วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 พ.ต.อ.จักรพงศ์นุชผดุง ผกก.สภ.สำโรงใต้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูชุดปฏิบัติการกู้ภัยทางสูงและหน่วยเฉพาะกิจกองทัพเรือยุทธการ 401 หน่วยช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำของกองทัพเรือเตรียมความพร้อมในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านล่างใต้สะพานภูมิพล 2 ได้ทำการวางแผนเพื่อช่วยเหลือนายมารุต อายุ 40 ปี ที่นั่งอยู่ที่คานสะพานภูมิพลกว่า 10 ชั่วโมง
เจ้าหน้าที่ประชุมวางแผนเพื่อเจรจาเกลี้ยกล่อม และวางแผนเพื่อเข้าให้ความช่วยเหลือ แต่นายมารุตไม่ค่อยให้ความร่วมมือจึงโดดสะพานต่อหน้าต่อตาเจ้าหน้าที่ทันที
ทีมข่าวเดินทางไปยังบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านล่างใต้สะพานภูมิพล 2 จากระดับสะพานลงไปจนถึงผิวน้ำ 50 เมตร และจากผิวน้ำไปจนถึงก้มพื้นด้านล่าง 20-30 เมตร ปรียบเทียบกับตึกได้ประมาณเท่าตึก 15 ชั้น ผิวน้ำมีลักษณะนิ่งเชี่ยวเป็นบางช่วง
นายชลอ เสือกระจ่าง เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกตัญญูที่อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งนายมารุต คนก่อเหตุ ได้พยายามจะกระโดดตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่พยายามพูดเกลี่ยกล่อมไว้ จนมาถึงช่วงเช้าเวลา 08.00 น. ทางนายมารุตมีอาการเครียดมากกว่าเดิม ไม่พูดจากับใคร พยายามที่จะออกตัวกระโดดอย่างเดียว
ซึ่งขณะนั้นทางเจ้าหน้าที่เองได้มีการพูดเกลี่ยกล่อมว่า "ต้องการอะไร อยากจะคุยกับใคร" ทางนายมารุตบอกมาแค่ว่า "อยากจะคุยกับท่าน ผบ.ตร." จากนั้นทางญาติเดินทางมาพอดี พร้อมกับเพื่อนร่วมงานที่มาช่วยกันพูดคุย แต่ทางนายมารุตก็ไม่ยอมพูด พร้อมกับกระโดดลงสะพานไปทันที ต่อหน้าต่อตาทุกคนที่ยืนอยู่บนสะพาน
หลังจากนั้น ทราบสาเหตุจากเพื่อนร่วมงานและญาติว่าทานายมารุตมีความเครียดสะสมมาตลอด ทั้งเรื่องงาน เรื่องโควิด-19 ซ้ำยังมีโรคประจำตัวคือโรคประสาท และขาดยารักษาอีกด้วย จึงก่อเหตุปลิดชีพตัวเอง
ทั้งนี้ เมื่อทางนายมารุตกระโดดลงไปแล้ว ทางเจ้าหน้าที่เองก็มีความยากที่จะเข้าช่วยเหลือแล้ว เนื่องจากระดับน้ำลึกมาก และมีความเชี่ยว สีน้ำก็ขุ่นมัว มองไม่เห็นใต้น้ำ จึงต้องรอเวลา 1-2 วัน ให้ศพลอยขึ้นมาเอง
นางวาสนา โพธิ์ทอง แม่ของผู้เสียชีวิต ระบุว่า ลูกชายเป็นคนโอบอ้อมอารี สมัยที่ลูกชายบวชเป็นพระประมาณ 7 ปีที่แล้ว ลูกชายก็ได้ซื้อโทรศัพท์มือถือให้กับเพื่อนเนื่องจากเพื่อนอยู่ จ.อุบลราชธานี ยากลำบากก็ซื้อผ่อนกับพระด้วยกันเอง ราคา 10,000 บาท และได้ส่งโทรศัพท์ไปให้เพื่อน ลูกชายเป็นคนขี้สงสารคน ตอนเป็นพระก็ช่วยเหลือแม่เรื่องค่าเช่าห้อง เดือนละ 3,000 บาท ลูกชายเป็นคนจิตใจดี เพิ่งสึกจากการเป็นพระได้ประมาณ 1 ปีกว่า อยู่กับตนเองได้ประมาณ 8 เดือน หลังจากนั้นก็โทรศัพท์หาเพื่อนให้เพื่อนมารับไปทำงาน ตนก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย
ตนเองทราบว่าลูกชายทำงานที่บริษัทขนส่งสินค้าเจ้าหนึ่งได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว ลูกชายไม่ชอบ จึงเปลี่ยนไปสมัคร รปภ.ได้ประมาณ 2-3 เดือน ทำงานแล้วไม่ได้รับเงินเดือนทั้ง 2 เดือน และเมื่อมาทำงานที่สุดท้ายได้ประมาณ 1 เดือนเศษ ลูกชายก็ไม่ได้รับเงินเดือนแม้แต่บาทเดียว ลูกชายบอกว่าบริษัทยุบ เรื่องปัญหาโควิด-19 จึงไม่ได้จ่ายค่าจ้างพนักงาน
เมื่อวานประมาณ 15.00 น. ตนเองได้คุยกับลูกชาย ถามว่าอยู่ที่ไหน ลูกชายบอกว่ามาทำบุญกฐิน และลูกชายก็ขอเงินไป 100 บาท เพื่อจะขอเงินซื้อบุหรี่ และตนเองก็ได้โอนเงินให้กับลูกชายไป ลูกชายเป็นคนไม่เที่ยว ไม่ดื่มเหล้า คิดว่าลูกชายอาจจะขาดความอบอุ่น ตั้งแต่พ่อของลูกชายเลิกรากับตนเองไปทำงานต่างประเทศ ไม่ได้เลี้ยงดูครอบครัว พ่อของลูกชายก็กลับมาเจอลูกชายบอกจะส่งเสียเลี้ยงดู จนกระทั่งเสียชีวิตไป จนกระทั่งโตมาก็แทบจะไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อแม่เลย
สาเหตุหลักคาดว่าอาจจะมาจากการที่ลูกชายไม่ได้รับเงินเดือนตลอด ระยะเวลา 3 เดือนที่เป็น รปภ. ทำงานวันละ 300 บาท ไม่มีหยุดพัก รวมแล้วเดือนละ 9,000 บาท 3 เดือน 18,000 บาทที่ลูกชายนั้นไม่ได้รับเงินเดือน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เครียดสะสม
Advertisement