Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ตำนานจากปี 1962 ! 6 นาฬิกาหรูน่าสะสมแห่งปี จาก 6 คอลเลกชั่นชื่อดัง

ตำนานจากปี 1962 ! 6 นาฬิกาหรูน่าสะสมแห่งปี จาก 6 คอลเลกชั่นชื่อดัง

23 พ.ค. 68
16:50 น.
แชร์

ราโด (Rado) แบรนด์นาฬิกาชื่อดังจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ อวดโฉมเรือนเวลาหรูน่าสะสมแห่งปี จาก 6 คอลเลกชั่นชื่อดัง จากงาน Rado Novelties 2025

Rado แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เริ่มต้นขึ้นในปีค.ศ. 1917 โดยพี่น้องตระกูล Schlup ที่ก่อตั้ง บริษัท Schlup & Co. ขึ้นในเมืองเลงนาว ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ราโด (Rado) นับได้ว่าเป็นผู้สรรสร้างนวัตกรรมเรือนเวลาระดับโลกที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “Master of Materials” ด้วยสุดยอดผลงานออกแบบไฮเทคเซรามิก (High-Tech Ceramics) อันล้ำสมัย ผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีด้านวัสดุศาสตร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้อย่างลงตัว

โดยงาน Rado Novelties 2025 ได้จัดแสดงสุดยอดเรือนเวลาหรูจากหลากหลายคอลเลกชั่นดัง โดยมีเรือนไฮไลท์ ได้แก่ Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton รุ่น R32192152 สัญลักษณ์แห่งการผจญภัยสุดยิ่งใหญ่ที่ทั้งอบอุ่นและแข็งแกร่ง นับเป็นความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของนาฬิกาซีรีส์นี้

เรือนเวลาหรูน่าสะสมแห่งปี จาก 6 คอลเลกชั่นชื่อดัง ได้แก่

1. Captain Cook

- Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton รุ่น R32192152 ประดับด้วย PVD สีโรสโกลด์บนเม็ดมะยมและขอบเบเซล (Bezel) คริสตัลแซฟไฟร์ทรงกล่องอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ปกป้องหน้าปัดสีควันบุหรี่สุดล้ำ เผยให้เห็นถึงกลไกสเกเลตันอันยอดเยี่ยม โดยขอบเบเซลของตัวเรือนได้รับการเสริมแต่งด้วยไฮเทคเซรามิกแกะสลักด้วยเลเซอร์สีดำด้านเหมือนกับตัวเรือนและสายคริสตัลแซฟไฟร์บนฝาหลังทำจากไทเทเนียมเคลือบ PVD สีดำ มาพร้อมกลไกอัตโนมัติ R808

ซึ่งมีอัญมณี 25 เม็ดพร้อมสปริงบาลานซ์นิวาครอง (Nivachron) ป้องกันสนามแม่เหล็กและพลังงานสำรองอันน่าทึ่งกว่า 80 ชั่วโมง และคุณสมบัติกันน้ำได้ลึกถึง 30 บาร์ (300 ม.)

- Captain Cook Over-Pole รุ่น R32193018 เรือนเวลาสุดคลาสสิกที่ผลิตออกมาในจำนวนจำกัดเพียง 1,962 เรือนเท่านั้น ด้วยเสน่ห์แบบย้อนยุคที่ผสมผสานกับการผลิตนาฬิกาสมัยใหม่ จากการถ่ายทอดจิตวิญญาณของนาฬิกา Over-Pole Worldtimer ในตำนานจากปี 1962 สู่ปัจจุบัน

