กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ออกมาโพสต์คลิปเหตุการณ์หลังถูกกลุ่มวัยรุ่น “เสื้อฮู้ด” ประมาณ 50 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาดักทำร้ายด้วยอาวุธครบมือ ทั้งไม้และขวดเหล้า จนได้รับบาดเจ็บสาหัสเลือดอาบไปทั้งตัว พร้อมเขียนข้อความอธิบายว่า “ไอ้แก๊งเสื้อฮู้ด สูเขาเป็นอะหยังนักก๋า จอดตี๋เปิ้นไปเรื่อย”
ล่าสุดวันที่ 10 ต.ค.64 นายอรรษฎา กุดแก้ว อายุ 18 ปี ที่โดนทำร้ายจนสลบคาที่ และต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 1 คืน กล่าวว่า ตนอยากให้เห็นฝีมือของ “แก๊งเสื้อฮู้ด” ที่ทำร้ายร่างกายตนมาก ๆ ใบหน้าของตนยังมีรอยพื้นรองเท้าอยู่ที่หน้าผากฝั่งขวา ตาซ้ายช้ำเลือด และศีรษะบวม ด้วยความที่ตนดื่มเหล้าและเมา ก็เลยจำเหตุการณ์ไม่ค่อยได้ รู้แค่ว่าโดนรุมต่อยและถูกกระทืบประมาณ 20 คน ไปฟื้นขณะถูกนำส่งโรงพยาบาล จากนั้นก็เพลียและหลับไป จนเช้าของวันที่ 9 ต.ค.64 ถึงจะรู้สึกตัว ก่อนที่จะเข้าไปให้การกับตำรวจเพื่อตามหากลุ่มผู้ก่อเหตุ
"ผมเห็นสีหน้าแววตาของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ดูมีความสุขกับการที่ได้ทำร้ายคนอื่น ไม่รู้เพราะความคึกคะนอง สนุก หรืออะไรกันแน่ แต่อยากจะบอกว่าคนที่โดนทำร้ายไม่ได้สนุกด้วย แล้วยิ่งดูแล้วน่าจะเป็นวัยไล่เลี่ยกัน ผมก็อยากจะบอกในฐานะคนรุ่นเดียวกันว่า การที่คุณมาทำร้ายร่างกายคนอื่นไปทั่ว มันเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้หยุด วัยนี้ควรตั้งไจเรียน หรือถ้าไม่เรียนก็ต้องทำงาน ทำแบบนี้มันเสียอนาคต และอยากจะถามว่า ทำเพื่ออะไร" นายอรรษฎา
ทีมข่าวได้เดินทางไปพบกับนายพงษ์ (นามสมมติ) อายุ 26 ปี หนึ่งในผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า เวลาประมาณ 02.10 น. ของวันที่ 9 ต.ค.64 หลังจากนั่งกินเหล้ากันที่บ้านตนกับญาติในหมู่บ้าน บ้านกาด ต.บ้านกาด อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ตนได้ไปส่งญาติผู้ชายคนหนึ่งชื่อ นายอรรษฎา กุดแก้ว อายุ 18 ปี เป็นคนบ้านห้วยเนียม ต.ดอนเต่า อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ เพราะเขาต้องทำงานเช้า โดยมีญาติ ๆ ที่ตามไปส่งด้วยจำนวน 5 คน เป็นผู้ชาย 3 คน ผู้หญิง 2 คน ด้วยการขี่รถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน คันหนึ่งซ้อน 3 เป็นผู้ชายทั้งหมด คือ นายพงษ์ (นามสมมติ) นายอรรษฎา และนายศุภกร (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี อีก 2 คันเป็นผู้หญิงขี่คันละ 1 คน คือ น.ส.วาสนา (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี กับน.ส.ฤทัย (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี
จากนั้นพอทั้ง 3 คันออกจากบ้านไปตามถนนสายแม่วาง-สันป่าตอง ขณะที่ขี่รถมาถึงบริเวณทางแยกแม่วาง เขตติดต่อสันป่าตอง ตนที่ขี่ซ้อนสามขี่ล่วงหน้าไปก่อน ปรากฏว่าได้มีกลุ่มวัยรุ่นทั้งชายและหญิงประมาณ 50 คน กำลังทำร้ายชาวบ้านประมาณ 3-4 คนอยู่ริมถนนใกล้ป้อมยามบ้านเปียง ห่างจากจุดที่ตนขับรถอยู่ประมาณ 500 เมตร
จากนั้นเมื่อกลุ่มวัยรุ่นเห็นรถของตน จึงขี่รถจักรยานยนต์ประมาณ 30 กว่าคัน บางคนก็ซ้อนกันมา แล้วย้อนศรขึ้นมาหาตน แต่ละคนสวมเสื้อฮู้ดและใส่แมสก์ พร้อมพกอาวุธมีดสปาต้า ปืนสั้น ขวดเบียร์ ไม้เบสบอลครบมือ อายุประมาณ 15-18 ปี ต่อมากลุ่มวัยรุ่นก็ขี่มาปาดหน้าตน แล้วถามว่า “เมื่อกี้มีเรื่องกับผมใช่ไหม” ตนก็ตอบว่า “ไม่ใช่”
