กรณีอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิสยามนนทบุรี รุดเข้าช่วยเหลือครอบครัวหนึ่งที่บ้านพักลูกจ้างชั่วคราวของสำนักแขวงการทางหลวงกรุงเทพมหานคร สำนักงานทางหลวงที่ 13 ถนนวิภาวดีรังสิต เขตดอนเมือง กทม. หลังรับแจ้งว่าบ้านหลังดังกล่าวมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด 3 คน โดยลูกสาวและหลานชายได้รับการรักษาในสถานที่กักตัว ที่สำนักแขวงทางหลวงได้จัดทำไว้แล้ว จึงเหลือเพียงคุณแม่วัย 65 ปี ที่ยังไม่สามารถเดินทางไปยังสถานที่กักตัวได้ เนื่องจากมีน้ำหนักตัวมากกว่า 200 กิโลกรัม ญาติ ๆ จึงติดต่อให้กู้ภัยมูลนิธิสยามนนทบุรี เข้ามาช่วยเหลือ
ล่าสุดวันที่ 19 ส.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้มีโอกาสเดินทางไปพูดคุยกับ นายไพรัช สุดธูป คณะกรรมการบริหารมูลนิธิสยามนนทบุรี กล่าวว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นปลูกติดกัน โดยผู้ติดเชื้อโควิด-19 นอนอยู่ที่ชั้น 2 ของบ้าน พื้นที่ค่อนข้างแคบ เบื้องต้นผู้ป่วยไม่ได้ออกไปไหนมาไหนนานนับปี เนื่องจากน้ำหนักค่อนข้างมาก และไม่มีเเรงเดินไปข้างนอก
เมื่อทีมงานเห็นเช่นนั้น จึงจัดทีมเจ้าหน้าที่อีกจำนวน 2 ชุด ชุดละ 6 นาย และทีมงานสนับสนุนอีก 4 คน พร้อมเครื่องมือเข้าช่วยเหลือ เพราะข้อจำกัดของเคสนี้คือ 1.น้ำหนักของผู้ป่วย 2.พื้นที่บ้านที่ไม่ทราบว่าจะรับน้ำหนักได้มากน้อยแค่ไหน อีกทั้งไม่ทราบว่าอาการป่วยประเมินแล้วจะถึงขั้นสีเขียวหรือเหลือง จึงต้องระมัดระวังในการช่วยเหลือ
"เคสนี้เราเลยจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่แตกต่างจากเคสที่ผ่านมา มูลนิธิเลยต้องนำอุปกรณ์ช่วยเหลือทางสูง อย่าง เปลตะกร้า หรือ Basket Stretcher โรยตัวผ่านเชือกเคลื่อนย้าย เพราะตามที่บอกมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่และน้ำหนักตัว สุดท้ายก็สามารถช่วยได้ ก่อนจะนำขึ้นเตียงพยาบาลและไปส่งยังสถานที่กักตัว ที่ห่างจากบ้านพักไปแค่ 300 เมตร ผมยอมรับว่าเคสนี้จากการรายงานเข้ามาตอนแรกคิดว่ายาก แต่พอไปในจุดจริงค่อนข้างจะเป็นไปตามที่ทีมงานวางแผนไว้ ประจวบกับเครื่องมือและอุปกรณ์ค่อนข้างครบ ตลอดจนเจ้าหน้าที่เองก็ได้รับการฝึกมาอย่างดีด้วยครับ" นายไพรัช คณะกรรมการบริหารมูลนิธิสยามนนทบุรี กล่าว
Advertisement