นาฬิการุ่นใหม่นี้ถูกตีความในรูปแบบที่ทันสมัยด้วยขอบเบเซล ไฮเทคเซรามิกสีดำ ตกแต่งด้วยการพิมพ์ชื่อเมืองเคลือบทอง พร้อมคริสตัลแซฟไฟร์ทรงกล่อง ทำให้นาฬิกาเรือนนี้ดูโดดเด่นสง่างามเหนือกาลเวลา นอกเหนือไปจากการให้กลิ่นอายแห่งวันวานแล้ว กลไกไขลานด้วยมือ R862 ยังให้พลังงานสำรองกว่า 80 ชั่วโมง ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยตัวเรือนสแตนเลสสตีลขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 39 มม. เคลือบ PVD สีทองแบบคลาสสิก มาพร้อมสายแบบถอดเปลี่ยนได้ 2 สาย ได้แก่ สายนาฬิกาแบบเมล็ดข้าวสีทองและสายหนังสีน้ำตาล และ Captain Cook High-Tech Ceramic Chronograph นาฬิกาโครโนกราฟอัตโนมัติ ในดีไซน์สุดปราณีตสวยงาม พร้อมตัวเรือน สายข้อมือ และขอบเบเซลที่ทำจากไฮเทคเซรามิก

นาฬิการุ่นนี้สะท้อนถึงวิวัฒนาการอันสมบูรณ์แบบของ Captain Cook ที่เป็นการผสมผสานเสน่ห์แบบวินเทจของรุ่นดั้งเดิมปีใน 1962 เข้ากับวัสดุที่ทันสมัย พร้อมฟังก์ชันจับเวลายอดนิยมอย่างโครโนกราฟ โดยมี 2 รุ่น ได้แก่ R32190153 ตัวเรือนไฮเทคเซรามิกสีดำเนื้อแมตต์ ตกแต่งด้วยดีเทลสีโรสโกลด์ และรุ่น R32189313 ตัวเรือนทำจากพลาสม่าไฮเทคเซรามิกที่มีหน้าปัดและขอบเบเซล (Bezel) สีเขียวเข้มน่าค้นหา


2. Anatom

ถัดมาที่ อะนาตอม (Anatom) จากการเปิดตัวเมื่อปี 1983 การออกแบบที่นับว่าเป็นการปฏิวัติของวงการนาฬิกาและสร้างความฮือฮาไปทั่วโลก ครั้งนี้อะนาตอมกลับมาด้วยสายข้อมือไฮเทคเซรามิกอันล้ำสมัย สวมใส่สบาย และเพิ่มความสง่างามยิ่งกว่าเดิม นาฬิกา 3 รุ่นใหม่นี้ เป็นการออกแบบที่ต่อยอดจากเอกลักษณ์ในรุ่นดั้งเดิมด้วยดีไซน์โค้งมนแต่เฉียบคม การออกแบบคริสตัลแซฟไฟร์ทรงกระบอกและขอบเอียงช่วยสร้างรูปทรงเฉพาะตัวที่ค่อยๆ แคบลงจนกลมกลืนไปกับสายนาฬิกา

โดยรุ่น R10200152 เป็นการผสมผสานไฮเทคเซรามิกสีดำเข้ากับหน้าปัดเคลือบแล็กเกอร์สีดำสนิท ที่จะเผยให้เห็นลายเส้นแนวนอนที่เว้นระยะห่างกันอย่างไม่สม่ำเสมอ แต่ดูสะดุดตา และข้อต่อตรงกลางสแตนเลสชุบ PVD สีเหลืองทองขัดเงา และอีกรุ่นที่น่าสนใจคือ R10203102 รุ่นพลาสม่าไฮเทคเซรามิกหน้าปัดสีเทาเคลือบแล็กเกอร์และข้อต่อตรงกลางตกแต่งด้วยสแตนเลสชุบ PVD สีโรสโกลด์ขัดเงา

และรุ่น R10201152 ที่ผสมผสานไฮเทคเซรามิกสีดำเข้ากับหน้าปัดเคลือบแล็กเกอร์สีดำสนิทด้วยเช่นกัน และข้อต่อตรงกลางสแตนเลสขัดเงา ให้ความสุขุมลุ่มลึกอย่างน่าค้นหา โดยทุกเวอร์ชันขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติพร้อมพลังงานสำรอง 72 ชั่วโมง และสปริงบาลานซ์นิวาครอง (Nivachron)


