เก๋งเมาขยี้ร่างชายช่วยมอเตอร์ไซค์ล้ม "เมีย" ทรุดลูกเล็กกำพร้า คนขับโร่กราบเท้า (คลิป)

กรณีร.ต.อ.วิเชียร สิมมาโคตร รอง สว.(สอบสวน)​ สน.สำเหร่ รับแจ้งเหตุรถยนต์ชนคนเดินเท้า มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ บริเวณปากซอยเจริญนคร 45 ถนนเจริญนคร แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาฯ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สลด ! บิ๊กไบก์แหกโค้งพุ่งชนราวเหล็กไฟลุกท่วม ไบก์เกอร์หัวขาดดับคาที่

รถพ่วงพุ่งชนรถไฟสายคลองลึก–กรุงเทพฯตกราง 1 โบกี้ ดับ 1 เจ็บ 4 ราย

อย่างกับสร้างสถิติ! เกิดอุบัติเหตุ รถชนท้ายกันต่อเนื่องมากถึง 11 คัน

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบเป็นถนน 3 เลน ฝั่งขาออกที่จะมุ่งหน้าแยกบุคคโล ในช่องทางขวาสุดพบศพนายพุฒิพงศ์ มณิชสาร อายุ 25 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด อาชีพพนักงานโรงงานเย็บผ้า นอนหงายจมกองเลือดในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ สภาพศีรษะแตก แขนขาหัก ใกล้กันพบรถเก๋ง สีขาว ทะเบียน 8 กม 8822 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้าฝั่งขวามีร่องรอยเฉี่ยวชน กระจกข้างขวาหัก โดยมีนายกาจภูมิ เลี่ยมพูล อายุ 25 ปี เป็นคนขับยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ด้วยอาการตัวสั่นและตื่นตระหนก

ห่างไปประมาณ 200 เมตร ใกล้กับเส้นทึบเกาะกลางถนน พบรถจักรยานยนต์ สีน้ำเงิน ทะเบียน มษค 153 กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำส่ง รพ.ตากสิน ทราบชื่อต่อมา นายศรคิรี สิทโท อายุ 44 ปี และรพ.ราษฎร์บูรณะ ทราบชื่อผู้บาดเจ็บ นายวันชัย ร่มเย็น อายุ 48 ปี เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ภาพกล้องวงจรปิดช่วงก่อนเกิดเหตุ จนกระทั่งหลังเกิดเหตุ พบว่า ช่วงเวลา 01.30 น. เป็นภาพช่วงที่นายวันชัย ร่มเย็น อายุ 48 ปี คนขี่รถจักรยานยนต์ ขี่ออกมาจอดที่เกาะกลางถนน ก่อนจะล้มกับพื้นถนน สภาพเซไปมา คล้ายกับคนมึนเมาสุรา

ต่อมาช่วงเวลา 01.40 น. นายพุฒิพงศ์ มณิชสาร และนายศรคิรี สิทโท ได้วิ่งเข้าไปช่วยเหลือชายที่ล้มรถที่เกาะกลางถนน โดยนายพุฒิพงศ์ เป็นคนพยุงนายวันชัย ส่วนนายศรคิรี เป็นคนพยุงรถ โดยทั้ง 3 คน ยืนอยู่ที่บริเวณเกาะกลางถนน เป็นเวลา 30 วินาที เพื่อที่รอให้รถบนถนนโล่ง และพากันข้ามถนน

จนมาถึงช่วงเวลา 02.10 น. นายกาจภูมิ เลี่ยมพูล ซึ่งเป็นคู่กรณีที่ขับเก๋ง ขับรถตีไฟสูงมาด้วยความเร็ว และพุ่งชนทั้ง 3 คน ที่อยู่เกาะกลางเข้าอย่างเต็มลำ ทำให้ร่างของนายพุฒิพงศ์ มณิชสาร กระเด็นลอยไปด้านหน้ากว่า 200 เมตร ส่วนร่างของนายนายศรคิรี สิทโท และนายวันชัย ร่มเย็น กระเด็นอยู่เกาะกลาง นอนได้รับบาดเจ็บอยู่เกาะกลางถนน

นายสมัย เกยุระ อายุ 45 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์และเป็นน้าเขยของผู้เสียชีวิต พาทีมข่าวไปชี้จุดที่เกิดเหตุ พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อคืนนี้ช่วงเวลาประมาณ 3 - 4 ทุ่ม พบว่านายวันชัย ล้มลงที่ถนนฝั่งเลนซ้าย มุ่งหน้าแยกบุคคโล ซึ่งมีสภาพมึนเมา

จากนั้นไม่นานหลานเขยของตน คือ นายพุฒิพงศ์ มณิชสาร และนายศรคิรี สิทโท ซึ่งเป็นเพื่อนกันกับหลานเขย ได้รีบวิ่งไปช่วยเหลือนายวันชัย ระหว่างที่กำลังช่วยกันเข็นรถ ออกจากเกาะกลางถนน จู่ ๆ ก็มีรถยนต์เก๋งสีขาว พุ่งชนอย่างจัง

