาดเจ็บที่ใต้ตาขวาเล็กน้อยและใบหน้าใน ตนยืนยันอนาคตหากนายจุก ได้รหัสคืนก็กลับมาร่วมงานได้เหมือนเดิม
Advertisement