3. True Square

ทรู สแควร์ ออโตเมติก สเกเลตัน (True Square Automatic Skeleton) ความสง่างามทางเทคนิคจากการออกแบบทางเรขาคณิตที่ชัดเจนและแม่นยำ ด้วยหน้าปัดที่มีโครงสร้าง 2 ชั้น โดยมีการตัดกรอบที่ถูกจัดวางอย่างชาญฉลาดทำให้ได้มุมมองที่น่าสนใจของกลไกอัตโนมัติ R808 แบบเปลือยพร้อมสปริงนิวาครอง และพลังงานสำรองกว่า 80 ชั่วโมง โดดเด่นด้วยสะพานสองตัวที่วางขนานกันบนหน้าปัดช่วยเน้นย้ำถึงความสวยงามของเทคนิคการทำงาน พร้อมเครื่องหมายบอกเวลาที่มีการเดินของเข็มอย่างพิถีพิถัน และการเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova) สีขาว บนเครื่องตำแหน่งบอกเวลาหลักชั่วโมง

โดยมี 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ R27196152 ตัวเรือนและเม็ดมะยมพลาสม่าไฮเทคเซรามิกเนื้อแมตต์ และรุ่น R27197152 ตัวเรือนและเม็ดมะยมไฮเทคเซรามิกเนื้อแมตต์


4. DiaStar

ไดสตาร์ ออริจินัล ออโตเมติก (DiaStar Original Automatic) ประวัติศาสตร์ของนาฬิกาที่ขึ้นชื่อเรื่องการป้องกันรอยขีดข่วนเรือนแรกของโลก ดีไซน์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ในรูปแบบนาฬิกาขนาดเล็ก สีสันสดใส แม่นยำ และคงทน โดยปีนี้ไดสตาร์ (DiaStar) ได้เปิดตัวใหม่ 3 รุ่น ในขนาดใหม่ที่เล็กลงพร้อมเฉดสีใหม่ ได้แก่

R12170343 หนัาปัดขัดเงาสีฟ้าทะเลสาบธารน้ำแข็ง, R12170333 หนัาปัดขัดเงาสีม่วงดอกรักเร่ และ R12170323 หนัาปัดขัดเงาสีเขียวเทอร์ควอยซ์ พร้อมเข็มนาฬิกาชุบโรเดียมเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova) สีขาว ตัวเรือนคริสตัลแซฟไฟร์ และขอบเบเซล (Bezel) ทำจากวัสดุเซรามอส (Ceramos) สีแพลตตินัมอันเป็นเอกลักษณ์ โดยตัวเรือนทรงรีมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 30 มม. และมาพร้อมกับกลไก Rado R586 ที่พลังงานสำรองกว่า 48 ชั่วโมง

และ ไดสตาร์ ออริจินัล x เตช ชัวร์ฮาน สเปเชียล อิดิชั่น (DiaStar Original X Tej Chauhan Special Edition) รุ่น R12165155 มาในดีไซน์ที่เสมือนหลุดออกมาจากโลกแห่งนิยายวิทยาศาสตร์ ซึ่งนับเป็นผลงานผ่านการร่วมมือกันครั้งที่ 2 ระหว่าง ราโด (Rado) และนักออกแบบชาวอังกฤษ ผู้ซึ่งนำอัตลักษณ์อันโด่งดังของไดสตาร์ (DiaStar) มาออกแบบใหม่ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ โดดเด่นด้วยขอบเบเซล (Bezel) ที่ทำจากเซรามอส (Ceramos) พร้อมเคลือบ PVD สีเหลืองทอง

โดยมีกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ ที่ครอบหน้าปัดสีดำ ด้านซึ่งมีแทร็คบอกนาทีที่พิมพ์ด้วยสีเงินและสีน้ำเงิน ทั้งหมดนี้ล้วนสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญด้านวัสดุของ ราโด (Rado) พร้อมการแกะสลักบนฝาปิดตัวล็อกแบบพับ และวันที่ในแบบอักษรของ Tej Chauhan เข็มชั่วโมงและเข็มนาทีเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova) สีขาว และเข็มวินาทีสีเหลืองเรืองแสง

