วันที่ 4 กันยายน 2568 ชาวนาจากจังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดอ่างทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมตัวกันกว่า 30 คน เข้าร้องเรียนต่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด้านกฏหมาย เข้ารับเรื่อง เนื่องจากช่วงเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ชาวนาได้จำหน่ายข้าวให้กับโรงสีแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี โดยขั้นแรกนัดจ่ายเงินให้รอระยะเวลา 60 วัน แต่เมื่อถึงกำหนดได้เลื่อนออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งปัจจุบันไม่มีการชำระแต่อย่างใด เมื่อแจ้งความดำเนินคดีแล้วกลับไม่มีความคืบหน้า จึงเดินทางมาเรียกร้องความเป็นธรรม โดยมีชาวนาผู้เสียหายกว่า 160 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท
นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด้านกฏหมาย เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับชาวนาที่รวมตัวกันมาขอความช่วยเหลือได้ความว่า มีโรงสีขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี รับซื้อข้าวจากโรงสีขนาดเล็กและชาวนาทั่วไป โดยให้ราคาที่สูงกว่าท้องตลาดประมาณ 1,000 บาท เมื่อชาวนาในจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดใกล้เคียงทราบข่าวจึงไปจำหน่ายให้โรงสีแห่งนั้นหลายราย โดยกำหนดระยะเวลาจ่ายเงิน 60 วัน แต่เมื่อถึงเวลากลับบ่ายเบี่ยง ผลัดการจ่ายเงินเรื่อยมาตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงปัจจุบัน และเมื่อชาวนาไปแจ้งความเพื่อจะดำเนินคดีก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่มีความคืบหน้าใดๆ เลย ส่งผลให้ชาวนาไม่มีเงินทุนไปทำนาต่อ จึงได้ติดต่อเข้ามาขอความช่วยเหลือในวันนี้ โดยตนได้ทำการประสานงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้เองเข้ามาดูแล และจะนำเรื่องเข้าปรึกษาหารือกับ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการช่วยเหลือและเยียวยาชาวนาที่ได้รับความเดือดร้อนต่อไป
นายปุ้ย แสงนาค ตัวแทนชาวนาจังหวัดสุพรรบุรี กล่าวว่า ปัญหาความเดือนร้องของพี่น้องชาวนาคือ ขายข้าวไปแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่ได้รับเงิน ซึ่งทางกลุ่มได้รวบรวมชาวนาผู้เสียหายได้แล้วกว่า 160 คน และคาดว่าอาจมีผู้เสียหายถึง 200 คน ความเสียหายเบื้องต้นน่าจะเกิน 50 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้พี่น้องชาวนาเดือดร้อนมาก เพราะว่าหลายคนไม่มีเงินทุนจะไปทำนาต่อ ไม่มีเงินกินเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน บางรายต้องกู้หนี้ยืมสิน ต้องเอาทรัพย์สินตัวเองไปขาย บางคนที่เป็นนาเช่าถึงขั้นโดนยึดที่นาคืนแล้วก็มี
ด้านเกษตรกร ผู้ไม่ประสงค์ออกนามรายหนึ่ง ระบุว่า โรงสีแห่งนี้เป็นโรงสีขนาดใหญ่ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี พฤติกรรมรับซื้อข้าวแล้วไม่จ่ายเงินครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกแต่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อเป็นข่าวเกิดเรื่องขึ้นก็จะเปลี่ยนชื่อบริษัทไปเรื่อยๆ เมื่อเรื่องเงียบก็จะกลับมาเปิดใหม่ ชาวนาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะกลัวอิทธิพลในพื้นที่ แจ้งความดำเนินคดีก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
Advertisement