จากนั้นไม่ถึง 30 วินาที ตนก็โดนรุมทำร้ายภายในเวลาแค่ 1 นาที แต่โดนทั้งหมัด ทั้งขวด เพราะคิดว่าพวกตนเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มคนที่เพิ่งโดนทำร้ายไป โดยครั้งแรกตนโดนขวดเบียร์ฟาดเข้ากลางหน้า 1 ครั้งจนขวดแตก ตนต่อยกลับไป 1 หมัด โดนหน้าของคนที่ฟาด ต่อมาพวกวัยรุ่นก็เข้ามาฟาดด้วยขวดเบียร์อีกประมาณ 5 ครั้ง พร้อมกับต่อยที่หน้าและหูอีก 20 หมัด จนตาช้ำ ปากแตก กรามทั้ง 2 ข้างบวมปูด ก่อนที่จะกระโดนตีด้วยไม้เบสบอลที่มือขวาอีก 1 ครั้งจนบวม
นอกจากนี้ นายอรรษฎา ก็โดนต่อยรัว ๆ ประมาณ 20 หมัดที่ศีรษะและหน้าจนล้มจากรถ จากนั้นโดนกระทืบประมาณ 15-20 ครั้งจนสลบคาที่ และต้องนอน รพ.สันป่าตอง 1 คืน ซึ่งวันนี้พบว่าตรงใบหน้ามีรอยพื้นรองเท้าอยู่ที่หน้าผากฝั่งขวา และตาซ้ายช้ำเลือด และศีรษะบวมแต่ไม่มีแผล
ส่วนนาย นายศุภกร โดนตีด้วยไม้เบสบอลกลางหลังและเอวประมาณ 5 ครั้งจนมีแผลช้ำเลือด โดนต่อยที่หน้าและปากอีกประมาณ 10 หมัด จนปากแตก ศีรษะบวมแต่ไม่มีแผล จึงพยายามวิ่งหนี ตั้งใจจะลงไปแอบอยู่ในทุ่งนาข้างทาง แต่ระหว่างทางที่วิ่งยังไม่ทันถึงทุ่งนา ก็โดนชาย 4 คนลากคอเสื้อแล้วพากลับมากระทืบกลางถนนอีกประมาณ 10-15 ครั้ง
โดยขณะทั้ง 3 คนโดนทำร้ายนั้น ตนสังเกตเห็นว่าพวกลูกพี่ของกลุ่มวัยรุ่น จะยืนถือมีดและปืนไว้ตลอด ซึ่งโชคดีที่ไม่โดนฟันหรือยิง จากนั้นเมื่อกลุ่มวัยรุ่นเห็นว่า รถมอเตอร์ไซค์ของญาติอีก 2 คันคือ น.ส.วาสนาและ น.ส.ฤทัย ขี่ตามมา จึงแตกกระเจิงและรีบขี่รถหนีไปทางซ้ายของถนนตัดใหม่ มุ่งหน้าสู่ ถนนจอมทอง จึงรีบเข้าช่วยทั้ง 3 คนที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมกับขอความช่วยเหลือจากรถยนต์ที่ขับผ่านมา เพื่อนำตัวคนเจ็บส่ง รพ.สันป่าตอง พร้อมกับแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันป่าตอง
นายพงษ์ กล่าวยอมรับว่า นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เจอกับตัว เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินชื่อเสียงของ “แก๊งเสื้อฮู้ด” แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร บอกเลยว่าหวั่นใจและกังวลมาก ๆ เนื่องจากตนก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องออกไปขายของกับภรรยาในละแวกสันป่าตอง แล้วกลับบ้านดึก ต้องใช้ถนนเส้นนี้บ่อยมาก เกรงว่าหากพวกเขายังไม่โดนควบคุมตัวมาดำเนินคดี จะยิ่งสร้างอันตรายให้กับตนและชาวบ้านคนอื่น ๆ เพราะเห็นว่าเขาอยู่แถว ๆ จ.ลำพูน แต่ไม่รู้พิกัดแน่ชัด
อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.นันทวัฒน์ ปานเนาว์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.สันป่าตอง ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างให้ชุดสืบ จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำพูน เร่งสืบสวนสอบสวนพยานหลักฐาน เนื่องจากสืบทราบมาว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ หลังจากก่อเหตุเสร็จก็มุ่งหน้าไปยัง จ.ลำพูน และมีเบาะแสเพิ่มเติมว่าน่าจะชื่อ “แก๊งซีซ่า” เป็นการรวมตัวของกลุ่มวัยรุ่นในเขต อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน แต่จะต้องตรวจสอบในส่วนของคลิปวงจรปิด ทะเบียนรถ เพื่อระบุตัวตนอีกครั้ง
Advertisement