มาพร้อมสายรัดข้อมือยางทรงหมอน ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติ R764 ที่มีพลังงานสำรองยาวนาน 80 ชั่วโมงและสปริงบาลานซ์นิวาครอง (Nivachron) ทำหน้าที่ป้องกันสนามแม่เหล็ก จึงสามารถรับประกันความแม่นยำและความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดี


5. Centrix

เซนทริกซ์ ออโตเมติก ไดมอนด์ โอเพ่น ฮาร์ท (Centrix Automatic Diamonds Open Heart) โดดเด่นด้วยดีไซน์สไตล์เฟมินีนที่ดึงดูดทุกสายตา ด้วยรายละเอียดอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมช่องที่เปิดโชว์บนหน้าปัดเพื่อเผยให้เห็นกลไกอันพลิ้วไหวอย่างน่าหลงใหลภายในเรือนเวลา

โดยนาฬิการุ่นเซนทริกซ์ (Centrix) นั้น สื่อถึงการมาจากจักรวาลของนาฬิกา Swiss made ที่เวลาคือการเคลื่อนไหวและเพชรคือดวงดาวที่กำลังส่องแสงอยู่บนท้องฟ้า นับเป็นการผสมผสานระหว่างสองวัสดุอันอย่างสแตนเลสสตีลและไฮเทคเซรามิกที่สะท้อนให้เห็นถึงความคลาสสิกและความทันสมัยได้อย่างลงตัว

สำหรับเรือนเวลาจากตระกูลนี้แบ่งเป็นรุ่น ‘Super Jubilé’ จำนวน 2 รุ่น ได้แก่ ตัวเรือนสีน้ำตาลรุ่นยอดนิยมสุดหรู R30029942 และตัวเรือนสีขาว R30029932 ที่ตกแต่งหน้าปัดด้วยเพชรแท้จำนวน 86 เม็ด บริเวณส่วนโค้งด้านล่างของสะพานที่ตกแต่งอยู่บนหน้าปัดลวดลายเปลือกหอยมุก

และยังมีรุ่น ‘Jubilé’ ที่ประดับเพชรแท้จำนวน 12 เม็ด ได้แก่ เรือนสีขาว R30029922, เรือนสีพลาสม่า R30029912, เรือนสีน้ำตาล R30029902 บนหน้าปัดขนาด 35 มม.


6. LaCoupole

ลา คูโปล (LaCoupole) ความงามสง่าดุจเทพปั้นที่ได้แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมโดมแบบโค้งในยุคเรเนซองส์ ได้ถูกถ่ายทอดโดยการนำเอกลักษณ์รูปทรงโดมมาออกแบบให้กลมกลืนไปกับรูปแบบสีของแต่ละรุ่น

ด้วยลวดลายคลื่นนูนที่อัดแน่นด้วยแล็กเกอร์แวววาวสร้างเอฟเฟกต์ 3 มิติอันโอ่อ่าบนหน้าปัด ขณะที่ตำแหน่งบอกเวลาทำจากเพชรจำนวน 11 เม็ด พร้อมช่องวันที่ที่มีขอบขัดเงาสะท้อนถึงความหรูหราและเปี่ยมเสน่ห์ ด้านสายนาฬิกาทำจากไฮเทคเซรามิกประกอบกับสแตนเลสที่ผสมผสานความสง่างามเข้ากับความสบายในการสวมใส่อย่างสูงสุด มาพร้อมฝาปิดหลังเรือนที่มีรายละเอียดอย่างปราณีต ในรูปแบบของมงกุฎจับเหลี่ยมมุมที่เข้ากันกับลวดลายคลื่นบนหน้าปัด

โดยมีทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ R22241703 ตัวเรือนพลาสม่าไฮเทคเซรามิกสีดำขัดเงา, R22242703 ตัวเรือนไฮเทคเซรามิกสีน้ำตาลขัดเงา และรุ่น R22240703 ตัวเรือนพลาสม่าไฮเทคเซรามิกสีขาวขัดเงา

Advertisement

แชร์
ตำนานจากปี 1962 ! 6 นาฬิกาหรูน่าสะสมแห่งปี จาก 6 คอลเลกชั่นชื่อดัง