ปริศนา 2 หนุ่มถูกยิงข้างสุ่มไก่ ตำรวจเฉลยกระสุนมัดฆ่ากันเองแล้วยิงตัวตาย
กรณีเมื่อเวลา 16.30 น. ของวันที่ 20 ต.ค.64 พ.ต.อ.พงศ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด ได้รับแจ้งเหตุยิงกันทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เหตุเกิดบริเวณหลังห้างบีไฮฟ์ ถ.บอนสตรีท ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงพร้อมด้วยแพทย์สถาบันนิติวิทยศาสตร์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งรุดตรวจสอบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 2 ราย ทราบชื่อนาย วิเชียร์ ทองแฉล้ม อายุ 50 ปี สภาพศพนอนหงายจมกองเลือดบริเวณใกล้เล้าไก่ ส่วนอีกศพทราบชื่อคือ นายสมชาย ฉิมพาลี อายุ 59 ปี สภาพศพนอนหงายเสียชีวิตอยู่บนเปล มีเลือดไหลบริเวณศีรษะ พบปืนลูกซองสั้น 1 กระบอก ตกอยู่บริเวณข้างต้นไม้
วันที่ 20 ต.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ ลักษณะพื้นที่เป็นพื้นที่โล่งด้านหลังเป็นป่า โดยรอบเป็นพื้นที่เลี้ยงไก่ชน บริเวณใกล้กับเล้าไก่พบศพนายวิเชียร ส่วนศพของนายสมชาย อยู่บริเวณเปลด้านในบ้าน ไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างขณะกำลังลงพื้นที่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัย ขณะที่แพทย์นิติเวช กำลังเดินทางเข้ามายังจุดเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ มีการนำอาวุธปืนที่ตกอยู่บริเวณใต้ต้นมะม่วงมาตรวจสอบขนาดและเขม่าดินปืน พบปลอกกระสุนจำนวน 3 ปลอก
นางลำดวน ทรัพย์โมค อายุ 50 ปี น้องสาวนายสมชาย เล่าว่า ตนเองได้รับสายจากน้าสาวผู้ตาย ที่อยู่ด้วยกัน บอกว่าให้รีบมาที่บ้าน เพราะพี่ชายถูกยิง ตนเองจึงรีบมาจากจังหวัดปทุมธานี เมื่อมาถึงก็พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามากันพื้นที่แล้ว ตนเองไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากว่าที่ผ่านมาตนเองทราบว่าพี่ชายไม่เคยมีปัญหากับใคร และพี่ชายไม่เคยมาปรึกษาปัญหาอะไรกับตนเองเลย เพราะพี่ชายเป็นคนเงียบ ๆ และเป็นคนค่อนข้างเชื่องช้า และยังมีโรคประจำตัวด้วย เป็นไทรรอย ส่วนนายวิเชียรตนเองนั้นไม่รู้จัก ไม่ทราบว่าเคยมีปัญหากันมาก่อนหรือไม่
โดยตนเองเจอกับพี่ชายครั้งล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตนเองมักจะนำอาหารมาฝากพี่ชายเป็นประจำ เพราะพี่ชายไม่ได้ประกอบอาหาร เมื่อเจอกันครั้งล่าสุด พี่ชายบ่นว่าอยากกินไข่พะโล้ อาการขณะนั้นก็ปกติทุกอย่าง ไม่ได้มีอาการซึม หรือบอกว่าทะเลาะกับใครเลย ตนเองยังไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร
นางกิมลั้ง จันทร์นาง 78 ปี น้าสาวของนายสมชาย เล่าว่า ช่วงที่เกิดเหตุประมาณ 15.30 น. ขณะที่ตนเองกำลังอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด จึงวิ่งออกมาดูบริเวณใต้ต้นมะม่วง พบศพนายวิเชียรนอนหัวห้อยอยู่บริเวณเก้าอี้ ตนเองจึงไปจับเก้าอี้ ก็คิดว่าเป็นหลานชายของตนเอง กระทั่งต่อมาเห็นว่าไม่ใช่ จึงไปพบศพหลานชายอยู่บริเวณเปลข้างบ้าน ก่อนเกิดเหตุตนเองไม่ได้ยินเสียงทะเลาะกันหรือเสียงรถใด ๆ ก่อนที่จะออกมาพบศพ และยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ตนเองรู้สึกตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยก่อนหน้านี้ นายวิเชียรเป็นเพื่อนบ้านและอยู่ใกล้กับบ้านของตนเอง ทั้ง 2 คนไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน และไม่ค่อยสุงสิงกัน แต่ทราบว่านายวิเชียรอาจจะไม่พอใจ ที่หลานชายตัวเองเปิดโทรทัศน์หรือวิทยุเสียงดังหรือไม่ ที่ผ่านมาคนที่เข้าออกบริเวณที่เกิดเหตุก็จะมีแต่เด็ก 2 คนซึ่งเป็นคนเลี้ยงไก่ แต่ในวันนี้ก็ออกจากพื้นที่ไปตั้งแต่ช่วง 12.00 น. ยังไม่พบคนแปลกหน้าที่เข้ามาในบ้านแต่อย่างใด และยังคาดการณ์ไม่ได้ว่าเป็นฝีมือใคร