ทั้งนี้ ตนยอมรับว่าตอนนั้นตนเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง รู้สึกตกใจมาก ๆ จนทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าหลานเขยที่เป็นพลเมืองดีเข้าไปช่วยเหลือ สุดท้ายแล้วต้องกลับมาเสียชีวิตแทน ซึ่งทางคนที่ขับรถเก๋ง หลังจากที่ชนแล้ว ก็ไม่ได้หนีไปไหน รอให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยจากที่ตนสังเกตเห็นคนขับรถเก๋งมีอาการมึนเมาด้วย อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญพื้นที่บริเวณนี้ มักจะเกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก ตนอยากให้ทางเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลเรื่องการติดไฟส่องแสงสว่างให้มากกว่าเดิม

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังภายในซอยเจริญกรุง 45 ซึ่งพบว่าบ้านพักของผู้เสียชีวิตอยู่ในซอยดังกล่าว ทีมข่าวได้พบกับน.ส.สุดาพร พืชศรี อายุ 24 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวทั้งน้ำตาว่า สามีได้บอกกับตนว่าจะออกไปเดินเล่นที่ร้านของน้าเขยที่หน้าปากซอย จากนั้นได้พบกับเพื่อนที่สนิทอีกคน จึงนั่งพูดคุยด้วยกัน

สักพักไม่นานก็มีรถล้มที่เกาะกลางถนน สามีของตนพร้อมกับเพื่อนสนิท ได้รีบวิ่งข้ามถนนไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ แต่ก่อนจะข้ามทางสามีของตนหันไปพบว่ารองเท้าของเจ้าของรถจักรยานยนต์ จึงเดินไปเก็บ ระหว่างนั้นเพื่อนของสามี ได้บอกกับสามีตนว่า “ถ้าเก็บรองเท้าได้แล้ว วิ่งไปเลย ไม่ต้องข้ามกลับมา” แต่ด้วยสามีมีความเป็นห่วงเพื่อน จึงรอให้ข้ามไปพร้อมกันทั้ง 3 คน ผ่านไปไม่นานจนมีรถเก๋งขับมาด้วยความเร็ว พุ่งชนอย่างจัง

ทางคู่กรณีมาด้วยกัน 3 คน มีผู้ชาย 2 คนนั่งคู่กันด้านหน้า และมีผู้หญิงอีก 1 คน อยู่เบาะหลัง ซึ่งเจ้าของรถเก๋ง กรณีไม่ยอมลงจากรถ จนตำรวจต้องไปเชิญตัวลงมา เพื่อขอโทษ ซึ่งจากที่ตนสังเกตเห็นคล้ายกับอยู่ในสภาพมึนเมา ส่วนตัวตอนนั้นไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเลย เพียงแค่รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะต่อให้ทางคู่กรณีกราบขอขมา สุดท้ายแล้วสามีตนก็ไม่ฟื้นคืนกลับมาแล้ว ซ้ำมีลูกชายวัย 4 ขวบด้วย เสียใจที่ลูกชายต้องกำพร้าพ่อ อย่างไรก็ตาม เรื่องทางคดี ตนพร้อมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะเหตุการณ์แบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น หลักฐานวงจรปิดก็จับภาพได้ทุกอย่างว่าคู่กรณีขับรถอย่างประมาท

ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปยัง สน.สำเหร่ ทีมข่าวได้พบกับรถเก๋ง สีขาว ทะเบียน 8 กม 8822 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถของคู่กรณีที่ขับพุ่งชนพลเมืองดีจนเสียชีวิต ตรวจสอบพบว่า สภาพรถด้านหน้าฝั่งขวามีร่องรอยเฉี่ยวชน กันชนแตกหัก กระจกรถข้างขวาหัก แผ่นกระจกรถด้านหน้าแตกเป็นหลุมขนาดใหญ่ตรงฝั่งคนขับ

นายสุวัฒน์ มณิดสาน ลุงของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางเข้ามาที่ สน.สำเหร่ เพื่อดำเนินเรื่องขอเอกสารการแจ้งตายของหลานชาย กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ร.ต.อ.วิเชียร สิมมาโครตร รอง สว.(สอบสวน)​สน.สำเหร่ ให้ข้อมูลว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้มีการเตรียมแจ้งข้อหาไว้แล้ว ซึ่งมีทั้งหมด 3 ข้อหา คือ 1.ขับรถโดยประมาทจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 2.ขับรถโดยขับขี่รถขณะเมาสุรา เป็นเหตุให้เฉี่ยวชน ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย และ 3.เรื่องฝ่าพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง และแจ้งภายหลัง เพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้ญาติของคู่กรณีได้เดินทางมาประกันตัวไปแล้ว โดยวางเงินจำนวน 1 แสนบาท

คอนเทนต์แนะนำ

เช็กเลย! กฎหมายใหม่ออกแล้ว "กำหนดเวลาขายเหล้าเบียร์"

ประวัติ "บุน รานี" สตรีหมายเลข 1 กัมพูชา ภรรยา "ฮุน เซน"

แกะสูตรหน้าเด็ก พี่เบิร์ด ธงไชย กินอะไร นอนยังไง ถึงหล่ออมตะ