
รถติดแต่ปวดฉี่คือฝันร้าย! เลี่ยงได้เลี่ยง อาหารและเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์กระตุ้นปัสสาวะ ควรเลี่ยงก่อนออกเดินทางที่ต้องเจอรถติด อย่างช่วงเทศกาลปีใหม่
การเดินทางข้ามจังหวัดในช่วงเทศกาลปีใหม่ของประเทศไทย ถือเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่มาพร้อมกับความท้าทายด้านสาธารณสุขอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะสภาวะอัมพาตทางการจราจรบนเส้นทางสายหลักที่มักทวีความรุนแรงในช่วงที่ประชาชนนับล้านออกเดินทางพร้อมกัน การติดเกาะบนท้องถนนเป็นเวลานานส่งผลโดยตรงต่อระบบขับถ่ายของเสียในร่างกาย นำไปสู่ความทุกข์ทรมานจากอาการปวดปัสสาวะฉุกเฉิน ซึ่งหากจัดการอย่างไม่ถูกวิธีอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของโรคเรื้อรังหรือภาวะติดเชื้อที่รุนแรงถึงแก่ชีวิตได้
อันดับแรกต้องเข้าใจก่อนว่า ระบบการทำงานของกระเพาะปัสสาวะเป็นพื้นฐานสำคัญในการบริหารจัดการความต้องการขับถ่าย อวัยวะส่วนนี้มีหน้าที่เป็นอ่างเก็บน้ำชั่วคราวที่มีความยืดหยุ่นสูง โดยในภาวะปกติกระเพาะปัสสาวะของมนุษย์วัยผู้ใหญ่สามารถกักเก็บของเหลวได้ประมาณ 400-600 มิลลิลิตร เมื่อปริมาณปัสสาวะสะสมถึงระดับประมาณ 150- 250 มิลลิลิตร เส้นประสาทรับความรู้สึกจะเริ่มส่งสัญญาณไปยังสมองเพื่อแจ้งเตือนให้ทราบว่ามีความต้องการขับถ่ายในระดับเริ่มต้น
แต่เมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงสภาวะรถติดได้ และห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร ยกเว้นผู้โดยสารที่ใช้บริการรถของ บขส. ที่มักจะมีห้องน้ำให้บริการบนรถ การปรับพฤติกรรมเฉพาะหน้าสามารถช่วยยืดระยะเวลาการกลั้นปัสสาวะออกไปได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบหูรูดในทันที แล้วจะต้องทำอย่างไร หากรู้สึกปวดเมื่ออยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยรถติด
โดยสิ่งแรกที่ควรทำเมื่อเริ่มปวดปัสสาวะคือการทำตัวให้อุ่นเข้าไว้ เนื่องจากอุณหภูมิที่ต่ำจะยิ่งกระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ การเพิ่มอุณหภูมิในห้องโดยสารหรือการห่มผ้าจะช่วยลดปฏิกิริยา Cold Diuresis ได้ นอกจากนี้ ท่าทางการนั่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการลดแรงกดทับ โดยการนั่งไขว่ห้างและการโน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อยจะช่วยจัดระเบียบตำแหน่งของกระเพาะปัสสาวะให้มีพื้นที่ว่างเพิ่มขึ้นและลดแรงบีบเค้นลงได้ชั่วคราว
นอกจากนี้อาหารและเครื่องดื่มที่พกติดตัวระหว่างการเดินทางก็มีส่วนสำคัญ เพราะเครื่องดื่มและอาหารบางชนิดมีฤทธิ์กระตุ้นการขับปัสสาวะที่รุนแรง ซึ่งควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาดในช่วงที่ต้องเผชิญรถติด
กาแฟและชา
คาเฟอีนในกาแฟและชา จะกระตุ้นการทำงานของไตและทำให้ร่างกายขับโซเดียมและน้ำออกมามากขึ้น รวมถึงกระตุ้นกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะให้บีบตัวไวขึ้น แม้จะมีปริมาณน้ำน้อย
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
โดยปกติแล้วก่อนการเดินทางไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนของตนเองและผู้อื่น ในแอลกอฮอล์ยังมีฤทธิ์กดฮอร์โมนแอนติไดอูเรติก (Antidiuretic Hormone - ADH) ทำให้ไตขับน้ำออกมามากกว่าปกติ นำไปสู่สภาวะปวดปัสสาวะรุนแรงและร่างกายขาดน้ำ
น้ำอัดลมและเครื่องดื่มหวานจัด
น้ำตาลและก๊าซคาร์บอนิกในน้ำหวาน สามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองผนังกระเพาะปัสสาวะ และส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียหากมีการกลั้นไว้นาน
ผลไม้ที่มีน้ำเยอะและโพแทสเซียมสูง
เช่น แตงโม สับปะรด และส้ม โดยเฉพาะแตงโมที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบสูงมากและมีฤทธิ์ขับปัสสาวะโดยตรง ส่วนสับปะรด และส้มมีความเป็นกรดและน้ำเยอะ กระตุ้นให้ระคายเคืองกระเพาะปัสสาวะ จึงทำให้ปวดปัสสาวะได้ง่าย
น้ำผลไม้-น้ำสมุนไพร
เช่น น้ำกระเจี๊ยบ ซึ่งเป็นยาสมุนไพรทางเลือกที่เด่นเรื่องการขับปัสสาวะและลดความดัน , น้ำมะพร้าว มีโพแทสเซียมสูงและช่วยชำระล้างทางเดินปัสสาวะ และยังรวมถึงน้ำข้าวโพดหรือน้ำหนวดข้าวโพด ก็มีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะโดยตรงเช่นกัน
อาหารรสเผ็ดจัดและมีกรดสูง
อาหารรสเผ็ดจัดมีสารแคปไซซิน (Capsaicin) และอาหารที่มีกรดสูง เช่น ผลไม้ตระกูลส้มหรืออาหารหมักดอง มีส่วนกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและระคายเคืองในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งจะทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อปัสสาวะมีความเข้มข้นสูงจากการดื่มน้ำน้อยระหว่างเดินทาง ในทางกลับกัน การจิบน้ำเปล่าอุณหภูมิห้องในปริมาณที่พอเหมาะ ประมาณ 1.5 ลิตรต่อวัน และลดปริมาณลงในช่วง 2 ชั่วโมงก่อนเดินทาง เป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุด
ผลเสียร้ายแรงของการกลั้นปัสสาวะที่เกินขีดจำกัด อาจนำไปสู่ภาวะติดเชื้อที่ลุกลามได้ แบคทีเรีย โดยเฉพาะ E. coli ที่ปนเปื้อนอยู่ในท่อปัสสาวะสามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วในน้ำปัสสาวะที่หยุดนิ่ง นำไปสู่โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ซึ่งมีอาการปวดแสบขัดและปัสสาวะมีเลือดปน หากทิ้งไว้เนิ่นนาน เชื้ออาจไหลย้อนกลับผ่านท่อไตขึ้นไปสู่ไต ก่อให้เกิดโรคกรวยไตอักเสบ ซึ่งจะทำให้มีไข้สูง ปวดหลัง และคลื่นไส้อาเจียน สภาวะที่อันตรายที่สุดคือการที่เชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะช็อกและเสียชีวิตได้ในรายที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
ดังนั้นจึงควรมีถุงปัสสาวะเจลหรือผ้าอ้อมผู้ใหญ่ติดรถไว้ในช่วงเดินทางไกล สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นสัญลักษณ์ของนักเดินทางที่เป็นมืออาชีพและใส่ใจสุขภาพของตนเอง
Advertisement