นางสาวบัวลอย และนางสาวลัดดา ภรรยาและญาติของนายวิเชียร์ เผยว่า ช่วงที่เกิดเหตุตนเองทำงานและไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย กระทั่งมีคนโทรศัพท์มาบอก ตนเองรู้สึกตกใจและเสียใจมาก ไม่คิดว่าเรื่องจะเกิดขึ้น เพราะปกตินายวิเชียร์ไม่เคยเข้าไปภายในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นเล้าไก่มาก่อน ยืนยันว่าทั้งคู่ไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน และไม่เคยเห็นว่ามีปัญหากับใครในพื้นที่ด้วย และไม่มีปัญหาเคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน
นางสาวสุวิดา เกิดประดิษฐ์ อายุ 50 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า ตนเองก็ได้ยินเสียงปืน 3 นัด และออกมาเพิ่งทราบว่ามีคนยิงกัน ตอนแรกทราบว่านายสมชายถูกยิง แต่ไม่ทราบว่านายวิเชียร์ถูกยิงด้วย ยอมรับว่าที่ผ่านมาทั้ง 2 ผู้เสียชีวิตเป็นคนนิ่งและเงียบไม่ค่อยสุงสิงกับใครมากนัก ไม่เคยเห็นทั้งคู่มีปัญหากับใครหรือมีปัญหากันเองมาก่อน ปกติแล้วนายวิเชียรจะออกมานั่งบริเวณตึกแถวตรงข้ามกับห้องเช่า และมีการพูดคุยกับชาวบ้านคนอื่น ๆ เป็นบางครั้ง ยอมรับว่าไม่ได้กลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง
ล่าสุด ตำรวจให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุทั้งหมด ขณะนี้ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง เทน้ำหนักไปทางฆ่ากันเอง เนื่องจากบริเวณบาดแผลของนายสมชายมีแผลกระจายอยู่บริเวณหลัง พบปลอกกระสุน 2 ปลอก มีการยิงจากระยะไกล แต่ขณะเดียวกันศพของนายวิเชียร์ มีแผลที่ถูกยิงจากระยะใกล้มาก และยังพบอาวุธปืนที่อยู่ใกล้กับนายวิเชียร์
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของนายวิเชียร์ พบว่ามีรูปถ่ายซึ่งบันทึกภาพอาวุธปืนแบบเดียวกับที่พบในที่เกิดเหตุ คาดว่านายวิเชียร์เป็นคนยิงนายสมชายก่อน ที่จะมาฆ่าตัวตายหรือไม่ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัด อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานนำหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุไปตรวจสอบให้สัมพันธ์ระหว่างปืนกับผู้เสียชีวิต
นายสหภาคย์ สุขจ่าง อายุ 25 ปี คนเลี้ยงไก่ชนร่วมกับนายสมชาย เล่าว่า ตนเองรู้จักกับผู้ตายมา 3-4 ปี เพราะอยู่ในวงการเลี้ยงไก่เช่นเดียวกัน เพื่อนผู้ตายมีการเลี้ยงไก่ประมาณ 50 ตัว จุดประสงค์คือเลี้ยงเพื่อความสวยงาม และเลี้ยงขายบางส่วน แต่ไม่ได้มีการนำไปชนกับใคร ส่วนของตนเองในการนำไก่ไปเลี้ยงไว้ในเล้าของลุงสมชายเช่นเดียวกัน ตนเองมักจะเข้าไปพูดคุยกับลุงสมชายเกือบทุกวัน ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยเห็นลุงสมชายมีปัญหากับใครมาก่อน รวมถึงตัวของนายวิเชียร์เอง ซึ่งลุงสมชายเคยบอกว่าไม่ชอบหน้านายวิเชียร์ แต่ก่อนหน้านี้ไม่ทราบว่าเคยมีปัญหากันมาก่อนหรือไม่
โดยช่วงเช้าวันนี้ ทั้ง 2 คนเข้าไปที่เล้าไก่ของลุงสมชายตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น. ซึ่งก็พูดคุยกันตามปกติ และปกติจะเห็นนายวิเชียรนั่งอยู่บริเวณตึกแถว แต่วันนี้ไม่เห็น ซึ่งไม่ทราบว่าไปไหน โดยตัวของลุงสมชายเองไม่เคยมีปัญหาเรื่องไก่ชนกับใคร เพราะไม่ได้นำไก่ไปชน และปกติลุงสมชายจะไม่ออกไปไหนนอกบ้าน เพราะสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เป็นโรคหัวใจ จะออกไปเฉพาะไปรับประทานอาหาร ส่วนใหญ่จะไปกับพวกของตนเอง 3 คนเท่านั้น ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือน สุนัขของลุงสมชายตายไป 1 ตัว แต่ไม่ทราบว่าเกิดจากการวางยาหรือไม่ จึงไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งนายสมชายเองก็ไม่ได้ไปหาเรื่องใคร เนื่องจากสุนัขถูกวางยาด้วย และบางครั้งก็เห็นว่านายสมชายมีการด่าทอคนที่ทำให้สุนัขตาย แต่ก็ด่าอยู่ภายในบ้าน ไม่ได้ออกมาปะทะกับใคร
ส่วนอาวุธปืนตัวเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะลุงสมชายไม่เคยพูดให้ฟัง พอเกิดเรื่องขึ้นตนเองก็รู้สึกตกใจ และไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว ยังไม่รู้สาเหตุแน่ชัดว่าเกิดจากอะไรกันแน่
Advertisement
